พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 444 เจรจาต่อรอง
เมื่อได้ยินว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญของอาณาจักรหลงซานมาที่นี่เพื่อส่งสาส์น หลิงตู้ฉิงและคนที่เหลือก็หยุดทันที จากนั้นก็มีคนนำผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญผู้นั้นเข้ามา
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญนั้นมายืนต่อหน้าทุกคนและพูดเสียงดังว่า “ฝ่าบาท จักรพรรดิของข้ากำลังรอพวกท่านอยู่ที่เกาะสำริด เพื่อเจรจาหาทางแก้ไขความบาดหมางนี้ของพวกเรา”
หลิงยี่เทียนพยักหน้าและพูดขึ้นว่า “ไม่มีปัญหา เจ้าจงกลับไปบอกหยูเจิ้งหมิงให้เตรียมตัวรอข้าที่นั่นได้เลย!”
หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญผู้นั้นแจ้งสาส์นเสร็จ เขาก็หันกลับและบินจากไป
จากนั้นหลิงยี่เทียนถามหลิงตู้ฉิง “ท่านพ่อ เราจะจัดการกับหยูเจิ้งหมิงอย่างไรดี?”
หลิงตู้ฉิงมองกลับไปที่หลิงว่านถิง ซึ่งยังคงหลับอยู่ในรถม้าและพูดขึ้นว่า “พ่อสัญญากับว่านถิงว่าจะให้นางเป็นคนตัดสินใจว่า หยูเฉิงฮุยจะอยู่หรือตาย แต่พ่อไม่ได้ให้นางตัดสินใจว่าหยูเจิ้งหมิงควรมีชีวิตอยู่หรือไม่ เมื่อเราไปถึงเกาะสำริด เราจะจับตัวหยูเจิ้งหมิงเอาไว้ก่อน”
ในขณะนี้หลิงว่านถิงยังคงหลับใหลอยู่เพราะสิ่งที่หลิงตู้ฉิงสาธิตให้นางเรียนรู้นั้นมันมากเกินไป และแน่นอนว่าถึงแม้นางจะไม่ได้หลับ แต่นางก็คงไม่สนใจชีวิตของหยูเจิ้งหมิงอยู่ดี
สิ่งที่นางอยากรู้มีเพียงสิ่งเดียวก็คือ หยูเฉิงฮุยรักนางบ้างหรือเปล่า?
หลิงยี่เทียนพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ข้าจะลบชื่ออาณาจักรหลงซานออกจากทะเลชางหมางซะ เพื่อตอบแทนสิ่งที่พวกมันทำไว้กับพี่สอง!”
หลิงฟ่างหัวที่ยืนอยู่ด้านข้าง นางพูดแทรกขึ้นว่า “ท่านพ่อ ข้าต้องฆ่าไอ้ผู้ชายคนนั้นให้ได้!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เราจะคุยกันเรื่องนี้หลังจากพี่สองของเจ้าตัดสินใจแล้ว!”
