พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 58 ไผ่สามพันปี[รีไรท์]
บทที่ 58 ไผ่สามพันปี[รีไรท์]
ขณะนี้มรสุมแห่งปัญหากำลังเริ่มก่อตัวไปยังเมืองฟีนิกซ์ที่ดูเหมือนจะสงบสุข
แต่ความวุ่นวายนี้กลับไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อลานกลางเรือนตระกูลหลิงที่กำลังดำเนินไป
สำหรับหลิงตู้ฉิงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถบอกได้ว่าเขาได้มาถึงขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 3
ในวันนี้เป็นเหมือนปกติที่หลิงตู้ฉิงตื่นขึ้นมาและทุกคนก็ไปที่ลานกลางเรือนเพื่อฟังชั้นเรียนของถังชี่หยุนอย่างเงียบ ๆ
ในขณะที่ชั้นเรียนกำลังจะเริ่มต้น มีคนวิ่งตรงมาจากสวนหลังเรือนพร้อมตะโกนอย่างตื่นเต้น “ในที่สุดนายท่าน! ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ! ในตอนนี้ต้นไผ่เซียนสวรรค์มีอายุ 3,000 ปีแล้ว!”
หลิงตู้ฉิงโบกมือของเขาตัดเสียงของมี่ไลเพื่อที่นางจะไม่รบกวนชั้นเรียนของถังชี่หยุน
จากนั้นเขาพุ่งตัวออกไปเพื่อพยุงมี่ไลผู้ที่ยืนแทบไม่ตรง และพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ถึงเวลาที่เจ้าต้องพักผ่อนแล้ว…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบก็ต้องหยุดเพราะมี่ไลหลับไปโดยพิงร่างไว้กับเขา
คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ว่าเพื่อที่จะเลี้ยงต้นไผ่เซียนสวรรค์ มี่ไลได้ใช้ทักษะฝนฤดูใบไม้ผลิอย่างไม่หยุดหย่อนตลอด 6 วันที่ผ่านมา นางไม่ได้พักแม้แต่ครู่เดียว
เมื่อเห็นว่ามี่ไลหลับไปเนื่องจากความเหนื่อยล้า เขาก็อุ้มมี่ไลไว้ในอ้อมแขนแล้วพานางไปที่ห้องของนาง
หลังจากพามี่ไลเข้าห้องนอนของนางเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็เดินกลับมาที่ลานกลางเรือนเพื่อฟังชั้นเรียนของถังชี่หยุนอย่างเงียบ ๆ ต่อเช่นเดิม
2 ชั่วโมงต่อมา เมื่อเลิกชั้นเรียน หลิงว่านถิงรีบวิ่งเข้ามาหาหลิงตู้ฉิงด้วยความตื่นเต้นและถามว่า “ท่านพ่อ ข้าจะเริ่มต้นฝึกฝนได้แล้วใช่ไหม? เมื่อกี้ข้าได้ยินว่าต้นไผ่เซียนสวรรค์มีอายุครบ 3,000 ปีแล้ว!”
นี่เป็นเพราะนางเคยได้ยินหลิงตู้ฉิงพูดหลายครั้งว่าถ้านางต้องการฝึกฝน นางต้องรอให้ต้นไผ่เซียนสวรรค์เติบโตถึง 3,000 ปีนางจึงจะสามารถเริ่มฝึกฝนได้
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ เจ้าสามารถเริ่มฝึกฝนได้แล้ว แต่เมื่อครู่เจ้าไม่ได้สนใจชั้นเรียนของครูถัง! เจ้าโชคดีที่รอบนี้เป็นครั้งแรกที่เจ้าทำผิดเช่นนี้ ฉะนั้นรอบนี้พ่อจะให้อภัยเจ้า แต่พ่อขอสั่งกับเจ้าว่าอย่าให้มีรอบหน้าที่เป็นอย่างนี้อีก”
หลิงว่านถิงไม่สนใจเรื่องที่พ่อนางตำหนิ นางมองไปที่หลิงตู้ฉิงอย่างคาดหวังและถามขึ้นอีกครั้งว่า “ท่านพ่อ ข้าควรจะเริ่มฝึกอย่างไร?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ตอนนี้ต้นไผ่อายุครบ 3,000 ปีแล้วก็จริง แต่เจ้าต้องรอให้พ่อดัดแปลงมันให้เข้ากับความสามารถสายเลือดของเจ้าก่อน เจ้าถึงจะเริ่มฝึกฝนได้”
“ท่านพ่อก็ไปทำเร็ว ๆ สิ ท่านรออะไรอยู่?” หลิงว่านถิงจับมือของหลิงตู้ฉิงและดึงเขาไปที่สวนหลังเรือน
หลิงตู้ฉิงปล่อยให้หลิงว่านถิงดึงเขาไปด้วยรอยยิ้ม
เมื่อหลิงว่างถิงลากมือหลิงตู้ฉิงไปถึงสวนหลังเรือน สภาพแวดล้อมรอบ ๆ ต้นไผ่เซียนสวรรค์เปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าอัศจรรย์ใจ รอบ ๆ ต้นไผ่ถูกล้อมรอบไปด้วยพุ่มสมุนไพรวิญญาณ ขนาดของแต่ละพุ่มพอ ๆ กับชามข้าว สมุนไพรพวกนี้สูงราว ๆ 1-2 ฟุต
“เจ้าจะจับพ่อไว้อีกนานถึงเมื่อไหร่?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น “หากเจ้าไม่ปล่อยพ่อ พ่อจะดัดแปลงต้นไผ่นี้ได้อย่างไร?”
