พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 575 การทดสอบแรก
ในเวลานี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญนับแสนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน ต่างพากันกรูเข้าไปด้านในตำหนักอย่างบ้าคลั่ง เนื่องจากในตอนนี้พวกเขาต่างรู้กันหมดแล้วว่าตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนมันไม่จำกัดผู้ที่สามารถเข้าไปด้านใน
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็พาเหล่าคนของเขาและทาสรับใช้ขอบเขตจักรพรรดิอีก 2 คนตามเข้าไปข้างในด้วยเช่นกัน
หลังจากที่พวกเขาย่างกรายเข้าไปอาณาเขตของตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน มันก็เหมือนกับว่าพวกเขาได้หลุดเข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง
ทัศนียภาพตรงหน้าพวกเขามันกลายเป็นลานกว้างขนาดยักษ์ที่ถูกปูไปด้วยกระเบื้องหิน ซึ่งกินพื้นที่กว้างกว่า 1,000 ตารางกิโลเมตรและมันยังถูกประดับประดาไปด้วยเสาคบเพลิงรูปร่างมังกรกำลังพ่นไฟพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกนับพันต้น
อันที่จริงเสาคบเพลิงพวกนี้ก็คือมังกรที่มีชีวิตจริง ๆ ที่กำลังหลับอยู่ ซึ่งในขณะที่มันกรนมันก็ปล่อยเปลวเพลิงออกทางจมูกจนกลายเป็นการให้แสงสว่างแก่ลานกว้างนี้อย่างทั่วถึง
ที่ด้านนอกของตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน ผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่ได้ตามเข้าไปด้านใน
หลังจากเห็นว่ากลุ่มของหลิงตู้ฉิงเข้าไปด้านในแล้ว เย่ชางคงก็พูดกับบรรพบุรุษของสำนักเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ “นี่ท่านคิดว่าการกระทำเมื่อครู่ของท่านมันไม่เกินไปหน่อยงั้นเหรอ หยูชี่หลง? ตู้ฉิง นั้นเป็นลูกเขยของข้าแถมยังช่วยเหลือสำนักของเราเอาไว้มากมาย แต่ท่านยังกล้าแย่งกุญแจของเขาไปอีกงั้นเหรอ?”
เขารู้สึกโกรธเป็นอย่างมากจริง ๆ เย่ชางคงโกรธจนในตอนนี้เขาไม่มีการให้เกียรติใด ๆ แก่บรรพบุรุษของสำนักโดยการเรียกชื่อตรง ๆ
แต่ที่เขาเพิ่งมาแสดงอาการโกรธตอนนี้ก็เพราะว่า เมื่อครู่หลิงตู้ฉิงและคนนอกสำนักยังคงอยู่ด้วย ซึ่งไม่ว่าจะยังไงเขาก็ยังคงต้องรักษาภาพพจน์ของสำนักเอาไว้ก่อน
หยูชี่หลงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ชางคง ต่อให้เขาจะเป็นลูกเขยของเจ้า เขาก็ยังเป็นคนนอกอยู่ดี แล้วยิ่งดูจากการกระทำของเขาแล้ว เขาคงไม่มีทางมาเข้าร่วมสำนักของเราแน่นอน ในตอนนี้เมื่อสำนักของเรามีโอกาสที่จะได้โชคลาภครั้งใหญ่และกุญแจนี้ก็เป็นตัวแปรที่สำคัญมาก ๆ ดังนั้นมันจึงเป็นการดีที่สุดที่เราจะเก็บกุญแจนี้เอาไว้เอง และมันก็เป็นเพราะว่าเขาเป็นลูกเขยของเจ้า ซึ่งเจ้าคงไม่อาจตัดใจคิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวมและลงมือได้เอง ข้าจึงยอมสละตัวเองเป็นกลายเป็นคนร้ายทำเรื่องสกปรกให้ ตราบใดที่มันสามารถทำให้สำนักของเราแข็งแกร่งขึ้นได้ข้ายอมทำทุกอย่าง”
“และอีกอย่างเจ้าคิดว่าเจ้าคิดว่าลูกเขยของเจ้าจะสามารถปกป้องกุญแจได้งั้นเหรอ? ในตอนนี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่เข้าไปในตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนนั้นมีจำนวนมากมายแถมหลาย ๆ คนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิซะด้วยซ้ำ ต่อให้เขาจะพาเย่จางเฟิง เย่ฉิงเสี่ยวเข้าไปด้วยแล้วมันจะยังไง? สองคนนั้นจะต้านผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิได้สักกี่คนกัน? หากกุญแจนี้มันยังอยู่ในมือพวกเขา อีกไม่นานพวกเขาจะต้องเจอกับหายนะแน่นอน ซึ่งอันที่จริงการที่ข้าทำเช่นนี้ข้าเองก็หวังดีกับพวกเขาเหมือนกัน!”
