พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 478 ข้าไม่ต้องการแลกเปลี่ยนกับเจ้า!
ตอนนี้พวกเขาทุกคนต่างเพ่งมองไปที่ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาอย่างใจจดใจจ่อรอการปรากฏของโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์
ทันใดนั้นช่องว่างเล็ก ๆ ของค่ายกลกระบี่เหินเมฆาก็ถูกเปิดออกส่งผลให้โอสถ 2 เม็ดบินออกมาทันที หยวนต้าตงและหวางหมิงหยวนที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วก็รีบพุ่งไปตามคว้าโอสถ 2 เม็ดนั้นทันที และหลังจากนั้นเพียงครู่เดียวโอสถอีก 2 เม็ดก็บินออกมาจากค่ายกลกระบี่อีกรอบ ซึ่งรอบนี้ผู้อาวุโสอีก 2 คนที่ยังว่างอยู่ก็บินออกไปตามคว้าพวกมันเช่นกัน
หลังจากผ่านไปไม่นานทั้ง 4 คนก็ได้รับโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์มาทั้งหมด มันทำให้พวกเขาต่างรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก เพราะพวกมันคือส่วนสำคัญในการที่สำนักของพวกเขาจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
หลังจากปล่อยโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ในส่วนของอารามนวดาราไปแล้ว หลิงตู้ฉิงก็หันไปหาโม่เอ๋อ และพูดว่า “โอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์พวกนี้เดี๋ยวเจ้าเองก็จงรับมันไป 1 เม็ด มันจะทำให้เจ้าสามารถทะลวงไปยังระดับนักบุญได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น โม่เอ๋อก็ร้องออกมาด้วยความดีใจ “ขอบคุณนายท่าน!”
นางรู้ดีว่าโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์นั้นมีค่ามากแค่ไหนและรู้ว่ามันใช้ทำอะไรได้บ้าง ด้วยโอสถนี้นางแน่ใจว่าการทะลวงระดับของนางจะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
ทางด้านของเย่หยูหลัน เมื่อนางได้ยินว่าเป็นโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ นางที่นั่งอยู่ในรถม้าก็ไม่สามารถนั่งติดเบาะได้
นางกระโดดออกมาจากรถม้าและพูดว่า “เอ่อ…ท่านเขย ท่านพอจะแบ่งให้ข้าบ้างได้ไหม?”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่เย่หยูหลันด้วยสีหน้าเรียบเฉย และพูดว่า “เจ้าไม่เคยไม่ทำอะไรให้ข้าแม้แต่น้อย แล้วทำไมข้าจะต้องให้มันกับเจ้า? ถ้าหากเจ้าอยากได้โอสถแบบนี้เจ้าก็จงไปเอาจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าซะ ข้าคิดว่าสำนักของเจ้าเองก็คงไม่ได้ขาดแคลนโอสถแบบนี้อยู่แล้วนี่จริงไหม?”
เย่หยูหลันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรีบพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นว่าข้าขอแลกเปลี่ยนกับท่านจะได้ไหม?”
นางรู้วิธีการจัดการสิ่งต่าง ๆ ของหลิงตู้ฉิงเป็นอย่างดี ดังนั้นนางจึงยกเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนขึ้นมาแทน
“ข้าไม่ต้องการแลกเปลี่ยนกับเจ้า!” หลิงตู้ฉิงปฏิเสธอีกครั้ง
เมื่อได้รับคำตอบเช่นนี้ เย่หยูหลันก็ถึงกับตะลึงงัน
ตามนิสัยปกติของหลิงตู้ฉิงแล้ว เขาควรจะตกลงแลกเปลี่ยนไม่ใช่งั้นเหรอ? สำหรับคนผู้นี้ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็สามารถแลกเปลี่ยนได้ทั้งหมดไม่ใช่งั้นหรือหากราคามันยุติธรรมพอ? แต่แล้วทำไมครั้งนี้เขาถึงปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยแบบนี้กัน?
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วพลางคิดในใจ ‘ความรู้สึกแย่ ๆ ที่เขามีต่อเย่หยูหลันเช่นนี้มันมาจากไหนกัน? ทำไมเขาถึงไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน?’
ระหว่างที่ยังคงขมวดคิ้ว เขาก็บังคับให้ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาเข้าโอบล้อมรอบตัวเขาโดยไม่สนใจว่าโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือทั้งสามจะบินไปที่ใด ซึ่งหลังจากที่ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาห่อหุ้มตัวเขาไว้แล้ว เขาก็เริ่มทำสมาธิและพยายามทำความเข้าใจกับความรู้สึกใหม่นี้
ทางด้านเย่ชิงเฉิง เมื่อนางเห็นภาพเช่นนี้นางก็รีบกระโดดออกมาจากรถม้าและพูดกับโม่เอ๋อทันที “โม่เอ๋อ เจ้ารีบไปนำโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ของสามีข้ากลับมาเดี๋ยวนี้!”