หลิงว่านถิงรีบปล่อยมือจากหลิงตู้ฉิงอย่างรวดเร็วและจ้องมองเขาด้วยตาอันกลมโตของนาง
หลิงตู้ฉิงเดินไปที่ด้านข้างของต้นไผ่เซียนสวรรค์และดึงพุ่มสมุนไพรที่บังต้นไผ่อยู่ออกมาราว ๆ 7-8 ต้น สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ล้วนมีอายุเท่ากับกับต้นไผ่เซียนสวรรค์ พวกมันมีอายุ 3,000 ปีและมีค่าอย่างยิ่ง
หลังจากดึงสมุนไพรที่บังต้นไผ่เซียนสวรรค์ไว้เสร็จ รัศมีของต้นไผ่เซียนสวรรค์ก็เริ่มแผ่ออกมาในทันที รัศมีที่แผ่ออกมาได้ดึงดูดเหล่าสัตว์และแมลงนานาชนิดเป็นอย่างมาก
บรรดาสัตว์และแมลงต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ต่างกรูกันเข้ามายังต้นไผ่เซียนสวรรค์ราวกับพวกมันบ้าคลั่ง พวกสัตว์และแมลงเหล่านี้ล้วนมองว่าต้นไผ่เซียนสวรรค์ที่มีอายุ 3,000 ปี เป็นอาหารอันโอชะของพวกมัน
กลุ่มแรกที่มาถึงต้นไผ่เซียนสวรรค์ก่อนคือบรรดาสัตว์และแมลงที่มีปีก
หลังจากบินมาถึงพวกมันก็พุ่งเข้าหาต้นไผ่เซียนสวรรค์ทันที สาเหตุที่พวกมันต้องการดูดกินพลังของต้นไผ่เซียนสวรรค์นั่นก็เพราะในต้นไผ่เซียนสวรรค์มีพลังงานธาตุมืดอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งพลังงานธาตุมืดนี้มีความสำคัญต่อการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เช่นเดียวกับสัตว์และแมลงที่บินได้เหล่านี้
ในขณะที่พวกสัตว์และแมลงเหล่านี้กำลังจะกระโจนลงบนต้นไผ่เซียนสวรรค์ ลำต้นไผ่เซียนสวรรค์ก็มีปฏิกิริยาสั่นเล็กน้อยและแปรสภาพพลังวิญญาณรอบ ๆ ตัวมันให้กลายเป็นรูปร่างกระบี่และส่งเข้าฟาดฟันไปยังบรรดาสัตว์และแมลงที่กำลังพยายามบินเข้ามาเกาะจนตายทั้งหมด
“เอาล่ะ ข้ารู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหนแล้ว” หลิงตู้ฉิงพูดกับต้นไผ่เซียนสวรรค์และจากนั้นเขากดมือของเขาลงบนลำต้นของต้นไผ่เซียนสวรรค์
เมื่อถูกมือของหลิงตู้ฉิงประทับลงบนลำต้น รัศมีของต้นไผ่เซียนสวรรค์ที่แผ่ออกมาก็เริ่มจางหายไป
หลังจากที่รัศมีของไผ่สวรรค์หายไป พวกสัตว์และแมลงต่าง ๆ ก็เสียเป้าหมาย พวกสัตว์และแมลงจึงตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายทันที
หลิงตู้ฉิงไม่ได้ใส่ใจกับสัตว์และแมลงเหล่านี้ เขาจับต้นไผ่เซียนสวรรค์ด้วยมือทั้งสองของเขาและดึงมันออกมาจากพื้นดิน
จากนั้นเขาจึงทำการตัดกิ่งเล็กกิ่งน้อยของต้นไผ่เซียนสวรรค์ออก ตั้งแต่ยอดต้นจนถึงโคนต้น เมื่อเลาะกิ่งทั้งหมดออกเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงจึงเริ่มประทับตราผนึกลงไปยังต้นไผ่เซียนสวรรค์ เมื่อประทับตราเสร็จ เขาเริ่มตัดแบ่งลำต้นของไผ่สวรรค์ออกเป็นท่อน ๆ ความยาวท่อนละ 1 เมตร
เมื่อเสร็จกับลำต้นของไผ่สวรรค์ หลิงตู้ฉิงหันไปมองหน่อไม้ไผ่ที่ยังปักอยู่ที่พื้นดินและพูดว่า “ข้าจะเก็บพวกเจ้าเอาไว้ใช้งานคราวหน้าแล้วกัน”
