พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 473 ข้าจะไม่ช่วยสามีของท่าน!
เหตุที่ฟางหมิงยู่และคนอื่น ๆ ต้องเริ่มเคลื่อนไหวมาที่อารามนวดาราก่อนเวลาอันควร นั้นก็เป็นเพราะพวกเขากังวลเกี่ยวกับกลุ่มคนปริศนาที่ปรากฏตัวขึ้น ซึ่งกลุ่มคนพวกนี้อาจจะมาช่วยอารามนวดาราและทำลายแผนการของพวกเขา
แล้วยิ่งตอนนี้เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงและกลุ่มคนของเขากำลังจะเข้าไปในอารามนวดารา พวกเขาจึงรีบขวางทางเอาไว้ทันที
แม้ว่าพวกเขาจะเห็นโม่เอ๋อที่ยืนอยู่ข้างหลิงตู้ฉิงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำ ฟางหมิงยู่และคนอื่น ๆ ต่างก็ไม่ได้กลัวอะไรนาง
เนื่องจากไม่ว่านางจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน นางก็เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำก็เท่านั้น แล้วยิ่งเมื่อพวกเขาได้รู้ว่าเจ้านายของนางคือ หลิงตู้ฉิง ที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณ พวกเขาก็ยิ่งไม่กลัวเข้าไปใหญ่
เนื่องจากเย่ชิงเฉิงและเย่หยูหลันยังไม่ได้ลงจากรถ พวกของฟางหมิงยู่จึงไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงยังมีผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังยิ่งกว่าอยู่ข้างกาย มิฉะนั้นท่าทีการแสดงออกของฟางหมิงยู่และคนที่มากับเขาคงไม่แสดงออกเช่นนี้
ในเวลานี้ คนทั้งสี่คนได้ยืนขั้นกลางอยู่ระหว่างหลิงตู้ฉิงและบรรดาคนของอารามนวดารา พวกเขายิ้มให้หลิงตู้ฉิง และพูดว่า “ท่านมีความสัมพันธ์อะไรกับอารามนวดารารึเปล่า?”
“ไม่!” หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและตอบกลับ
ในตอนนี้หลิงตู้ฉิงรู้สึกรำคาญเป็นอย่างมาก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนพวกนี้ถึงได้มาเซ้าซี้ถามคำถามเดิม ๆ ซ้ำ ๆ
“เนื่องจากพวกท่านทุกคน ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับอารามนวดารา ดังนั้นมันจะเป็นการดีที่สุดถ้าพวกท่านไม่เข้าไปในอารามนวดารา เพราะระหว่างพวกเรากับอารามนวดาราในตอนนี้มีเรื่องบางอย่างที่จะต้องเจรจากัน ซึ่งบางทีหากการเจรจาของเราไม่ราบรื่นนัก ข้าเกรงว่าพวกท่านอาจจะถูกลูกหลงจนต้องเจ็บตัวโดยที่ไม่จำเป็น” หลานฟ่างจุนพูดขึ้น
“จากลักษณะท่าทางของท่าน ข้าเข้าใจว่าท่านคงจะมาจากสำนักใหญ่ใช่ไหม?” ฟางหมิงยู่หัวเราะและพูดว่า “จะรังเกียจไหมหากข้าจะข้าสอบถามท่านสักหน่อยว่าท่านเป็นคนมาจากที่ใด?”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พวกข้ามาจากทะเลชางหมาง”
เมื่อได้รับคำตอบเช่นนี้ ฟางหมิงยู่และคนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึงพลางคิดในใจ ‘มันเป็นไปได้ไหมว่าในทะเลชางหมางมีสำนักโบราณซ่อนตัวอยู่ และตอนนี้พวกเขาได้ปรากฎกายขึ้นแล้ว?’
