พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 514 หญิงสาวของเทพกระบี่
ในเมื่อตระกูลหลินไม่ใช่ลูกหลานที่แท้จริง ถ้างั้นตระกูลอื่นก็น่าจะไม่ใช่เช่นกัน
สิ่งนี้ทำให้หลิงตู้ฉิงยิ่งอยากจะรู้เรื่องราวเบื้องหลังว่ามันเป็นมายังไงกันแน่
หลังจากได้รับคำสั่งของหลิงตู้ฉิง ทุกคนก็รีบขึ้นรถม้าและมุ่งไปยังตระกูลต่อไปทันที
เนื่องจากอาณาเขตสุสานกระบี่นั้นมีขนาดที่ใหญ่พอ ๆ กับอาณาเขตวิญญาณโลหิต ดังนั้นแต่ละตระกูลใหญ่จึงมีที่ตั้งที่อยู่ไกลกัน
หลังจากที่พวกเขาออกจากเมืองกระบี่สวรรค์ได้เพียงครู่เดียว ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของกฎแห่งสวรรค์และโลก จากนั้นเมฆทัณฑ์สวรรค์ก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในบริเวณเมืองกระบี่สวรรค์
“มีใครบางคนกำลังทะลวงขอบเขตราชัน?” เย่ชิงเฉิงอุทานขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ
เนื่องจากนางเคยเห็นปรากฎการณ์แบบนี้มาก่อน นางจึงสรุปได้ทันทีว่านี่เป็นการทะลวงขอบเขตของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์ขึ้นไปเป็นขอบเขตราชัน
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “ไม่ต้องตกใจ ผู้ที่กำลังทะลวงขอบเขตก็คือ หลินเย่ ของตระกูลหลินที่กำลังทะลวงขอบเขตราชัน ข้าเห็นว่าเขาติดอยู่ในระดับสวรรค์สมบูรณ์มานานมากแล้วข้าจึงมอบโอสถสงบวิญญาณให้กับเขา เพื่อช่วยให้เขาสามารถทะลวงขอบเขตราชันได้ก็แค่นั้น”
เย่ชิงเฉิงพยักหน้าและเอ่ยว่า “สามี ในเมื่อท่านมอบโอสถสงบวิญญาณให้กับเขางั้นก็แสดงว่าตระกูลหลินก็คือลูกหลานตัวจริงของเทพกระบี่ใช่ไหม?”
“ถ้าจะคิดเช่นนั้นก็ไม่ผิด!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้ายอมรับ แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ
เมื่อได้ยินบทสนทนาที่หลิงตู้ฉิงคุยกับเย่ชิงเฉิง หลงเฉินก็ยิ่งรีดเค้นความสามารถทั้งหมดที่มีลากรถม้าไปยังตระกูลเย่
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาน่าจะเป็นบุคคลที่โชคดีที่สุดในเผ่ามังกรทั้งหมด!
ได้มีโอกาสรับใช้เจ้านายที่ใจกว้างจนถึงขนาดมอบโอสถสงบวิญญาณให้กับใครก็ไม่รู้ได้ง่าย ๆ แบบนี้ ซึ่งมันหมายความว่าเมื่อถึงเวลาเมื่อไหร่เขาเองก็แน่ใจว่าเจ้านายของเขาคงจะมอบให้เขาบ้างแน่นอนเช่นกัน ดังนั้นการที่เขาต้องมาทำหน้าที่ลากรถม้านั้นไม่นับเป็นอะไรได้เลย ต่อให้เขาต้องกลายเป็นสัตว์ขี่เขาก็ยอม!
ตอนนี้เขาจึงตั้งมั่นไว้ว่าเขาจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่เช่นนั้นเขาคงจะเป็นเหมือนกระทิงปีศาจคนก่อนที่ถูกปลดจากหน้าที่ ซึ่งมันคงจะเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต!
