พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 508 เด็กหนุ่มหัวรั้น
สองเดือนต่อมา ในที่สุดหลงเฉินก็ลากรถม้ามาถึงเหวมรณะที่แบ่งกั้นระหว่างอาณาเขตวิญญาณโลหิตและอาณาเขตสุสานกระบี่
เมื่อรู้สึกได้ว่าหลงเฉินหยุดรถม้า เย่ชิงเฉิงจึงเปิดใช้งานค่ายกลกระบี่เหินเมฆาโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยสั่งอะไร
จากนั้นด้วยการปกป้องของค่ายกลกระบี่เหินเมฆา หลงเฉินก็เริ่มลากรถม้าบินต่อเข้าไปยังเหวมรณะ
หลิงตู้ฉิงชะโงกหัวก้มมองลงไปที่เหวมรณะที่อยู่ใต้เท้าของเขา และอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนไปถึงฉากจากยุคโบราณที่เขาเห็นในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ
ในขณะเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงครุ่นคิดอยู่ จู่ ๆ ก็มีปราณกระบี่ที่ไม่รุนแรงนักสายหนึ่งพุ่งเข้าใส่ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาของเขา ซึ่งมันทำให้เขาตื่นจากห้วงความคิด
“นายท่านมีใครบางคนอยู่ในเหวมรณะ!” หลงเฉินอุทานออกมา
“หยุด!” หลิงตู้ฉิงสั่ง
หลงเฉินหยุดทันที และจากนั้นทุกคนก็ได้เห็นร่างของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งอยู่ในเหวมรณะ
เด็กหนุ่มผู้นี้มีระดับการบ่มเพาะอยู่ขอบเขตนภาระดับ 5 เท่านั้น แต่ในตอนนี้เขากลับฝึกกระบี่อยู่ในเหวมรณะที่สุดแสนจะอันตรายเพียงลำพัง!
ความอันตรายในเหวมรณะ อันตรายที่พบบ่อยที่สุดคือจากสัตว์ปีศาจ เช่น หนอนปีศาจ
ตอนนี้เด็กหนุ่มคนนี้กำลังบินกวัดแกว่งกระบี่วิญญาณธรรมดาเข้าต่อสู้กับปีศาจแมลง!
“เด็กคนนี้กำลังจะคิดสั้นที่นี่งั้นเหรอ?” หลงเฉินเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้างุนงง “อยู่แค่ขอบเขตนภาระดับ 5 เช่นนี้ กล้าเข้ามาในเหวมรณะคนเดียวได้ยังไง?”
เนื่องจากกฎต่าง ๆ ของสวรรค์และโลกในเหวมรณะนั้นมีความผันผวนวุ่นวายเป็นอย่างมาก หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขอบเขตสวรรค์ที่มีทักษะอาณาเขตสวรรค์ปกป้อง เขาอาจจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของกฎและพลาดถูกดูดลงไปยังก้นเหวอย่างง่ายดาย
ถ้าเขาตกลงไปในเหวมรณะจริง ๆ คงยากที่จะบอกว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร
หรือต่อให้เขาไม่ถูกดูดลงไปยังก้นเหว มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกสังหารโดยหนอนปีศาจ
หลิงตู้ฉิงมองไปที่หลงเฉินและพูดว่า “ถ้าเจ้ากล้าที่จะเข้ามาในเหวมรณะเพื่อฝึกฝนความสำเร็จของเจ้าในอนาคตอย่างน้อย ๆ เจ้าต้องอยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิ”
หลงเฉินยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “นายท่าน ข้าไม่กล้า!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงก็ยิ้มพลางส่ายหัวและไม่ได้ให้ความสนใจกับหลงเฉินอีกต่อไป จากนั้นเขามุ่งความสนใจไปที่เด็กหนุ่มที่กำลังฝึกกระบี่ต่อสู้แมลงปีศาจ ซึ่งคนอื่น ๆ ก็มองดูด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
มันเป็นไปได้ยังไงที่เด็กหนุ่มผู้นี้ยังยืนหยัดสู้กับแมลงปีศาจในสถานที่อันตรายเช่นนี้โดยไม่มีอาการหวาดหวั่นเลยได้ยังไง?