เมื่อเขาลั่นวาจาแล้ว เขาก็ต้องรักษาคำพูด
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ หลิงฟ่างหัวทำหน้ามุ่ยหน้าด้วยความไม่พอใจ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้นางจะไม่พอใจ แต่นางก็ต้องฟังพ่อของนางเป็นธรรมดา
สิ่งที่นางกังวลก็คือ นางกังวลว่าเมื่อพี่สองของนางได้พบกับหยูเฉิงฮุย พี่ของนางจะใจอ่อนกับคำอ้อนวอนของฝั่งตรงข้ามและปล่อยเขาไปอีกครั้ง เพราะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด นางยังคงรู้สึกว่าพี่สองของนางนั้นโง่เง่าเป็นอย่างมากและยังมีใจให้กับผู้ชายคนนั้น อย่างไรก็ตามตอนนี้พี่สองของนางกำลังหลับสนิท นางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำได้แค่เงียบไปก่อน
ในฐานะอดีตสมาชิกของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิต เสี่ยวเยว่เฟิงจึงคุ้นเคยกับตำแหน่งของเกาะต่าง ๆ
ภายใต้คำแนะนำของนาง หลงเฉินก็ได้บินไปยังเกาะสำริด
ซึ่งในเวลาเดียวกัน ทหารนับหมื่นที่บินตามหลังพวกเขาก็บินไปทั่วดินแดนของอาณาจักรหลงซาน
ผ่านไปครึ่งวัน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเกาะสำริดที่หยูเจิ้งหมิงกำลังรออยู่
นอกเหนือจากผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์หลายร้อยคน เขายังนำกองทัพขนาดเล็กติดตามมาด้วย
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าไม่ว่าเขาจะนำกองทหารมากี่คนมันก็ไม่มีประโยชน์เท่ากับผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็ตาม
แต่ยังไงซะ ในฐานะจักรพรรดิ มันจะดูเหมือนว่าเขาคงจะขาดอะไรไปบางอย่างหากเขาไม่นำกองทัพมาด้วยเพื่อแสดงแสนยานุภาพ
จากนั้นเขาก็เห็นผู้คนของอาณาจักรจันทรากำลังบินมาแต่ไกล แต่เมื่อเขาเห็นรถม้าที่ถูกลากโดยหลงเฉิน ดวงตาของหยูเจิ้งหมิงก็หรี่ลงพร้อมกับพึมพำในใจ
คนพวกนี้ช่างบังอาจจริง ๆ ที่กล้าทำเรื่องอันตรายเช่น เอาเผ่ามังกรมาลากรถม้าแบบนี้
หยูเจิ้งหมิงส่งสัญญาณไปยังขันทีผู้หนึ่งที่ยืนอยู่เคียงข้างเขา และจากนั้นขันทีผู้นั้นก็ตะโกนขึ้นทันที “องค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรจันทรา! ฝ่าบาทของเรารอพระองค์มานานมากแล้ว โปรดพระองค์จงแสดงตัวด้วย!”
เมื่อสิ้นเสียงขันทีผู้นั้น ประตูของรถม้าที่อยู่ตรงข้ามพวกเขาก็เปิดออก จากนั้นคนแรกที่ปรากฎตัวขึ้นให้พวกเขาเห็นก็คือ หลิงตู้ฉิง ซึ่งเหยียนฮ่าวหัวก็ส่งเสียงไปทางโทรจิตกับหยูเจิ้งหมิงทันที “ฝ่าบาท คนผู้นั้นคือคนที่รับมือกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญของเราได้มากกว่า 100 คน!”
หยูเจิ้งหมิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็พนักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ตะโกนขึ้น “เจ้าเป็นใคร? แล้วหลิงยี่เทียนไปไหน? ข้ามีเรื่องจะคุยกับเขา”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ลูกชายของข้าไม่อยากคุยกับเจ้า ส่วนข้ามีเพียงคำถามเดียวสำหรับเจ้า จงตอบมาว่าหยูเฉิงฮุยอยู่ที่ไหน?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง หยูเจิ้งหมิงก็นึกได้ถึงตัวตนของหลิงตู้ฉิงในทันที และยิ้ม “อ๋อ เป็นท่านเองสินะคณบดีศาลาศักดิ์สิทธิ์อันโด่งดัง! แต่ถึงแม้ว่าเจ้าจะโด่งดังสักแค่ไหน แต่อย่าลืมว่านี่เป็นเรื่องระหว่างสองอาณาจักร ดังนั้นข้าคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าท่านจะให้หลิงยี่เทียนมาคุยกับข้าโดยตรง! แม้ว่าท่านจะเป็นคณบดีศาลาศักดิ์สิทธิ์และเป็นบิดาของจักรพรรดิ แต่ท่านก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งในเรื่องของเรา”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่หยูเจิ้งหมิง และพูดขึ้นย้ำอีกครั้ง “ข้าจะถามเจ้าอีกครั้งว่า หยูเฉิงฮุยอยู่ที่ไหน?”