เมื่อหลิงตู้ฉิงไปถึงตระกูลเย่ เนื่องจากเขาได้เตรียมป้ายคำสั่งไว้อีกอันเรียบร้อยแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องเตรียมการใด ๆ เพิ่มเติม เขามุ่งหน้าเข้าไปในตระกูลเย่ทันทีโดยใช้ป้ายคำสั่งกระบี่เป็นบัตรผ่านประตู
วิธีการที่หลิงตู้ฉิงใช้ในการเข้าไปในตระกูลเย่นั้นก็เหมือนกับตระกูลหลินอย่างไม่มีผิดเพี้ยน เขาแสดงป้ายคำสั่งกระบี่เหมือนเดิม เอ่ยคำพูดแบบเดิม จากนั้นคนของตระกูลเย่ก็แสดงท่าทีแบบเดียวกับตระกูลหลินเช่นเดิม
สรุปแล้วปัญหาที่เขาเจอในตระกูลเย่มันก็เป็นแบบเดียวกับของตระกูลหลิน
“ข้ามีของบางสิ่งของเทพกระบี่ที่ไว้วางใจมอบไว้ให้ข้าเพื่อส่งต่อให้กับลูกหลานของเขา แต่พวกเจ้าต้องพิสูจน์ให้ข้าเห็นก่อนว่าพวกเจ้าคือลูกหลานตัวจริง” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น
“พวกเรามีสมบัติหลายอย่างของท่านเทพกระบี่ที่ทิ้งไว้ให้กับบรรพบุรุษของพวกเรา” ผู้คนของตระกูลเย่ตอบกลับ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงก็ยิ่งรู้สึกสงสัยว่าทาสกระบี่วางแผนทำอะไรกันแน่?
เขามอบคมสวรรค์ให้กับสาวกกระบี่ เพื่อให้เหล่าสาวกกระบี่บอกกับลูกหลานของตนเองว่าเป็นลูกหลานของเขา แต่มันกลับยังไม่พอ ทาสกระบี่กลับมามอบสิ่งของมากมายให้กับคนเหล่านี้อีก ทำไมเขาต้องแบบนี้กัน?
“เอาเหล่าสิ่งของที่เทพกระบี่ทิ้งไว้ให้พวกเจ้าออกมาให้ข้าดู” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตระกูลเย่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร พวกเขานำสิ่งของหลายอย่างออกมาให้หลิงตู้ฉิงดูอย่างว่าง่าย ซึ่งทางด้านหลิงตู้ฉิงที่สำรวจสิ่งของเหล่านั้นอยู่สักพักเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกงุนงงปนตื่นตะลึง
ถึงแม้ว่าในบรรดาสิ่งของมากมายที่ตระกูลเย่นำออกมาแสดงให้เขาดู เขาจะไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย แต่มันก็มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เขาเคยเห็นมันอยู่ในที่พักของทาสกระบี่ ซึ่งถึงแม้ว่าของสิ่งนี้จะไม่ได้ล้ำค่าเท่ากระบี่คมสวรรค์ แต่มันก็หมายความว่าทาสกระบี่เป็นผู้มอบสิ่งนี้ให้กับตระกูลเย่จริง ๆ
หลิงตู้ฉิงถอนหายเล็กน้อย จากนั้นเขาพูดกับคนของตระกูลเย่ว่า “เอาหยดเลือดของทายาทสายตรงตระกูลเจ้ามาให้ข้า ข้าจะใช้มันตรวจสอบดูว่าพวกเจ้าเป็นลูกหลานของเทพกระบี่จริงหรือไม่”