“เฟิงเรียกเขามาหาข้าที” หลิงตู้ฉิงสั่ง
เสี่ยวเยว่เฟิงเรียกเด็กหนุ่มที่กำลังต่อสู้กับปีศาจหนอนทันทีด้วยการเอ่ยคำพูดทางโทรจิต แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่านางจะเรียกเขายังไง เด็กหนุ่มผู้นั้นก็ไม่ตอบนางและยังคงต่อสู้กับแมลงปีศาจอย่างตั้งใจ
“นายท่าน ข้าควรจะลงไปและพาเขาขึ้นมาด้วยตนเองไหม?” เสี่ยวเยว่เฟิงถามขึ้น
ด้วยระดับการบ่มเพาะที่อยู่ในระดับหลุดพ้นสามัญของนาง มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับนางที่จะนำผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาขึ้นมาหาพวกเขา
หลิงตู้ฉิงโบกมือและพูดว่า “ไม่เป็นไร ถ้างั้นก็ถือว่าให้ข้าได้ดูเขาฝึกกระบี่อีกสักหน่อยก็แล้วกัน!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็นั่งกอดอกอยู่บนรถม้า พลางชะโงกหัวมองดูเด็กหนุ่มฝึกเพลงกระบี่ของเขาต่อไป
เด็กหนุ่มที่กำลังกวัดแกว่งกระบี่อยู่นั้น เขาขมวดคิ้วพลางมองไปที่รถม้าบนท้องฟ้าจากนั้นเขาก็เริ่มใช้เพลงกระบี่ที่รุนแรงขึ้น ส่งผลให้ปราณกระบี่ก่อรูปจนกลายเป็นรูปดอกบัวบานปกคลุมร่างกายและพื้นที่โดยรอบของเขา ซึ่งจากนั้นหนอนปีศาจที่เขากำลังต่อสู้อยู่ก็ถูกกลีบของดอกบัวที่บานออกตวัดเข้าใส่จนตัวของมันขาดครึ่งตกลงไปยังหุบเหวมรณะทันที!
หลังจากที่เด็กหนุ่มผู้นั้นสังหารหนอนปีศาจเสร็จแล้วเขาก็บินขึ้นมาถึงหน้ารถม้า
“นี่พวกท่านไม่รู้เหรอว่าการแอบมองคนอื่นฝึกกระบี่มันเป็นการกระทำที่หยาบคายมาก!” เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
หลิงตู้ฉิงเปิดช่องว่างของค่ายกลกระบี่เหินเมฆาออกและพูดกับเด็กหนุ่ม “เจ้าจงเข้ามาคุยกับข้าก่อน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เด็กหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็บินเข้าสู่ค่ายกลกระบี่เหินเมฆา
เขารู้ดีว่าหากคนที่อยู่ในรถม้าต้องการทำร้ายเขา เขาก็คงไม่มีทางหนี
“ถ้าไม่ใช่เพราะปราณกระบี่ของเจ้าบังเอิญสัมผัสกับค่ายกลกระบี่ของข้า ข้าก็คงไม่อาจค้นพบเจ้า!” หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดขึ้น “เพลงกระบี่ที่เจ้าฝึกฝนนั้นน่าสนใจมาก ข้ารู้สึกว่าพรสวรรค์ของเจ้าไม่เลวเลย เอาแบบนี้ไหม เจ้ามาเป็นศิษย์ในนามของข้าแล้วเดี๋ยวข้าจะชี้แนะเต๋ากระบี่ให้แก่เจ้า ข้ารับรองว่าในอนาคตเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นจนทุกคนในโลกจะต้องรู้จักนามของเจ้า!”
อันที่จริง หลิงตู้ฉิงเห็นบางสิ่งบางอย่างจากเพลงกระบี่ของเด็กหนุ่ม
เด็กหนุ่มมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความประหลาดใจ เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็โค้งคำนับและพูดว่า “เป็นความผิดพลาดของข้าที่รบกวนท่าน แต่สำหรับข้อเสนอให้ข้าเป็นศิษย์ในนามของท่าน ข้าคงต้องขอปฏิเสธ!”
โม่เอ๋อตะคอก “นายท่านอุตส่าห์จะรับเจ้าเป็นศิษย์ในนาม นั่นเป็นเพราะเขาถูกใจเจ้ามาก เด็กน้อยเจ้านี่มันช่างโง่เขลาจริง ๆ!”