“รับทราบ นายหญิง!” เมื่อพูดจบ โม่เอ๋อก็รีบบินขึ้นไปบนท้องฟ้าทันทีเพื่อตามเก็บโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามเม็ดที่กำลังบินไปรอบ ๆ กลับมา
โชคดีที่ค่ายกลป้องกันของอารามนวดาราที่เปิดอยู่ได้ทำการปิดล้อมพวกมันไว้ ดังนั้นแม้ว่าพวกมันต้องการที่จะออกไปพวกมันก็ไม่สามารถทำได้ นางจึงใช้เวลาไม่นานในการจับโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามเม็ดนั้นได้ทั้งหมด
สำหรับผู้คนของอารามนวดารา เมื่อพวกเขาเห็นสัญลักษณ์บนหน้าอกของเย่ชิงเฉิง พวกเขาก็รีบเดินมาที่ข้างหน้านางและโค้งตัวแสดงความเคารพทันที “พวกเราขอคารวะแขกผู้มีเกียรติ จากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์!”
พวกเขาดีใจเป็นอย่างมากที่การแลกเปลี่ยนที่พวกเขาได้กำไรอย่างมหาศาล ในครั้งนี้นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ด้วย
เย่ชิงเฉิงโบกมือและพูดว่า “ไว้คุยเรื่องอื่นกันทีหลัง ตอนนี้พวกท่านจงคอยระวังเอาไว้อย่าให้มีใครรบกวนสามีของข้าในขณะที่เขาอยู่ในสภาวะหยั่งรู้!”
“พวกเราเข้าใจแล้ว!” ผู้คนของอารามนวดาราทั้งหมดต่างพูดออกมาพร้อมกัน
ภายใต้ความสนใจของทุกคนในอารามนวดารา หลิงตู้ฉิงเดินออกจากค่ายกลกระบี่เหินเมฆาหลังจากผ่านไป 3 วัน
ในสายตาของคนอื่น ๆ หลิงตู้ฉิงนั้นไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลย
อย่างไรก็ตาม หากหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์อยู่ที่นี่ นางจะบอกได้ทันทีว่าเขาดูเหมือนมนุษย์มากขึ้นเพราะเขามีลักษณะบางอย่างของคนปกติเพิ่มขึ้นมาอีกประการ
“สามีท่านเป็นอะไรรึเปล่า?” เย่ชิงเฉิงถามทันทีด้วยความกังวล
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ข้าไม่เป็นไร! หลังจากที่ข้าจัดการเรื่องที่เหลือเสร็จแล้วเราจะออกจากอารามนวดารากันทันที”
“เอาล่ะ ข้าจะไม่รบกวนท่านแล้ว” เย่ชิงเฉิงพยักหน้าและเดินกลับไปที่รถม้า
เย่หยูหลันที่เฝ้าดูอยู่ด้านข้างอย่างเงียบ ๆ ก็เหลือบมองไปที่หลิงตู้ฉิงเช่นกัน จากนั้นนางก็เดินกลับไปที่รถม้าตามเย่ชิงเฉิง
แม้ว่านางจะต้องการโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ แต่ในเมื่อหลิงตู้ฉิงยืนยันกับนางเสียงแข็งว่าเขาจะไม่มอบมันให้นาง นางจึงไม่มีทางเลือกได้แต่ยอมแพ้ นอกจากนี้นางยังรู้จักนิสัยของหลิงตู้ฉิง ถ้าเขาบอกว่าจะไม่ให้นาง เขาก็จะไม่ให้จริง ๆ
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะปฏิเสธนาง ในใจของนางตอนนี้กลับเพิ่มระดับความสำคัญของหลิงตู้ฉิงมากขึ้นไปอีก
“นายท่านนี่คือโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ของท่าน!” เมื่อเห็นว่าไม่มีใครรบกวน โม่เอ๋อจึงส่งโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์สามเม็ดที่นางได้ทำการผนึกความเคลื่อนไหวของพวกมันไว้เรียบร้อยให้กับหลิงตู้ฉิง
หลิงตู้ฉิงหยิบโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์คืนกลับมาสองเม็ด และเหลืออีกหนึ่งเม็ดเอาไว้ให้นางพร้อมกับพูดว่า “ข้าสัญญากับเจ้าเอาไว้ว่าข้าจะให้เจ้าหนึ่งเม็ด ดังนั้นจงรับมันไปและจงรีบใช้มันตอนนี้ในขณะที่ค่ายกลป้องกันของอารามนวดารายังคงเปิดอยู่ ซึ่งเจ้าจะได้ไม่ต้องเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ในระหว่างที่เจ้าทะลวงระดับนักบุญด้วยตัวของเจ้าเอง”