เมื่อได้ยินหลิงตู้ฉิงพูดเช่นนี้ บรรดาหน่อไม้ไผ่สวรรค์ก็หดตัวเข้าหากันแสดงออกถึงความไม่พอใจ
หลิงตู้ฉิงไม่สนใจ เขาหยิบหน่อไม้แล้วใส่ลงในแหวนมิติ
“ท่านพ่อนี่คือเสร็จแล้วงั้นหรือ?” หลิงว่านถิงถามอย่างแปลกใจ
“ไม่ต้องกังวล นี่เพิ่งขั้นตอนแรกในการเตรียมการ ตอนนี้เราไปที่หน้าเรือนกันก่อน” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
บรรดาเด็ก ๆ คนอื่นเมื่อเห็นหลิงว่านถิงและหลิงตู้ฉิงเดินออกมาจากสวนหลังบ้าน พวกเขาจึงรีบวิ่งเข้ามารุมล้อมด้วยความสงสัยว่าพ่อของพวกเขาจะให้หลิงว่านถิงฝึกฝนแบบไหนกัน
หลิงตู้ฉิงพาหลิงว่านถิงและบรรดาเด็ก ๆ นั่งลงที่กลางลาน เขาหยิบไผ่สองท่อนออกมาและตัดแบ่งพวกมันให้ออกมาเป็นซี่เล็ก ๆ ด้วยมีด
จากนั้นเขาก็เริ่มสานซี่ไม้ไผ่ชิ้นเล็ก ๆ ให้กลายเป็นโครงว่าว
แต่รูปร่างของโครงว่าวนี้แปลกจากโครงว่าวธรรมดาเป็นอย่างมาก เพราะรูปร่างที่ออกมา ไม่ว่าจะมองอย่างไรมันก็ดูเหมือนนก
“ท่านพ่อ ท่านเชี่ยวชาญในด้านการทำว่าวด้วยหรือ?” หลิงว่านถิงพูด
“ถูกต้อง!” หลิงตู้ฉิงเงยหน้าขึ้นมองฟ้าและหันกลับมาพูดกับหลิงว่านถิงและเด็กคนอื่น ๆ ว่า “พ่อรู้สึกว่าพรุ่งนี้ท้องฟ้าน่าจะปลอดโปร่งและลมน่าจะดี พวกเจ้าได้แต่ฝึกฝนที่เรือนมานาน พรุ่งนี้พ่อจะพาพวกเจ้าออกไปเล่นว่าวกัน พวกเจ้าว่าดีไหม?”
แน่นอนว่าเมื่อหลิงตู้ฉิงพูดคำว่า ‘เล่น’ ขึ้นมา พวกเขาทุกคนล้วนพากันส่งเสียงดีใจตอบตกลงทันที จะมีก็แต่หลิงว่านถิงเพียงคนเดียวพูดอย่างขุ่นเคืองว่า “ท่านพ่อ แล้วข้าล่ะ ท่านไม่สนใจการฝึกฝนของข้าเลย”
หลิงตู้ฉิงลูบหัวของหลิงว่านถิงแล้วพูดว่า “การเล่นว่าวนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการฝึกฝนของเจ้า คืนนี้เจ้าต้องเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำเพื่อเก็บแรงไว้สำหรับพรุ่งนี้”
หลิงตู้ฉิงไม่ได้พูดถึงสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในใจออกมา
หลิงว่านถิงรู้สึกว่ามันแปลกมากที่การฝึกฝนของนางจะเกี่ยวกับการเล่นว่าว นางรู้สึกว่ามันลึกลับพิกล
แต่หลังจากที่เห็นการฝึกฝนของน้องสาม หลิงเทียนหยุน ที่เคยนอนหาเงาบนพื้นทั้งวันและน้องห้า หลิงฟ่างหัว ที่ต้องเดินเข้า ๆ ออก ๆ ประตูประหลาดนั่นแล้ว นางรู้สึกว่านี่อาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้
พ่อของนางมักจะมีวิธีการแปลก ๆ เสมอ ดังนั้นการฝึกฝนด้วยการเล่นว่าวของนางอาจมีเหตุผลบางอย่างอยู่เบื้องหลัง
หลังจากทำให้หลิงว่านถิงสงบลงแล้ว หลิงตู้ฉิงหยิบไม้ไผ่อีกท่อนหนึ่งออกมาและตัดแต่งไม้ไผ่ชิ้นหนาจนกลายเป็นแท่ง จากนั้นครู่หนึ่งเขาก็เริ่มเหลามันและลับคมไผ่เพื่อให้ดูเหมือนกระบี่
หลังจากกระบี่ไม้ไผ่ถูกสร้างขึ้น หลิงตู้ฉิงก็มองดูมันด้วยความพึงพอใจ จากนั้นเขาก็ยกกระบี่ไม้ไผ่ขึ้น พร้อมกับเงยหน้ามองท้องฟ้าและพูดว่า “เจ้าจะลงมาเอง หรือเจ้าจะให้ข้าฟันเจ้าหล่นลงมา?”