เย่ชางคงรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก เนื่องจากสิ่งที่หยูชี่หลงทำลงไปมันก็เป็นเพราะประโยชน์ส่วนรวมของสำนัก และมันก็เป็นเรื่องจริงที่ถ้าหากกุญแจยังอยู่กับหลิงตู้ฉิงมันก็คงเป็นผลเสียมากกว่าผลดี
“เดินหน้า!” เย่ชางคงสั่งขึ้น
ในเมื่อเขาเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คือการนำคนมุ่งหน้าเข้าไปตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน
แต่แล้วเมื่อพวกเขาเข้ามาด้านในตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน เย่ชางคงก็พูดกับมู่หลงหยานทางโทรจิต “เจ้าจงล่วงหน้าไปหาลูกของเราและตู้ฉิง และช่วยคุ้มครองพวกเขาที พร้อมกับอธิบายให้พวกเขาเข้าใจด้วยว่าพวกเราเองก็ไม่ได้ตั้งใจให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น”
มู่หลงหยานตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ทั้งหมดนี้มันเป็นความผิดของท่านนั่นแหละ หากท่านไม่ไปติดอยู่ในเขตแดนหมอกอยู่หลายพันปีป่านนี้ระดับการบ่มเพาะของท่านคงอยู่ไม่ห่างจากหยูชี่หลงมากแบบนี้ ซึ่งมันคงทำให้เขาไว้หน้าท่านมากขึ้นบ้าง”
เย่ชางคงส่ายหัว “หลังจากจบการเดินทางครั้งนี้ ข้าจะเก็บตัวบ่มเพาะจนกว่าข้าจะทะลวงระดับเป็นขอบเขตจักรพรรดิขั้นปลายให้ได้”
มู่หลงหยานพยักหน้า
ในระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกัน มู่หลงหยานก็สังเกตเห็นว่ากลุ่มของหลิงตู้ฉิงนั้นนำอยู่ข้างหน้าไปไม่ไกลนัก นางจึงหันกลับมาพูดกับเย่ชางคงอีกรอบ “ท่านจงระวังตัวให้ดีในระหว่างที่ข้าไม่อยู่ ตามความเข้าใจที่ข้ารู้นิสัยของหลิงตู้ฉิง การที่เขายังไม่ตอบโต้ทำอะไรเช่นนี้มันถือว่าอันตรายมากเหมือนกับตอนที่พวกเราอยู่ที่เขตแดนหมอกด้านหลังสำนัก ข้าเกรงว่าชะตากรรมของคนสำนักเราอาจจะลงเอยไม่ดีสักเท่าไหร่”
เย่ชางคงยิ้มอย่างจนใจและพูดว่า “อืม ข้าคงทำได้แค่คอยดูสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปเรื่อย ๆ เท่านั้น”
เมื่อผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เห็นว่ามู่หลงหยานบินไปหากลุ่มของหลิงตู้ฉิงที่อยู่ไกล ๆ พวกเขาก็แสดงสีหน้าไม่เห็นด้วยแต่พวกเขาก็ไม่ได้เอ่ยคัดค้านอะไรออกมา
ทางด้านของเย่ชิงเฉิง เมื่อนางเห็นว่ามู่หลงหยานบินเข้ามาหากลุ่มของพวกนาง นางจึงถามขึ้นทันที “ท่านแม่ ท่านมาที่นี่ทำไมงั้นเหรอ?”
