พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 580 ดวงใครดวงมัน
เมื่อได้ยินคำอนุญาตของหลิงตู้ฉิง ทุกคนก็แยกย้ายกันวิ่งไปเข้าในห้องสี่เหลี่ยมที่ตัวเองหมายตาไว้ทันที ซึ่งทุกคนไม่ลืมว่าพวกเขามีโอกาสเข้าไปในห้องได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
แต่แล้วเมื่อเย่ฉิงเสี่ยวเปิดประตูห้องที่เขาเลือกไว้เข้าไป ร่างกายของเขากลับถูกผลักออกมาจนล้มลุกคลุกคลานทันที ทำให้ทุกคนที่กำลังจะเข้าไปในห้องต่างก็รู้สึกงุนงงกับภาพที่เห็น
“ฉิงเสี่ยว เกิดอะไรขึ้น?” เย่จางเฟิงถามขึ้น
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะถูกล้างสมองทำให้กลายเป็นทาสรับใช้ของหลิงตู้ฉิง แต่สติสัมปะชัญญะของพวกเขาก็ยังอยู่ครบดี ดังนั้นเมื่อเย่จางเฟิงเห็นว่าลูกชายของตนเองเกิดปัญหา เขาจึงยังคงแสดงความห่วงใยเฉกเช่นที่พ่อควรมีให้ลูกอยู่
เย่ฉิงเสี่ยวรีบตอบกลับทันที “ข้าไม่เป็นอะไรท่านพ่อ ทุกคนจงระวังตัวเอาไว้ ข้างในห้องมันยังมีเจตจำนงของผู้เชี่ยวชาญที่เคยใช้ห้องนี้เป็นสถานที่ฝึกตนสถิตอยู่”
หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นแทรก “ไม่ต้องกังวล มันไม่มีอันตรายอะไรหรอก มันเป็นแค่การทดสอบหนึ่งเท่านั้น หากเจ้าสามารถเข้าไปได้ มันก็หมายความว่าเจ้าสามารถเข้าไปได้ แต่ถ้าหากเจ้าเข้าไปไม่ได้ มันก็หมายความว่าเจ้าก็เข้าไปไม่ได้ และเจ้าไม่จำเป็นต้องไปทดลองที่ห้องอื่น ๆ เพราะผลลัพธ์ที่ได้มันก็จะไม่แตกต่างอะไรกัน”
หลังจากฟังคำแนะนำของหลิงตู้ฉิง บรรดาคนอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้เข้าไปในห้องก็ค่อย ๆ เปิดประตูห้องและก้าวขาเข้าไปด้วยความระมัดระวังตัว
เย่ชิงเฉิงก็เป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังจะเปิดประตู เมื่อนางเปิดประตูนางก็ยังไม่ได้เข้าไปด้านใน นางเลือกที่จะใช้ส่งพลังวิญญาณของนางเข้าไปในห้องเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ด้านในก่อน ซึ่งหลังจากตรวจสอบนางก็พบว่าภายในห้องมันเต็มไปด้วยไอความร้อน
เมื่อสัมผัสได้ว่าภายในห้องมันเต็มไปด้วยไอความร้อน เย่ชิงเฉิงจึงโคจรวิชามหาจันทราศักดิ์สิทธิ์และเปิดใช้งานทักษะอาณาเขตสวรรค์และเรียกคันฉ่องสวรรค์หยินหยางออกมาพร้อม ๆ กัน
เมื่อคันฉ่องสวรรค์หยินหยางถูกเรียกออกมา มันก็ลอยอยู่เหนือหัวของเย่ชิงเฉิงและปล่อยอำนาจของมันหลอมรวมเข้ากับอาณาเขตสวรรค์ จนทำให้รอบกายของเย่ชิงเฉิงมีแสงสีขาวขุ่นปกคลุมอยู่โดยรอบ
เมื่อมั่นใจว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว เย่ชิงเฉิงจึงก้าวไปในห้องทันที ซึ่งเมื่อนางก้าวขาเข้าไป จู่ ๆ ทั่วทั้งห้องก็ลุกท่วมขึ้นด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรงและไม่เพียงแค่นั้น เปลวเพลิงที่ลุกท่วมขึ้นก็รุมล้อมรอบอาณาเขตสวรรค์ของนางจนหนาแน่นราวกับว่าพวกมันมีชีวิตและพยายามที่ฝ่าการป้องกันของนางให้ได้
ในเวลาเดียวกันกับที่เปลวเพลิงพยายามฝ่าอาณาเขตสวรรค์ คันฉ่องสวรรค์หยินหยางที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของเย่ชิงเฉิงก็เริ่มหมุนเร็วขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับแผ่อำนาจของมันไปยังอาณาเขตสวรรค์มากยิ่งขึ้นจนท้ายที่สุด บรรดาเปลวเพลิงที่ล้อมรอบอาณาเขตสวรรค์อยู่นั้นกลับถูกดูดซับเข้าไปในอาณาเขตสวรรค์และทำให้มันสมบูรณ์มากขึ้นกว่าเดิม