ในรถม้าเย่ชิงเฉิงและเย่หยูหลันกำลังสนทนากัน
“คุณหนู คำสั่งที่ข้าได้รับจากนายหญิงคือให้ปกป้องท่านเพียงอย่างเดียวเท่านั้น” เย่หยูหลันเตือนนาง “นอกเหนือจากการปกป้องท่าน ข้าจะไม่สนใจเรื่องอื่นใดแม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะเป็นสามีของท่าน แต่ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งในเรื่องของเขา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงเอ่ยตอบด้วยสีหน้าผิดหวัง “ป้าหลัน สามีของข้ากับข้ามีความแตกต่างกันยังไง? ครั้งล่าสุดที่เราอยู่ที่อาณาจักรมังกรทะยาน ป้าหลันก็เอาแต่เฝ้าดูโดยไม่ทำอะไรเลยสักอย่าง แล้วในตอนนี้ป้าหลันก็ตั้งใจที่จะดูเพียงอย่างเดียวโดยไม่ทำอะไรอีกงั้นเหรอ?”
“คุณหนู ข้ารู้ว่าสามีของท่านนั้นไม่ธรรมดาและเป็นเพราะเหตุนี้ข้าจึงไม่เคลื่อนไหวอะไร แต่ท่านต้องเข้าใจว่าในตอนนี้สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเรานั้นมีปัญหามากอยู่แล้ว แล้วนี่สามีของท่านกลับสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นไปในทุกที่ที่เขาไป แล้วแบบนี้ท่านจะให้ข้าออกหน้าช่วยเขาได้อย่างไร ท่านต้องเข้าใจว่าการที่เราสร้างศัตรูเพิ่มในเวลาเช่นนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง! ไม่เช่นนั้นในอนาคตคงได้มีกลุ่มกองกำลังเป็นจำนวนมากเข้ามารุกรานสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเราแน่นอน และเมื่อประกอบกับความวุ่นวายภายในสำนัก คุณหนูคิดว่าเราจะรอดพ้นภัยพิบัติที่จะมาถึงได้อย่างไร?” เย่หยูหลันพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
เย่ชิงเฉิงส่ายหัวและพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “สามีของข้าจะสามารถช่วยพ่อของข้าได้อย่างแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้นสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็จะกลับมาแข็งแกร่งเช่นเดิมแล้วภัยพิบัติทั้งหมดจะหายไป!”
เย่ชิงเฉิงอยู่เคียงข้างหลิงตู้ฉิงมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และความพิสดารที่นางเห็นจากหลิงตู้ฉิงนั้นก็มีมากกว่าที่เย่หยูหลันเห็นมากมายนับร้อยเท่า แต่น่าเสียดายที่นางไม่สามารถบอกเล่าเรื่องราวเหล่านั้นให้กับเย่หยูหลันได้มั่นใจได้เพราะมันเป็นความลับของหลิงตู้ฉิง
เย่หยูหลันยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมกับพูดว่า “คุณหนู อันที่จริงแล้วข้าไม่เห็นด้วยเลยตอนที่ท่านตัดสินใจแต่งงานกับเขา ปัญหาที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเราไม่สามารถแก้ไขได้มาเป็นเวลาหลายพันปี ท่านคิดว่าสามีของท่านจะแก้ไขมันได้ยังไง? แล้วก็ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเราไม่เคยเชิญผู้บ่มเพาะที่กลับชาติมาเกิดให้มาช่วยเราแก้ไขปัญหาที่เราเผชิญอยู่ ซึ่งทุกคนล้วนต่างไม่มีใครทำอะไรกับมันได้สักคน ท่านเข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่?”
ในตอนนี้ เย่หยูหลันรู้สึกว่าเย่ชิงเฉิงได้หลงสามีของตนเองจนเสียสติไปแล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงไม่เชื่อใจหลิงตู้ฉิงมากถึงขนาดนี้
เย่ชิงเฉิงเริ่มโมโหและตะคอกกลับ “ป้าหลัน การแต่งงานของข้านั้นแม่ของข้าเป็นผู้ตกลงสนับสนุน ทำไมท่านถึงกล้าพูดว่าท่านไม่เห็นด้วยกัน?”