หลังจากได้หยดเลือดมาไม่นาน หลิงตู้ฉิงก็ถอนหาย จากนั้นเขาก็โยนป้ายคำสั่งกระบี่ให้กับผู้นำตระกูลเย่ เย่ชิงหมิง จากนั้นเขาก็พูดกับเย่ชิงหมิงว่า “ป้ายคำสั่งกระบี่นี้บรรจุเจตจำนงกระบี่ขชองเทพกระบี่อยู่ เจ้าและพวกของเจ้าจงนำมันไปศึกษาและนอกจากนั้นข้าจะถ่ายทอดเพลงกระบี่สุริยะหวนคืนให้กับพวกเจ้า และอย่างสุดท้ายข้าจะมอบโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ให้กับพวกเจ้าสองเม็ด ซึ่งโอสถนี้ให้ถือว่าเป็นสิ่งที่ข้ามอบให้กับพวกเจ้าเป็นการส่วนตัว”
หลังจากพูดจบและมอบทุอย่างให้แล้ว หลิงตู้ฉิงก็พาคนของเขาออกจากตระกูลเย่ทันที
หากไม่สนใจเรื่องความน่าตกตะลึงของบรรดาสิ่งที่หลิงตู้ฉิงมอบให้กับตระกูลเย่ เย่ชิงเฉิง หมิงยู่ และคนอื่น ๆ สามารถบอกได้ทันทีว่าการแสดงออกของหลิงตู้ฉิงมันดูแปลกเป็นอย่างมาก
สิ่งนี้มันทำให้พวกเขาคิดได้ว่าตระกูลเย่น่าจะไม่ใช่ลูกหลานตัวจริง
เนื่องจากเหตุการณ์นี้มันไม่ต่างอะไรกับของตระกูลหลินที่ได้รับโอสถสงบวิญญาณ ซึ่งตระกูลหลินนั้นก็ไม่ใช่ลูกหลานที่แท้จริง
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเพลงกระบี่สุริยะหวนคืนจะมีค่าเท่ากับโอสถสงบวิญญาณหรือไม่ แต่พวกเขาก็คิดว่ามันคงจะไม่แตกต่างอะไรกันมากนัก
แต่ในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่าตระกูลเย่ไม่ใช่ลูกหลานที่แท้จริงของเทพกระบี่ ทำไมหลิงตู้ฉิงถึงยังคงมอบของให้กับพวกเขา?
“สามี เรื่องของตระกูลเย่นี่มันเป็นยังไงมายังไงกันแน่?” เย่ชิงเฉิงถามขึ้นด้วยความสงสัย
หลิงตู้ฉิงถอนหายใจและตอบกลับว่า “ในอดีตมีหญิงสาวอยู่นางหนึ่งที่ตกหลุมรักเทพกระบี่จนหัวปักหัวปำ แต่เทพกระบี่กลับไม่ตอบรับนาง นางจึงระลึกถึงเขาด้วยการบอกกับลูกหลานของนางทุกคนว่าพวกเขาคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเทพกระบี่”
หากเป็นก่อนหน้านี้ ไม่เพียงแต่หลิงตู้ฉิงจะไม่ให้อะไรกับตระกูลเย่แล้ว เขายังจะเผยความลับนี้และคิดบัญชีกับตระกูลเย่ที่หลงตัวผิดคิดว่าพวกตัวเองเป็นลูกหลานของเทพกระบี่
แต่ตอนนี้ที่เขาได้บ่มเพาะเต๋าตู้ฉิงที่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกต่าง ๆ เขาจึงสัมผัสได้ว่าความรู้สึกที่ตระกูลเย่มีต่อคำว่าพวกเขาเป็นลูกหลานของเทพกระบี่นั้นลึกซึ้งขนาดไหน หลิงตู้ฉิงจึงไม่ต้องการทำลายมัน
และอีกเหตุผลก็คือ หลิงตู้ฉิงก็เคยเห็นหญิงสาวผู้นั้นมาแล้วในอดีต
อันที่จริงมันไม่ใช่ว่าเทพกระบี่ไม่สนใจนางซะทีเดียว แต่มันบังเอิญว่าเทพกระบี่สนใจในกระบี่มากกว่าก็เท่านั้น เขาจึงเลือกที่จะตัดนางออกไปจากชีวิต
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเลือกตัดนางออกจากชีวิต แต่เมื่อถึงตอนที่เขาเห็นว่านางต้องทุกข์ระทมอย่างหนัก ด้วยความทนไม่ได้เทพกระบี่จึงตัดสินใจมอบบรรดาสิ่งของของเขาให้กับนางเพื่อไว้ดูเป็นต่างหน้า