เด็กหนุ่มส่ายหัว “ข้าสามารถหาเต๋ากระบี่ของตัวเองได้ ข้าไม่ต้องการคำชี้แนะจากใครทั้งนั้น นอกจากนี้มันคงไม่มีใครสามารถชี้แนะเต๋ากระบี่ของข้าได้หรอก”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม จากนั้นเขาก็แสดงเพลงกระบี่สุดท้ายที่เด็กหนุ่มใช้เมื่อสักครู่ก่อนหน้านี้
“นี่เป็นเพลงกระบี่ของเจ้าใช่ไหม?” หลิงตู้ฉิงพูด “เพลงกระบี่ของเจ้าในตอนนี้นั้นมีเพียงแค่รากฐานแต่ยังไม่มีแก่นแท้ ข้าสามารถบอกได้ว่าเจ้ากำลังใช้กฎที่วุ่นวายของหุบเหวมรณะและแรงกดดันของหนอนปีศาจ เพื่อบังคับเต๋ากระบี่ของเจ้าให้พัฒนายิ่งขึ้น แต่สิ่งที่เจ้าไม่รู้ก็คือวิธีนี้มันยากเกินไป! รากฐานของเจ้าตื้นเขินเกินไปและได้เห็น เต๋ากระบี่มาน้อยเกินไป แม้ว่าเจ้าจะมีความสามารถ แต่เจ้าคงไม่สามารถเข้าใจเต๋ากระบี่ของตัวเองได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ จากการประเมินของข้า ถ้าเจ้าฝึกฝนด้วยตัวเอง เจ้าคงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 300 ปีในการเข้าใจมันจนสมบูรณ์ แต่ถ้าเจ้ามาเป็นศิษย์ในนามของข้า เจ้าอาจจะใช้เวลามากที่สุดเพียง 10 ปีเท่านั้นในการเข้าใจเต๋ากระบี่ของตัวเอง!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เด็กหนุ่มก็เงียบลงเนื่องจากเขารู้ตัวดีว่าตั้งแต่เกิดมาในอาณาเขตสุสานกระบี่ ถึงแม้เขาจะมีโอกาสเห็นเต๋ากระบี่ของผู้อื่นมาบ้างแต่มันก็น้อยเป็นอย่างมาก จนมันทำให้เขาต้องมาที่เหวมรณะเพื่อฝึกเต๋ากระบี่ของเขาด้วยตนเอง
ซึ่งเขาก็รู้ดีว่าสถานที่แห่งนี้มันอันตรายมาก หากเกิดความผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวเขาจะตายลงทันที
“เจ้าชื่ออะไร?” หลิงตู้ฉิงถาม
เด็กหนุ่มพูดด้วยเสียงที่ชัดเจน “ข้าชื่อ มู่เฉียนซ่ง”
หมิงยู่ที่อยู่ด้านข้างพูดเสริมขึ้นทันที “นายท่าน ตระกูลมู่ เป็นหนึ่งในตระกูลที่อยู่ในอาณาเขตสุสานกระบี่ แต่ตระกูลของพวกเขาไม่แข็งแกร่งมากนักแถมชื่อเสียงของพวกเขาก็ค่อนข้างโดดเด่นไปในทางที่ไม่ดีสักเท่าไหร่…”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่มู่เฉียนซ่งโดยไม่พูดอะไร อันที่จริงเขาเองก็พอรู้ข้อมูลของตระกูลมู่มาอยู่บ้างจากข้อมูลที่เขาได้รับจากตำหนักหอมรัญจวน ส่วนเหตุผลที่ตระกูลมู่มีชื่อเสียงไม่ด้านลบก็เพราะว่าคนของตระกูลมู่ล้วนแล้วแต่หยิ่งผยองและโง่เขลาจนหาที่เปรียบไม่ได้!
จากบันทึกของตำหนักหอมรัญจวน พบว่าอันที่จริงแล้วคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในตระกูลมู่นั้นมีความสามารถที่โดดเด่น ซึ่งด้วยความสามารถเช่นนี้ตระกูลมู่ควรจะเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งกว่านี้ในอาณาเขตสุสานกระบี่
โดยเฉพาะที่พวกเขาอยู่ใกล้กับสุสานกระบี่ หากพวกเขาเข้าไปในสุสานกระบี่เพื่อทำความเข้าใจเต๋ากระบี่ของเทพกระบี่ ด้วยพรสวรรค์ของพวกเขา พวกเขาคงจะไม่ตกต่ำเช่นนี้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ตระกูลมู่ไม่ต้องการเข้าใจเต๋ากระบี่ของเทพกระบี่ และไม่เพียงแค่นั้นพวกเขายังประกาศออกมาอีกว่าสักวันพวกเขาจะสามารถสร้างเต๋ากระบี่ของตนเองที่เหนือกว่าของเทพกระบี่ได้แน่นอน
ซึ่งมันน่าเสียดายตรงจุดนี้ที่พวกเขาดื้อรั้นเกินไปจนไม่ยอมศึกษาเต๋ากระบี่ของเทพกระบี่ และนำมาใช้เป็นสิ่งอ้างอิงเพื่อสร้างเต๋ากระบี่ที่เหนือกว่า พวกเขากลับต้องการที่จะคิดค้นเต๋ากระบี่ขึ้นมาใหม่ตั้งแต่สูนย์ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายแม้แต่น้อย
เป็นเพราะเหตุนี้ตระกูลมู่จึงค่อย ๆ ตกต่ำลงเรื่อย ๆ และกลายเป็นตระกูลตัวตลกในอาณาเขตสุสานกระบี่
หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นกับมู่เฉียนซ่งว่า “บอกข้าได้ไหมว่าทำไมพวกเจ้าถึงไม่ไปทำความเข้าใจเต๋ากระบี่ของเทพกระบี่?”
มู่เฉียนซ่งตอบกลับทันที “เป็นเพราะคำสอนของบรรพบุรุษของพวกเรา!”