เย่หยูหลันพูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า “นั่นเป็นการตัดสินใจผ่านการมองจากเศษเสี้ยวจิตสำนึกของนายหญิง ดังนั้นนายหญิงอาจมองพลาดไปก็ได้”
“สรุปแล้วหมายความว่าป้าหลันจะไม่ช่วยข้าในครั้งนี้ใช่ไหม?” เย่ชิงเฉิงถามตัดจบ
เย่หยูหลันพยักหน้าอย่างหนักแน่นและพูดว่า “ไม่เพียงแต่ข้าจะไม่ช่วยในครั้งนี้ แต่ในครั้งต่อ ๆ ไปข้าก็จะไม่ช่วยเช่นกัน และในบางทีเพื่อป้องกันไม่ให้คุณหนูสร้างปัญหาให้กับสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเรา ข้าอาจจะเป็นผู้ที่หยุดท่านเอง ไม่เช่นนั้นระหว่างทางกลับไปที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เราอาจมีปัญหากับสำนักใหญ่อื่น ๆ ต่ออีก ซึ่งในท้ายที่สุดพวกเขาทั้งหมดคงจะต้องพากันมาที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเราเพื่อคิดบัญชี แล้วนี่ข้ายังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่สามีของท่านไปเอาเผ่ามังกรมาลากรถม้าให้เขาอีกเรื่อง ซึ่งในเรื่องนี้ท่านก็ควรรู้ดีว่ามันเป็นการหยามตำหนักมังกรมากขนาดไหน และเมื่อถึงเวลาข้าเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม้ว่าเย่ชิงเฉิงจะโกรธแต่นางก็ไม่สามารถทำอะไรกับเย่หยูหลันได้เพราะถ้ามองในมุมของเย่หยูหลัน มันก็ไม่แปลกที่ป้าหลันของนางจะคิดเช่นนี้ ทั้งความพิสดารอันแท้จริงของหลิงตู้ฉิงที่เย่หยูหลันยังไม่เห็น ทั้งการตัดสินใจสร้างเรื่องไปทั่วโดยไม่สนใจผลที่จะตามมา
อย่างไรก็ตามแม้นางจะขัดใจและโกรธที่เย่หยูหลันไม่ยอมออกหน้าช่วยเหลือ แต่นางก็ไม่ได้กังวลใจอะไรมากนัก เพราะตราบใดที่ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาอยู่ที่นี่ นางเชื่อว่าหลิงตู้ฉิงจะสามารถจัดการกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้ทั้งหมด
ภายนอกรถม้า เนื่องจากเย่ชิงเฉิงและเย่หยูหลันไม่ปรากฏตัวขึ้น ด้วยระดับการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงและคนของเขาที่อยู่ด้านนอกตอนนี้ที่ยืนอยู่ จึงไม่เพียงพอที่จะทำให้กลุ่มของฟางหมิงยู่หลีกทางให้ได้
หลังจากได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงมาจากทะเลชางหมาง ความคิดของฟางหมิงยู่และคนที่มากับเขาก็ประเมินหลิงตู้ฉิงต่ำลงไปอีกขั้นทันที
“เนื่องจากพวกเจ้าทุกคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอารามนวดารา ดังนั้นโปรดออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!” จางไป๋อู่แห่งสำนักอนันต์ตะโกนสั่งให้พวกของหลิงตู้ฉิงออกไป
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าทำไม หลิงตู้ฉิงถึงได้มีเผ่ามังกรมาลากรถม้าให้หรือทำไมเขาถึงมีสาวใช้ที่ไม่ธรรมดา แต่นั่นก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เพราะหลิงตู้ฉิงได้บอกว่ามาจากทะเลชางหมาง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่หลิงตู้ฉิงอาจจะไม่ได้มีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่อะไร ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่สนใจเรื่องของหลิงตู้ฉิง และไล่ให้เขาจากไปในทันที
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่จางไป๋อู่ และคนอื่น ๆ จากนั้นเขาจึงหันหน้าไปถามหวางหมิงหยวน “ในบรรดาสิ่งของสิบอย่างที่อารามนวดารามีอยู่ในคลังมีวัสดุระดับจักรพรรดิรึเปล่า?”
หวางหมิงหยวนพูดอย่างเขินอาย “ผู้อาวุโส พูดตามตรงข้ายังไม่เคยเข้าไปในคลังของสำนัก มีเพียงเจ้าสำนักเท่านั้นที่รู้ว่ามันมีหรือไม่มี”
ในเวลาเดียวกัน หยวนต้าตงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่หยิ่งผยอง มองไปยังฟางหมิงยู่ และคนอื่น ๆ และถามว่า “พวกเจ้ามาทำอะไรในอารามนวดาราของข้า!”
เขาจำเป็นต้องทำตัวให้ขึงขังเข้าไว้ ไม่เช่นนั้นหากเขาแสดงท่าทีอ่อนด้อยกว่าออกมา พวกของฟางหมิงยู่อาจได้ใจและโจมตีเขาในทันที
หวางหมิงหยวนเหลือบมองหยวนต้าตงพลางสาปแช่งในใจ
ในเวลานี้เจ้ามาแสดงท่าทีขึงขังเสแสร้งทำบ้าอะไร?
การที่ไอ้คนพวกนี้มันกล้ามาที่นี่ขนาดนี้ เจ้าคิดว่าพวกมันจะกลัวการแสดงท่าทางขึงขังของเจ้างั้นเหรอ?
แล้วยิ่งในตอนนี้ที่มีเทพตัวจริงยืนอยู่ที่นี่ แทนที่เจ้าจะรีบวิ่งเข้ามาแสดงความเคารพ เจ้ากลับแสดงละครบ้าบอคอแตกอยู่ได้ หากไม่ใช่เพราะระดับการบ่มเพาะของเจ้ามีระดับสูงที่สุดสำนักตอนนี้ เจ้าคงไม่มีคุณสมบัติได้เป็นเจ้าสำนักคนใหม่อย่างแน่นอน!
เจ้ามันช่างเป็นไอ้คนขี้ขลาดและไม่ได้เรื่อง ไม่น่าแปลกใจเลยจริง ๆ ที่ท่านเจ้าสำนักคนก่อนถึงทิ้งให้เจ้าอยู่ดูแลอารามนวดาราในตอนนั้น!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หวางหมิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยเสียงอันดัง “เจ้าสำนัก! ผู้อาวุโสถามว่ามีวัสดุระดับจักรพรรดิอยู่ในคลังของเราหรือไม่? ท่านเป็นคนเดียวที่ได้เข้าไปตรวจสอบในคลังสมบัติ ดังนั้นมีเพียงท่านเท่านั้นที่จะตอบได้!”
เมื่อถูกตะโกนถามเช่นนี้ หยวนต้าตงก็สาปแช่งในใจ นี่เจ้าพูดบ้าอะไรของเจ้า?
ถ้าเขาตอบว่ามันมี มันก็จะยิ่งดึงดูดความสนใจให้สำนักของเขาน่าปล้นมากขึ้นไปอีก แต่ถ้าเขาตอบไปว่าไม่มี… ณ จุดนี้ใครจะเชื่อเขา?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หยวนต้าตงก็ตอบกลับด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “อารามนวดาราของเราเป็นสำนักที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในสามอันดับแรกของอาณาเขตหยกพิสุทธิ์ ดังนั้นแน่นอนว่าในคลังของเราต้องมีวัสดุระดับจักรพรรดิอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามวัสดุจักรพรรดิชิ้นนี้ถูกจับจองไว้แล้วโดยบรรพบุรุษของเราที่ตอนนี้กำลังปิดด่านบ่มเพาะอยู่ในสำนัก…”
หวางหมิงหยวนไม่ใส่ใจอะไรกับคำกล่าวอ้างของหยวนต้าตงในเรื่องของบรรพบุรุษของสำนักที่กำลังปิดด่านบ่มเพาะ
หากในตอนนี้พวกเขายังเหลือบรรพบุรุษที่กำลังปิดด่านบ่มเพาะอยู่จริง ป่านนี้บรรพบุรุษผู้นั้นก็ต้องโผล่หัวออกมาแล้ว ไม่ปล่อยให้สำนักอยู่ในสภาพเช่นนี้แน่นอน!
หวางหมิงหยวนหันหน้าไปหาหลิงตู้ฉิง และพูดขึ้นทันที “ผู้อาวุโสดูเหมือนว่าเราจะมีวัสดุระดับจักรพรรดิอยู่ชิ้นหนึ่ง ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะสามารถช่วยอารามนวดาราให้ผ่านพ้นภัยพิบัตินี้ได้”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “งั้นข้าขอจองวัสดุระดับจักรพรรดิชิ้นนั้น!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ยื่นมือไปทางรถม้า ส่งผลให้ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาส่องสว่างขึ้นบนร่างของเย่ชิงเฉิงทันที!