ดังนั้นมันจึงเป็นที่มาว่าทำไมตระกูลเย่ถึงมีสิ่งของของเทพกระบี่อยู่มากมายหลายอย่าง
แต่สิ่งที่ทำไห้หลิงตู้ฉิงคาดไม่ถึงก็คือ ด้วยความรักอันล้ำลึกที่หญิงสาวผู้นั้นมีให้กับเทพกระบี่ นางจึงเลือกที่จะบอกกับลูกหลานของตนเองว่าพวกเขามีสายเลือดเดียวกับเทพกระบี่
เมื่อเป็นเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจึงมอบทั้งโอสถ เคล็ดวิชาและป้ายคำสั่งให้ตระกูลเย่เพื่อเป็นการตอบแทนความรู้สึกที่หญิงสาวผู้นั้นมีให้กับทาสกระบี่ของเขา
เย่ชิงเฉิงส่ายหัวและพูดว่า “เทพกระบี่นี่ก็เหลือเกินจริง ๆ ที่กล้าหักอกหญิงสาวที่รักตัวเองมากขนาดนั้นได้ลง! ผู้หญิงที่ยอมทำเพื่อผู้ชายที่ตนเองรักได้มากขนาดนี้แต่กลับถูกปฏิเสธนั้นช่างน่าเวทนา จากมุมมองของข้า ข้าคิดว่าจริง ๆ แล้วเทพกระบี่นั้นก็เป็นแค่ไอ้ผู้ชายเห็นแก่ตัวคนหนึ่งก็เท่านั้น!”
หลิงตู้ฉิงมองไปยังเย่ชิงเฉิงที่พูดจบ ซึ่งเขาก็ได้เห็นอารมณ์อันหลายหลายที่พรั่งพรูออกมาจากนาง ไม่ว่าจะเป็นความโกรธและความอาฆาต ซึ่งมันน่าแปลกมากที่มันทำให้เขาเองก็รู้สึกผิดเช่นกันเมื่อลองมองย้อนถึงในสิ่งที่ตัวเองกระทำเมื่อชีวิตที่แล้ว
“พวกเรารีบไปกันต่อที่ตระกูลกู๋กันดีกว่า!” หลิงตู้ฉิงตัดบทสนทนาทันที
ทางด้านของเย่ชิงเฉิงที่ไม่รู้ตัวว่าหลิงตู้ฉิงกำลังพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย นางพยักหน้าและเอ่ยว่า “อืม ข้าหวังว่าตระกูลกู๋คงจะไม่เหมือนสองตระกูลนั่น หรืออย่างน้อย ๆ ข้าก็หวังว่าพวกเขาคงจะมีอดีตที่ดีกว่าตระกูลเย่สักหน่อย…”
ในตอนนี้นางได้เรียนรู้สิ่งหนึ่งแล้วว่าเหล่าตัวตนในอดีตที่น่ากลัวทั้งหลายก็มีอีกด้านหนึ่งของชีวิตที่เป็นเช่นนี้
ตราบใดที่ตัวตนเหล่านั้นยังเป็นมนุษย์ พวกเขาก็ยังคงมี 7 อารมณ์ 6 ปรารถนาอยู่ดี
จากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้มาถึงตระกูลกู๋ ซึ่งหลิงตู้ฉิงเองก็ได้ใช้วิธีเดิมเดียวกับอีกสองตระกูลก่อนหน้าเพื่อเข้าไปพบกับผู้นำตระกูลกู๋
จากนั้นสิ่งที่น่าสนใจก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของหลิงตู้ฉิงอีกครั้งก็คือ ตระกูลกู๋นั้นก็มีสมบัติของเทพกระบี่ที่เขาทิ้งไว้ให้อยู่หลายอย่าง
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงก็รู้สึกมืดหม่นทันที หลังจากที่เขาจากไป ทาสกระบี่ทำอะไรหลังจากนั้นกันแน่?
“เอาหยดเลือดของเจ้ามาให้ข้าทดสอบดูก่อนว่าเจ้าใช่ลูกหลานของเทพกระบี่ตัวจริงหรือไม่!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น