“ขอบคุณ นายท่าน!” โม่เอ๋อพูดอย่างซาบซึ้งใจ
จากนั้นนางก็รีบเก็บโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์คุณภาพขั้นกลางเข้าไปในแหวนและวิ่งไปหาที่สงบเพื่อทำการทะลวงระดับทันที ด้วยโอสถเม็ดนี้มันจะทำให้นางประหยัดเวลาได้ถึงหลักร้อยปีสำหรับการทะลวงระดับไปยังระดับนักบุญ
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเขาเห็นว่าโม่เอ๋อวิ่งออกไปหาที่สงบสำหรับทะลวงระดับแล้ว เขาก็เก็บโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่เหลืออีกสองเม็ดลงไปในแหวนมิติ เพราะในเมื่อเขาไม่ต้องการมอบให้เย่หยูหลัน และคนอื่น ๆ ก็ยังไม่มีใครที่ใช้มันแล้วเกิดประโยชน์สูงสุด ดังนั้นเขาจึงเก็บมันเอาไว้ก่อนเพื่อรอเวลาที่เหมาะสมที่คนของเขาจะใช้มันได้
หลังจากเก็บโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในแหวนแล้ว หลิงตู้ฉิงก็พูดกับหยวนต้าตง “เอาหุ่นเชิดที่พวกเจ้าขโมยไปจากข้าและสมบัติระดับนภาครามรวมไปถึงวัสดุต่าง ๆ ที่ข้าเคยบอกกับพวกเจ้าไปก่อนหน้านี้มาให้ข้า”
นี่เป็นอีกหนึ่งความช่วยเหลือที่หลิงตู้ฉิงจะมอบให้กับอารามนวดารา ซึ่งก็คือการปรับแต่งหุ่นเชิดระดับนภาครามให้กับพวกเขา
ในตอนนี้เมื่อผู้คนของอารามนวดาราได้ยินคำสั่งของหลิงตู้ฉิง พวกเขาต่างก็เชื่อฟังอย่างสุดใจ เนื่องจากตัวตนตรงหน้าพวกเขาตอนนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นผู้ที่ได้ครอบครองความลับของทะเลชางหมาง แต่เขายังเป็นลูกเขยของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
ดังนั้นพวกเขาจึงรีบนำสิ่งของที่หลิงตู้ฉิงเอ่ยขอออกมาทั้งหมด แน่นอนว่ามันรวมไปถึงหุ่นเชิดที่ถูกขโมยไปก็ถูกนำออกมาด้วย
เมื่อครั้งตอนที่หุ่นตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่ มันคือผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับนักบุญ แต่เนื่องจากวิญญาณของมันหายไปมันจึงไม่สามารถใช้ทักษะใดที่เกี่ยวกับกฎของระดับสวรรค์ได้อีกต่อไป ซึ่งทำให้มันไม่มีประโยชน์ต่อหลิงตู้ฉิงมากนัก เขาจึงปล่อยมันทิ้งไว้ที่เมืองหยูหลันโดยที่ไม่สนใจว่าจะมีใครมาขโมยมันไปหรือไม่
ซึ่งเหล่าศิษย์ของอารามนวดาราก็ขโมยมันกลับมาจริง ๆ แต่เหตุผลที่พวกเขาขโมยมันกลับมาก็พอที่จะเข้าใจได้ เพราะการที่พวกเขาสูญเสียเหล่าผู้อาวุโสของสำนักไปเป็นจำนวนมาก มันทำให้พวกเขารู้ดีว่าในเวลานี้สำนักของพวกเขากำลังขาดกำลังคนและในเมื่อมีหุ่นเชิดที่มีความแข็งแกร่งระดับนักบุญถูกทิ้งไว้อยู่ พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะขโมยมันกลับมาที่สำนักเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับสำนักของตนเอง
ไม่มีใครคาดคิดว่าการตัดสินใจในอดีตของพวกเขา จะส่งผลให้ในเวลานี้พวกเขากำลังจะมีหุ่นเชิดระดับนภาครามไว้ใช้งาน
เมื่อหลิงตู้ฉิงเห็นว่าส่วนประกอบทุกอย่างที่เขาต้องการเพื่อใช้ในการปรับแต่งหุ่นเชิดครบหมดแล้ว เขาก็เริ่มทำการปรับแต่งมันทันที โดยในขั้นตอนแรกเขาเริ่มจากการยัดสมบัติวิเศษระดับนภาครามลงไปในห้วงจิตสำนึกของหุ่ นและจากนั้นเขาก็ใช้วัสดุต่าง ๆ หลอมรวมเข้ากับร่างของหุ่นไปทีละส่วน ๆ ไปเรื่อย ๆ จนสมบูรณ์
ผ่านไปครึ่งเดือน ในที่สุดการปรับแต่งก็ประสบความสำเร็จ!