“ข้ารู้ว่ามีความเข้าใจผิดระหว่างเราทั้งสองฝ่าย เหตุผลที่ข้ามาที่นี่ในครั้งนี้คือเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ อย่างไรก็ตามข้ายังคงต้องการที่จะพูดคุยกับหลิงยี่เทียนเป็นการส่วนตัว” หยูเจิ้งหมิงพูดอีกครั้ง
หลิงตู้ฉิงมองไปที่หลิงยี่เทียนที่อยู่ข้าง ๆ เขา และหลิงยี่เทียนก็ตะโกนขึ้นด้วยความเข้าใจ “คำพูดของบิดาข้าถือได้ว่าเป็นคำพูดของข้า และอีกอย่าง ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับเจ้าทั้งนั้น สิ่งที่เจ้าต้องทำในตอนนี้ก็มีเพียงแค่ส่งตัว หยูเฉิงฮุย มาให้เราเดี๋ยวนี้!”
หยูเจิ้งหมิงยิ้มและพูดว่า “แต่ข้าได้เตรียมงานเลี้ยงไว้แล้ว พวกเราค่อยคุยกันระหว่างรับประทานอาหารกันเถอะ”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้มันอ้อมค้อม เพียงแค่บอกมาว่าต้องการอะไร” หลิงยี่เทียนตอบกลับ
“งั้นข้าจะพูดตรง ๆ” เมื่อเห็นว่าหลิงยี่เทียนยืนยัน หยูเจิ้งหมิงจึงจำใจพูดขึ้น “แม้ว่าจะมีความเข้าใจผิดกันระหว่างท่านกับน้องชายของข้า แต่มันก็ยังไม่มีความเสียหายร้ายแรงใด ๆ ที่เกิดขึ้น และอีกอย่างท่านควรจะรู้ว่านอกจากอาณาจักรจันทราของท่านแล้ว ไม่มีใครในทะเลชางหมางที่สามารถต้านทานอาณาจักรหลงซานของเราได้”
“และถ้าหากท่านไม่รู้ ข้าจะบอกให้ว่าอาณาจักรของข้านั้นมีอาณาจักรมังกรทะยานและภูเขาเอ้อหลงเป็นผู้หนุนหลังให้อยู่ด้านนอกทะเลชางหมาง ดังนั้นความแข็งแกร่งของข้าจึงไม่ได้มีเพียงแค่เท่านี้ ส่วนในสถานที่ที่เรียกว่าทะเลชางหมางแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยความลับมากมาย ข้าคิดว่าท่านคงรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี”
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพวกข้าวางแผนเกี่ยวกับทะเลชางหมางมาโดยตลอดและพวกข้าก็ได้ค้นพบความลับของมันมามากมายแล้วเช่นกัน หากท่านเต็มใจ เราสามารถร่วมมือกันค้นหาความลับของทะเลชางหมางไปด้วยกันได้ สำหรับปัญหาระหว่างพี่สาวของท่านและน้องชายของข้า หากเราร่วมมือกันเราก็สามารถให้พวกเขาแต่งงานกันได้”
“เพราะว่าข้าเองก็ได้รู้มาว่าพี่สาวของท่านเองชอบน้องชายของข้าเป็นอย่างมาก และน้องชายของข้าก็ชอบพี่สาวของท่านเช่นกัน ดังนั้นมันจะดีที่สุดหากพวกเราทั้งสองร่วมมือกันเพื่อปกครองเหนือทะเลชางหมางและแบ่งผลประโยชน์ในทะเลชางหมางไว้กับมือของพวกเราเอง”
หยูเจิ้งหมิงพูดยาวเหยียด แต่ก่อนที่หลิงยี่เทียนจะทันได้ตอบอะไรไป หลิงตู้ฉิงก็พูดขึ้นก่อน “ข้าบอกให้เจ้ามอบหยูเฉิงฮุยให้ข้า ข้าไม่อยากได้ยินเรื่องไร้สาระอะไรของเจ้า!”
