พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 512 กระบี่ของเทพกระบี่
ระดับการบ่มเพาะของหลินฉางยู่ ในตอนนี้นั้นอยู่ในระดับนภาคราม แต่เมื่อเขาได้เห็นป้ายคำสั่งของบรรพบุรุษเขา เขาก็รีบคุกเข่าลงโดยไม่สนใจศักดิ์ศรีของเขาแม้แต่น้อย
ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้เขายอมคุกเข่าให้นั้นไม่ใช่หลิงตู้ฉิง แต่เป็นป้ายคำสั่งเทพกระบี่ที่อยู่ในมือของหลิงตู้ฉิง เนื่องจากเมื่อเห็นป้ายคำสั่งมันก็เหมือนกับเทพกระบี่มาที่นี่ด้วยตนเอง
หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้ามาที่นี่เพราะได้รับคำสั่งมาจากเทพกระบี่ เพื่อนำบางสิ่งบางอย่างมาให้กับลูกหลานของเขา แต่แน่นอนว่าก่อนที่ข้าจะมอบของให้กับพวกเจ้านั้น ข้าจำเป็นที่จะต้องทดสอบพวกเจ้าให้แน่ใจเสียก่อนว่าพวกเจ้านั้นสืบสายเลือดมาจากเทพกระบี่จริง”
หลินฉางยู่ เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงไม่ได้เอ่ยให้เขาลุกขึ้น เขาจึงลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง
นี่เป็นเพราะเขาได้ทำความเคารพบรรพบุรุษของเขาไปเรียบร้อยแล้วและได้รับสารที่หลิงตู้ฉิงมาส่งแล้วเช่นกัน ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะนั่งคุกเข่าต่อให้หลิงตู้ฉิงยืนค้ำหัวอยู่แบบนี้
“ไม่นานมานี้ข้าก็พึ่งเจอกับท่านบรรพบุรุษ ข้าไม่เห็นว่าท่านบรรพบุรุษจะเอ่ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย” หลินฉางยู่พูดกับหลิงตู้ฉิง
อันที่จริงความหมายในคำพูดของเขาคือ ‘เจ้าไปเอาป้ายคำสั่งนี้มาจากที่ไหน?’
หลิงตู้ฉิงมองเข้าไปในดวงตาของหลินฉางยู่ และพูดว่า “ภารกิจของข้านั้นได้รับมอบหมายมาตั้งแต่ตอนที่เทพกระบี่ยังคงมีชีวิต!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ บริเวณหน้าประตูตระกูลหลินต่างก็พากันตื่นตกใจ คนผู้นี้เคยพบกับเทพกระบี่เมื่อหลายหมื่นงั้นเหรอ?
ในตอนนี้เทพกระบี่ได้กลับชาติมาเกิดแล้ว คนผู้นี้ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่กลับชาติมาเกิดตั้งแต่ยุคนั้นเหรอไง?
ในทางกลับกันสิ่งที่หลินฉางยู่สงสัยก็คือ สิ่งใดที่บรรพบุรุษของเขามอบให้คนผู้นี้นำมามอบให้กับเขา สมบัติวิเศษระดับสูง? เคล็ดวิชาระดับสูงหรือโอสถระดับสูง?
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ลำบากมาพบเราถึงที่นี่!” หลินฉางยู่โค้งตัวขอบคุณให้กับหลิงตู้ฉิงอย่างสุภาพ
หลิงตู้ฉิงไม่ได้ใส่ใจกับการแสดงออกของหลินฉางยู่ เขาพูดต่อว่า “ในเมื่อข้าบอกไปแล้วว่าข้ามาที่นี่เพื่อมอบบางอย่างอย่างให้กับเจ้า ดังนั้นตอนนี้เจ้าก็ควรที่จะพิสูจน์ว่าเจ้าคือลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่”
“ข้าอยากทราบว่าผู้อาวุโสจะให้ข้าพิสูจน์อย่างไร?” หลินฉางยู่ถามขึ้น “แต่ข้าคิดว่าเอาแบบนี้ไหม ในเมื่อผู้อาวุโสต้องการให้ข้าพิสูจน์อย่างไร ข้าเองก็ไม่ขัดข้องอยู่แล้ว ผู้อาวุโสเข้ามาด้านในคฤหาสน์ของผู้น้อยก่อนจะดีไหมเพื่อความสะดวกมากกว่า”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าตกลงทันทีโดยไม่มีอาการหวั่นเกรง จากนั้นเขาก็เดินนำหมิงยู่เข้าไปด้านในตระกูลหลิน
ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้นำค่ายกลกระบี่เหินเมฆามา แต่เขาก็ยังมีอำนาจของผนึกที่นำมาจากสำนักวิญญาณโลหิตติดตัวมาด้วย ดังนั้นหากใครคิดจะเล่นตลกกับเขา มันก็คงเป็นเรื่องที่สิ้นคิดสิ้นดี