มู่หลงหยานยิ้มและพูดว่า “กลุ่มของเจ้าอ่อนแอเกินไป แม่เป็นห่วง แม่เลยตามมาสมทบ ตู้ฉิง เรื่องทีเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยจริง ๆ ทั้งข้าและสามีก็หมดปัญญาที่จะทำอะไรได้เหมือนกัน”
หลิงตู้ฉิงมองไปยังกำแพงสูงและประตูขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลลิบ ๆ ข้างหน้า จากนั้นเขาเอ่ยขึ้นว่า “ข้าก็บอกไปแล้วไงว่าของของข้ามันไม่ง่ายนักที่จะเอาไป เมื่อถึงเวลาคนเหล่านั้นจะต้องเสียใจ”
มู่หลงหยานรีบพูดขึ้นทันที “เจ้าจะลงมือทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ได้นะ บรรพบุรุษที่มาด้วยกับพวกเราครั้งนี้พวกเขาได้นำอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของสำนักติดตัวมาด้วย หากเจ้าทำอะไรบุ่มบ่ามพวกเขาจะมีข้ออ้างในการลงมือกับเจ้าแน่นอน”
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์แล้วยังไง?” หลิงตู้ฉิงเย้ยหยัน “เอาล่ะในเมื่อเจ้าต้องการร่วมกลุ่มกับข้าก็ได้ข้าอนุญาต แต่เจ้าต้องฟังคำสั่งของข้าทุกอย่างไม่เช่นนั้นหากเกิดอะไรกับเจ้าขึ้นมาข้าจะไม่รับผิดชอบ ส่วนพวกเจ้าทุกคนก็เช่นกันจงฟังข้าอย่างที่ทำกันมาตลอดแล้วพวกเจ้าจะปลอดภัย เอาล่ะตอนนี้ทุกคนจงอยู่แต่ในค่ายกลกระบี่เหินเมฆาเพียงอย่างเดียวเท่านั้นห้ามออกไปเด็ดขาด”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ให้เย่จางเฟิงเป็นผู้ควบคุมค่ายกลกระบี่แทน เนื่องจากเขามีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตจักรพรรดิขั้นปลาย ซึ่งสูงที่สุดในกลุ่ม
ในเวลาเดียวกัน จู่ ๆ ก็มีภาพมายาร่างคนสูงกว่า 300 เมตรปรากฏขึ้นที่กลางลานและพูดขึ้นว่า “เหล่าผู้เยาว์ทั้งหลาย ข้าคือจิตวิญญาณแห่งตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน ซึ่งนายเหนือหัวของข้าได้ทิ้งเอาไว้เมื่อ 1 ล้านปีก่อน เพื่อเฟ้นหาผู้ที่สามารถเข้ามาในตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนได้และทำการคัดเลือกนายเหนือหัวคนใหม่”
“ตราบใดที่พวกเจ้าสามารถผ่านการทดสอบของนายเหนือหัวของข้าได้ พวกเจ้าจะได้ครอบครองทุกอย่างที่มีอยู่ในที่แห่งนี้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเหล่าฝูงมังกร คัมภีร์ลับในตำนาน โอสถและเหล่าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์รวมไปถึงตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนแห่งนี้ด้วย”
“ข้าจะเริ่มการทดสอบแรก ณ บัดนี้ การทดสอบแรกคือการทดสอบความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ ข้าจะส่งเคล็ดวิชาต่าง ๆ ไปให้กับพวกเจ้าทุกคนทำการบ่มเพาะ หากพวกเจ้าคนไหนที่บรรลุเคล็ดวิชาที่ข้าส่งไปให้ได้แล้ว ร่างของพวกเจ้าจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่สำหรับเริ่มการทดสอบ เอาล่ะจงเตรียมตัวรับเคล็ดวิชาได้แล้ว!”
เมื่อวิญญาณร่างยักษ์พูดจบ ภาพมายาของคัมภีร์เล่มหนึ่งก็ลอยปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน รอให้ทุก ๆ คนเปิดอ่านมันได้อย่างอิสระ