หลังจากที่หลิงตู้ฉิงพูดจบ เขาก็ดึงพลังของรถม้าให้ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาและเรียกหลิงจู้ให้มาอยู่ในมือของเขาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็โยนเส้นขนของหลิงจู้สองเส้นลงไปบนพื้น ซึ่งเมื่อมันแตะพื้นมันก็มุดลงพื้นอย่างเงียบ ๆ และกลายเป็นรากไม้พุ่งไปหาหยูเจิ้งหมิงจากใต้ดิน
ในเวลาเดียวกัน หลิงตู้ฉิงก็ได้เด็ดเส้นขนเพื่ออีกหนึ่งเส้นและโยนมันออกไปทางหยูเจิ้งหมิงอีกรอบ ซึ่งรอบนี้เส้นขนที่ถูกโยนออกไปมันได้กลายเป็นแส้ยาวพุ่งเข้าไปคว้าตัวหยูเจิ้งหมิง
“ปกป้องฝ่าบาท!” บรรดาผู้คนของฝั่งอาณาจักรหลงซานต่างตกตะลึง พวกเขาทุกคนรีบพุ่งตัวเข้าหาเส้นขนของหลิงจู้เพื่อสกัดกั้นและสร้างกำแพงป้องกันรอบตัวหยูเจิ้งหมิง เพื่อป้องกันไม่ให้หลิงจู้สัมผัสเขา
อย่างไรก็ตาม พวกเขานั้นไม่รู้ตัวเลยว่ามีรากสองเส้นกำลังเข้าใกล้หยูเจิ้งหมิงจากใต้พื้นดินอย่างเงียบ ๆ และในชั่วพริบตาที่พวกเขาเอาแต่สนใจแส้ยาวที่กำลังพุ่งเข้ามา จู่ ๆ รากไม้ก็ทะลุขึ้นมาบนพื้นดินมัดขาทั้งสองข้างของหยูเจิ้งหมิงเอาไว้ และลากเขาลงไปใต้พื้นดิน ซึ่งหลังจากนั้นเพียงชั่วพริบตาร่างของหยูเจิ้งหมิงก็ถูกลากขึ้นมาจากพื้นดินให้มาปรากฏตัวต่อหน้าหลิงตู้ฉิง
“รีบชิงตัวองค์จักรพรรดิกลับมาเดี๋ยวนี้!” ขันทีที่เคยยืนอยู่ด้านของหยูเจิ้งหมิงตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าร้อนรนทันที
แต่ในขณะที่เขาพูด เส้นขนที่กลายเป็นแส้ก็พุ่งเข้าหาเขาและใช้ส่วนปลายของมันแทงเข้าไปในร่างกายของเขา และเหวี่ยงร่างของเขาลงฟาดกับพื้นอย่างรุนแรงจนเขาถึงกับหมดสติไป
“ข้าต้องการถามคำถามเขา ถ้าใครกล้ามารบกวนข้า ก็เตรียมเจ็บตัวได้เลย!” หลิงตู้ฉิงพูดพลางกวาดสายตาไปยังกลุ่มผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรหลงซานทั้งหมด
ทางด้านของบรรดาผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรหลงซานทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ก็คือกลุ่มเดียวกับที่อยู่ที่ศึกบนเกาะไท่อี้ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ดีว่าหลิงตู้ฉิงแข็งแกร่งแค่ไหน แล้วในตอนนี้หลิงตู้ฉิงกลับได้ตัวจักรพรรดิของพวกเขาไปแล้ว พวกเขาจึงรู้ตัวว่าพวกเขาหมดหนทางที่จะต่อต้านอะไรได้อีก
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้สนใจพวกเขาต่อ เขามองไปที่หยูเจิ้งหมิงและถามว่า “เมื่อกี้นี้เจ้าพูดถึงอะไรนะ? ไหนลองพูดอีกครั้งสิ?”