ต่อให้ตอนนี้เขาจะไม่เหมือนเมื่อก่อนที่สามารถฆ่าใครก็ได้ตามใจนึก แต่ถ้าหากเขาถูกบีบให้จนมุมจริง ๆ เขาก็จะแสดงให้โลกได้เห็นว่าความน่ากลัวที่แท้จริงของเขาเป็นอย่างไร
หลังจากที่เห็นว่าหลิงตู้ฉิงและหมิงยู่เดินเข้าไปด้านในแล้ว หลินฉางยู่ก็หันกลับไปบอกกับผู้คนที่ต่อแถวรอเขาอยู่หน้าประตูว่า “อย่างที่ทุกท่านเห็น ในเวลานี้ข้าคงไม่ว่างรับแขกใด ๆ หากพวกท่านมีธุระไว้วันหน้าพวกท่านค่อยกลับมาพบกับข้าใหม่ก็แล้วกัน”
ในตอนนี้เขารู้สึกพึ่งพอใจเป็นอย่างมากที่หลิงตู้ฉิงมาที่นี่พร้อมกับแสดงป้ายคำสั่งเทพกระบี่ให้กับเขาและคนเหล่านี้เห็น ไม่ว่าวันนี้เขาจะได้รับอะไรจากหลิงตู้ฉิง แค่ภาพเหตุการณ์ของวันนี้ถูกร่ำลือออกไป ชื่อเสียงของตระกูลเขาก็จะยิ่งโด่งดังและน่าเกรงขามมากขึ้นนับสิบเท่า
และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น หากเขาได้รับสมบัติวิเศษระดับสูงจากบรรพบุรุษของเขาจริง ๆ มันจะยิ่งทำให้ตระกูลของเขายิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก
ทางด้านของผู้คนที่ต่อแถวรออยู่ เมื่อพวกเขาได้เห้นสีหน้าอันภาคภูมิใจของหลินฉางยู่เช่นนี้ สีหน้าของพวกเขาก็กลายเป็นเคร่งเครียดมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากไม่ใช่แค่เพียงตระกูลหลินจะได้รับการยอมรับจากเทพกระบี่ที่กลับชาติมาเกิดใหม่ แต่พวกเขากำลังจะได้รับมรดกของเทพกระบี่จากบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจจากเทพกระบี่ในอดีตอีกต่างหาก
ผู้คนที่ต่อแถวอยู่ต่างรีบกลับไปตระกูลของตนเองในทันทีพร้อมกับเตรียมของล้ำค่าให้มากยิ่งขึ้นเพื่อที่ในครั้งหน้าที่พวกเขาไปขอเข้าพบกับตระกูลหลิน พวกเขาจะได้มีสิ่งจูงใจหลินฉางยู่ได้มากยิ่งขึ้น
ทางด้านของหลินฉางยู่ ในตอนนี้เขาเดินกลับเข้ามาในห้องใหญ่ของตระกูลด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ เขายิ้มให้กับหลิงตู้ฉิงที่รออยู่แล้วและพูดว่า “ท่านผู้อาวุโส ข้าสงสัยว่าท่านต้องการให้ผู้เยาว์ยืนยันตัวตนแบบใดกับท่านดี?”
ในเวลานี้ หลินฉางยู่ตื่นเต้นเป็นอย่างมากว่าของสิ่งใดที่บรรพบุรุษของเขาที่เป็นตัวตนที่แทบจะไร้ผู้ต่อกรเมื่อหลายหมื่นปีนั้นจะมอบให้กับเขา ซึ่งเขาแน่ใจว่ามันจะต้องไม่ใช่สมบัติธรรมดา ๆ แน่นอน
“เทพกระบี่ ได้ทิ้งสิ่งใดไว้ให้พวกเจ้าเพื่อพิสูจน์ตัวตนบ้างไหม?” หลิงตู้ฉิงเอ่ยถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่าทาสกระบี่มีลูกหลานที่สืบสายเลือดมาจริง ๆ งั้นหรือ?
มันเป็นไปได้ยังไงที่คนบ้ากระบี่เช่นนั้นจะมีเวลามาสนใจเรื่องการมีทายาท?
หลินฉางยู่ยิ้มและตอบกลับว่า “ท่านผู้อาวุโส บรรพบุรุษของเราได้ทิ้งกระบี่ไว้ให้กับตระกูลเรา แต่พวกเราจะไม่นำมันออกมาใช้เป็นอันขาดหากไม่เผชิญกับวิกฤตเป็นตายจริง ๆ ซึ่งกระบี่เล่มนั้นก็คือ ‘คมสวรรค์’ ที่บรรพบุรุษเคยใช้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงก็เงียบลงพลางครุ่นคิด
คมสวรรค์ คือกระบี่ที่ทาสกระบี่เคยใช้มาก่อน และมันยังเป็นอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิอีกต่างหาก!
แต่ว่าต่อมาทาสกระบี่ก็เลิกใช้คมสวรรค์ เพราะเมื่อหลิงตู้ฉิงได้รับทักษะสวรรค์มหาบงการ ของ ตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์ หลิงตู้ฉิงก็ได้สร้างกระบี่เล่มใหม่ให้กับทาสกระบี่ ซึ่งหลังจากนั้นคมสวรรค์ก็ถูกเลิกใช้ไปโดยปริยาย
แต่ตอนนี้คมสวรรค์กลับมาปรากฏที่ตระกูลหลินซะอย่างนั้น หรือว่าตระกูลหลินจะเป็นลูกหลานของทาสกระบี่จริง ๆ?
หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ “สิ่งที่เทพกระบี่มอบให้ข้าส่งต่อให้กับพวกเจ้านั้นเป้นสิ่งที่สำคัญมาก ซึ่งข้าจำเป็นต้องแน่ใจจริง ๆ ว่าพวกเจ้าคือลูกหลานตัวจริงของเขา ดังนั้นแค่คำพูดของเจ้าเพียงอย่างเดียว ข้าคงไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้”
หลินฉางยู่เงียบไปสักพัก จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อผู้อาวุโต้องการข้อพิสูจน์เพิ่มเติม ดังนั้นท่านโปรดรอสักครู่ ข้าขอไปตามปู่ทวดของข้ามาที่นี่ เพื่อแสดงคมสวรรค์ให้ท่านดูก็แล้วกัน”
เนื่องจากหลิงตู้ฉิงมีแสดงป้ายคำสั่งของเทพกระบี่ ซึ่งหมายความว่าเขาเป็นผู้ที่เทพกระบี่ไว้วางใจ ดังนั้นหลินฉางยู่จึงไม่กลัวว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นหากเขานำคมสวรรค์มาแสดงให้หลิงตู้ฉิงดู
ไม่นานหลังจากนั้น ชายชราผมขาวก็เดินเข้ามาพร้อมกับอุ้มกระบี่ ‘คมสวรรค์’ ไว้ในวงแขน เมื่อชายชราพบกับหลิงตู้ฉิงเขาก็เอ่ยขึ้นว่า “หลินเย่คารวะผู้อาวุโส ข้าได้ยินมาว่าผู้อาวุโสคือผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากท่านบรรพบุรุษใช่ไหม? ฉางยู่ ได้แจ้งกับข้าว่าท่านต้องการที่จะตรวจสอบคมสวรรค์ ในตอนนี้ข้าได้นำมันออกมาแล้ว โปรดผู้อาวุโสตรวจสอบดูได้เลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงกลับไม่รับคมสวรรค์มา เนื่องจากเพียงแค่เขามองมันครู่เดียวเขาก็รู้ได้แล้วว่ามันคือ คมสวรรค์ ของจริง
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าสับสน “เอาเลือดของพวกเจ้ามาให้ข้าดู”
นี่คือการยืนยันตัวตนขั้นสุดท้าย ซึ่งเป็นวิธีการที่เชื่อถือได้มากที่สุด หากมันพิสูจน์ได้ว่าคนเหล่านี้เป็นลูกหลานของทาสกระบี่จริง ๆ เขาก็จะให้ผลประโยชน์แก่คนเหล่านี้ทันที
หลินเย่ส่งสัญญาณไปให้กับหลินฉางยู่ ซึ่งหลินฉางยู่ก็กัดนิ้วและนำหยดเลือดของตนเองใส่ถ้วยและมอบให้หลิงตู้ฉิงทันที
ต่อหน้าของหลินเย่และหลินฉางยู่ หลิงตู้ฉิงเริ่มใช้ทักษะสืบค้นต้นกำเนิดทันที ซึ่งมันทำให้เขาได้เห็นทันทีว่าต้นตระกูลหลินนั้นมีที่มาอย่างไรผ่านทางหยดเลือด
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ หลินเย่และหลินฉางยู่ต่างมองหน้ากันด้วยสายตาตกตะลึงพลางคิดในใจ
มันต้องแบบนี้สิ! มันถึงจะเหมือนกับพวกตาเฒ่าพิสดารที่อยู่มาเป็นหมื่น ๆ ปีหน่อย!
ในตอนนี้พวกเขาต่างเชื่อกันอย่างหมดใจแล้วว่า หลิงตู้ฉิง คือผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากบรรพบุรุษเทพกระบี่ของพวกเขาจริง ๆ และแน่นอนว่าพวกเขาเองก็เชื่ออย่างหมดใจเช่นกันว่าพวกเขาคือลูกหลานของเทพกระบี่
ซึ่งเหตุผลที่พวกเขาเชื่อเช่นนั้นก็เพราะพวกเขามีกระบี่ที่เทพกระบี่ทิ้งเอาไว้ให้!
หลังจากที่ใช้ทักษะสืบค้นต้นกำเนิด ภาพของเหล่าบุคคลที่เป็นเชื้อสายของตระกูลหลินก็ปรากฎขึ้นเรื่อย ๆ มากมายในหัวของหลิงตู้ฉิง และเมื่อผ่านไปสักพักภาพเหล่านั้นก็ค่อย ๆ ปรากฎช้าลงและจากนั้นมันก็ค่อย ๆ เลือนหายไป
“พวกเจ้าไม่ใช่ลูกหลานที่สืบเชื้อสายมาจากเทพกระบี่!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย