พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 528 สังหารเพื่อเรียนรู้
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็เริ่มถ่ายทอดชุดวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่ให้กับทั้ง 6 คนที่ยืนอยู่ ณ ที่นี้ ซึ่งพวกเขาก็คือลูกหลานของทาสกระบี่
หลังจากที่ทุกคนได้รับการถ่ายทอดชุดวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่จนครบ ทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่ไหว เนื่องจากนี่คือเต๋ากระบี่ของบรรพบุรุษพวกเขา
หลิงตู้ฉิงมองไปยังเหล่าผู้คนที่กำลังตื่นเต้นจนห้ามตัวเองไม่อยู่และเอ่ยขึ้นว่า “เอาล่ะ ในเมื่อตอนนี้พวกเจ้าได้รับชุดวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่ พวกเจ้าก็คงจะพอใจแล้วสินะ? อ๋อแล้วอีกอย่างข้าอยากจะถามกับพวกเจ้าว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลมู่กันแน่? ทำไมสำนักกระบี่เอกภพของพวกเจ้าถึงได้รังแกญาติของตัวเองแบบนั้นกัน?”
มู่หยุนชานหัวเราะ “ในส่วนของตระกูลมู่ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะพ่อของข้าได้เป็นคนตั้งกฎให้พวกเขาสืบทอดเอาไว้เองว่าให้ก้าวผ่านตัวเขาเองให้ได้ เพราะเขาไม่อยากจะให้ลูกหลานของเขาทุกคนเอาแต่เดินตามเต๋ากระบี่ของเขาเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าหากว่าแลดูแล้วใครไม่มีหวังจริง ๆ ที่จะก้าวผ่านได้ พวกเราก็จะไปนำตัวคนผู้นั้นมาจากตระกูลมู่และปล่อยข่าวลวงว่าเขาตายแล้ว และให้มาอยู่กับเราแทน”
“อันที่จริงสายเลือดของพวกเรานั้นได้แผ่ขยายไปทั่วทั้งอาณาเขตสุสานกระบี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เพื่อเป็นการบ่งบอกว่าใครมีสายเลือดของพวกเราบ้าง พวกเราจึงให้ทุกตระกูลที่มีสายเลือดเดียวกับเราใช้แซ่ ‘มู่’ ทั้งหมด แม้กระทั่งสำนักอันดับ 7 และอันดับ 10 ของอาณาเขตสุสานกระบี่ก็เป็นพวกของเราที่เป็นผู้ก่อตั้งสำนักขึ้นมา”
“และเนื่องจากที่เรามีผู้คนมากมายที่มีสายเลือดเดียวกับเราอยู่กับหลาย ๆ ขุมกำลัง ดังนั้นหากว่ามีคนไหนที่สามารถทะลวงระดับการบ่มเพาะไปได้จนถึงขอบเขตราชันขึ้นไปที่สามารถปกป้องตัวเองได้จากการโจมตีทางจิต พวกเราจะไปหาคนผู้นั้นและเผยความจริงว่าอันที่จริงแล้วต้นกำเนิดของเขานั้นมาจากไหน”
มู่เทียนหยูถามขึ้นเสริม “ท่านทวด ข้าได้ยินมาว่าท่านได้ไปเยือนตระกูลหลิน ตระกูลกู๋และตระกูลเย่มาก่อนหน้านี้ ท่านพอจะบอกได้ไหมว่าสรุปแล้วพวกเขาเป็นสายเลือดเดียวกับพวกเราจริง ๆ รึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “พวกเขาทั้งสามตระกูลไม่ใช่คนสายเลือดเดียวกับพวกเจ้า ตระกูลหลินนั้นถูกพ่อและปู่ของพวกเจ้าจัดฉากขึ้น ส่วนตระกูลเย่นั้น…”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เริ่มเล่าข้อมูลของทั้งสองตระกูลให้กับมู่หยุนชาน และคนอื่น ๆ ฟัง “ป้ายคำสั่งนั้นข้าเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง ซึ่งมันมีเจตจำนงของวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่สถิตอยู่ในนั้น มันมีด้วยกันทั้งหมด 3 อัน หนึ่งในนั้นคืออันที่พวกเจ้าถืออยู่ ส่วนอีกสองอันนั้นอยู่กับตระกูลหลินและตระกูลเย่”
“ด้วยการมีอยู่ของทั้งสองตระกูลนี้นั้นมันส่งผลทำให้พวกเจ้าอยู่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้เช่นกัน ดังนั้นข้าหวังว่าในอนาคตพวกเจ้าจะไม่ไปรังแกพวกเขา และมีอีกเรื่องหนึ่งข้าจะมอบโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ให้พวกเจ้า 10 เม็ด โอสถตื่นรู้ 2 เม็ด โอสถสงบวิญญาณ 2 เม็ดและโอสถทะยานเมฆาอีก 1 เม็ด พวกเจ้าจงใช้พวกมันในการบ่มเพาะให้ดี”
มู่เทียนหยูหัวเราะด้วยความตื่นเต้นทันที “ขอบคุณ ท่านทวด! ด้วยโอสถของท่านข้าคิดว่าพวกเราคงมีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเพิ่มขึ้นอีก 2 ถึง 3 คนแน่นอน!”
มู่หยุนชานพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน “ท่านลุง หากเมื่อไหร่ที่พวกเรามีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจำนวนมากพอแล้ว ข้าคิดว่าพวกเราคงสามารถเปิดเผยตัวตนต่อโลกได้ เนื่องจากพวกเราเองก็มีรากฐานทุกอย่างที่เพียงพอจะเป็นสำนักระดับมหาอำนาจได้และยิ่งตอนนี้เมื่อเรามีท่านด้วยอีกต่างหาก มันก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน”
หลิงตู้ฉิงโบกมือขัดและพูดว่า “อย่าเพิ่งรวมข้าเข้าไปด้วย ข้ายังมีอีกหลายเรื่องที่จำเป็นต้องทำอีกมากและอีกอย่างข้ายังมีผู้คนของข้าที่ข้าต้องดูแลอยู่ที่อาณาเขตนภา! ดังนั้นพวกเจ้าจำเป็นต้องพึ่งตัวเองในการเปิดเผยตัวตน แต่ข้าเองก็จะมอบสิ่งของบางอย่างให้พวกเจ้าไว้ป้องกันตัวเช่นกัน”
“เนื่องจากในตอนนี้ความแข็งแกร่งของพวกเจ้าก็พอจะใช้ได้แล้ว สิ่งที่พวกเจ้าขาดในตอนนี้ก็คือพวกเจ้ายังขาดสิ่งที่เอาไว้ต่อกรกับพวกตัวตนระดับสูงสุด ยันต์สั่งสวรรค์ทั้ง 3 แผ่นนี้ ในแต่ละแผ่นนั้นมีอำนาจของผนึกที่ข้าได้ใช้มันผนึกสำนักวิญญาณโลหิตอยู่ ซึ่งความรุนแรงของพวกมันนั้นเทียบเท่ากับการโจมตีของข้าเมื่อตอนที่ข้ายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์เมื่อในอดีต”
“และอีกอย่างที่ข้าจะให้พวกเจ้าก็คือรูปแบบการวางค่ายกลชุดหนึ่ง พวกเจ้าจงนำมันไปจัดวางไว้ให้ทั่วอาณาเขตสุสานกระบี่ของพวกเจ้า และเมื่อถึงเวลาพวกเจ้าจะรู้วิธีการใช้มันเอง จากนั้นอย่างสุดท้ายในเมื่อตอนนี้เจ้าอยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิแล้ว งั้นข้าจะถ่ายทอดเพลงกระบี่ให้เจ้าสามกระบี่ แต่ด้วยระดับการบ่มเพาะของเจ้าในตอนนี้ เจ้าคงจะใช้มันได้แค่หนึ่งกระบี่ ส่วนที่เหลือมันจะขึ้นอยู่กับความพยายามของเจ้าเองในอนาคต”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่เทียนหยูและคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึง
เพลงกระบี่อะไรกัน? แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิยังสามารถใช้มันได้แค่กระบี่เดียว?
แน่นอนว่าพวกเขาไม่คิดว่าคำพูดของหลิงตู้ฉิงนั้นเป็นคำกล่าวเกินจริง
หลิงตู้ฉิงนั่งลงกับพื้นพูดกับมู่หยุนชานว่า “ระดับการบ่มเพาะของข้าในตอนนี้นั้นยังคงไม่สะดวกที่จะแสดงพวกมันให้เจ้าเห็น ดังนั้นเจ้าจงเข้ามาหาข้า ข้าจะใช้วิชาห้วงนิทราแห่งราชันย์และพาเจ้าเข้ามาในห้วงความฝันของข้า เพื่อแสดงมันให้เจ้าเห็นในนั้น”
มู่หยุนชานรีบเดินมานั่งลงที่ตรงหน้าหลิงตู้ฉิงทันที และจากนั้นเขาก็ถูกหลิงตู้ฉิงลากเข้าไปในห้วงความฝัน
หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ มู่หยุนชานที่ได้รู้สึกตัวแล้ว เขามองหน้าหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาตกตะลึงและถามขึ้นว่า “ท่านลุง มันมีเพลงกระบี่ที่สามารถทำได้แบบนี้จริง ๆ งั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ขอบเขตมหาจักรพรรดินั้นไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการเดินทางและขอบเขตเร้นลับก็ไม่ใช่จุดสิ้นสุดเช่นกัน นอกจากนี้ข้าจะถ่ายทอดวิธีการหลอมโอสถของสำนักนิรันดร์ให้กับพวกเจ้าเพื่อให้พวกเจ้านำมันไปหลอมโอสถให้กับตนเอง และข้ายังจะถ่ายทอดวิธีการสร้างสมบัติและอาวุธของตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์ให้กับพวกเจ้าเพื่อให้พวกเจ้าเอาไปสร้างสิ่งของด้วยเองเช่นกัน ซึ่งหลังจากนี้ส่วนที่เหลือพวกเจ้าก็จำเป็นต้องพยายามด้วยตัวเองกันบ้าง”
มู่เทียนหยูยิ้มอย่างขมขื่น “ท่านทวด นี่ท่านรู้สุดยอดวิชาและสุดยอดวิธีการที่เหนือล้ำมากมายถึงขนาดนี้ได้ยังไง?”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “แต่เดิมข้ามีอาวุธอยู่ชิ้นหนึ่ง หากผู้ใดถูกข้าสังหารโดยอาวุธชิ้นนั้นข้าจะสามารถครอบครองทั้งจิตวิญญาณ ร่างเนื้อและความลับทุกอย่างของคนผู้นั้นได้ทั้งหมด ดังนั้นข้าจึงรู้เยอะถึงขนาดนี้ เอาล่ะ พวกเจ้าคงเข้าใจนะว่าสิ่งที่ข้าถ่ายทอดให้ไปทั้งหมดนั้นพวกเจ้าสามารถนำไปใช้ได้อย่างลับ ๆ ห้ามเผยแพร่ต่อไปยังผู้อื่น เพราะทุกอย่างที่ข้าถ่ายทอดให้กับพวกเจ้านั้นมันมีกรรมอันยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังพวกมันทั้งหมด ซึ่งพวกเจ้าไม่สามารถแบกรับมันได้ไหว หากพวกเจ้าเผยแพร่มันออกไปให้กับคนนอก มันจะเป็นการสร้างหายนะให้กับตัวพวกเจ้าเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่หยุนชานและคนอื่น ๆ ต่างสูดหายใจลึก
ในตอนนี้พวกเขากำลังคิดว่ามีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเท่าไหร่กันที่ในตอนนั้นหลิงตู้ฉิงฆ่าไปทั้งหมดเพื่อให้ได้เหล่าสุดยอดวิชามาแบบนี้!?