ผ่านไปสักพัก เมื่อเย่ชิงเฉิงเห็นว่านางน่าจะผ่านช่วงวิกฤตมาได้แล้ว นางจึงเริ่มมองสำรวจไปทั่วห้องดูว่ามีเหล่าสมบัติอะไรหลงเหลืออยู่ด้านในนี่บ้างไหม
เนื่องจากหลิงตู้ฉิงได้บอกไว้แล้วว่าของทุกอย่างห้องสามารถนำออกไปได้ทั้งหมด ดังนั้นนางจึงไม่มีเหตุผลที่จะสำรวมมารยาทอีกต่อไป
ของในห้องมันมีทั้งพัดที่อยู่บนโต๊ะ เตาหลอมโอสถที่อยู่กลางห้อง แผ่นกระดาษที่จดบันทึกต่าง ๆ ไว้ ชุดเสื้อผ้าสองชุดบนเตียง และสุดท้ายเบาะรองนั่งที่อยู่หน้าเตาหลอม ของทุกอย่างต่างถูกเย่ชิงเฉิงเก็บไปจนหมดสิ้น
หลังจากนางเก็บของทั้งหมดเสร็จแล้ว นางก็เหลือบไปเห็นยังมีคัมภีร์อยู่อีก 4-5 เล่มที่อยู่บนชั้นวาง แต่เมื่อนางลองไปดึงเอาเหล่าคัมภีร์ดูแล้วก็พบว่ามันไม่ยอมขยับเขยื้อนเลย นางจึงถอดใจและหันหลังกลับออกจากห้องไปทันที
หลังจากออกมาจากห้องแล้ว เย่ชิงเฉิงก็เดินตรงไปหาหลิงตู้ฉิง และพูดกับเขาว่า “สามี ช่วยข้าดูของเหล่านี้ที่ข้าเก็บมาทีว่ามันคืออะไร?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ไหนดูสิว่าเจ้าได้อะไรมาบ้าง…”
แต่เมื่อหลิงตู้ฉิงเห็นว่าสิ่งที่เย่ชิงเฉิงหยิบออกมานั้น มีแม้กระทั่งเบาะรองนั่งรวมไปถึงเสื้อผ้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าประหลาดใจ
เย่ชิงเฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าอับอาย “ในห้องมันมีแต่เปลวเพลิง ซึ่งข้าเห็นว่าของเหล่านี้มันกลับทนไฟได้ ข้าจึงคิดว่ามันเป็นของดีก็เลยหยิบติดมือมา…”
นางรู้สึกอับอายเล็กน้อยที่นางเป็นถึงลูกสาวของเจ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้กลับทำตัวเยี่ยงโจรขโมยของทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งเบาะรองนั่ง…
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าอีกครั้งและพูดว่า “มันเป็นของดีจริง ๆ นั่นแหละ! เสื้อผ้าที่เจ้านำออกมามันทำมาจากเส้นใยไหมเพลิงและยิ่งอักขระควบคุมธาตุไฟประทับลงไปอีก ซึ่งทำให้มันมีคุณสมบัติทนความร้อนได้เป็นอย่างมากและทำให้ระดับของมันนั้นไม่ด้อยไปกว่าสมบัติระดับนภาครามแม้แต่น้อย”
“ส่วนเบาะรองนั่งชิ้นนี้ความสามารถของมันคือทำให้ผู้ที่นั่งลงบนมันสามารถสงบจิตใจและตั้งสมาธิได้ง่ายขึ้น แถมยังไม่ถูกมารในใจเข้าครอบงำได้อย่างง่าย ๆ ด้วย และแผ่นกระดาษพวกนี้…อ ๋อ! มันคือสูตรหลอมโอสถเพลิงปริศนา!”
“แต่ของที่ล้ำค่าที่สุดที่เจ้าเอาออกมามันคงจะเป็นเตาหลอมโอสถอันนี้นี่แหละ มันคือเตาหลอมโอสถระดับจักรพรรดิแถมจากที่ข้าดูแล้วในเตามันน่าจะยังคงมีโอสถที่ถูกหลอมเสร็จแล้วหลงเหลืออยู่ เอาล่ะเดี๋ยวข้าจะเปิดฝาเตาออกเพื่อดูว่าข้างในมันมีโอสถอะไรก็แล้วกัน”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ส่งสัญญาณให้เย่จางเฟิงและเย่ฉิงเสี่ยวมายืนรอใกล้ ๆ เพื่อจับเหล่าโอสถที่อยู่ในเตาหลอมเอาไว้ตอนที่เขาเปิดฝาออก
จากนั้นเมื่อหลิงตู้ฉิงเปิดฝาเตา โอสถสีแดงเพลิงที่อยู่ในเตาก็บินออกมาทันที ซึ่งเย่จางเฟิงนั้นว่องไวเป็นอย่างมาก เขาสามารถจับมันได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่มันบินออกมาจากเตา
“หืม? โอสถมหาลาภ?” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เจ้ามีโชคที่ดีจริง ๆ โอสถมหาลาภ นี้มีอายุถึง 1 ล้านปีแถมมันยังถูกขัดเกลาด้วยเพลิงปฐพีมาโดยตลอด ในตอนนี้สรรพคุณของมันคงพอที่จะสามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิที่กำลังจะตายฟื้นคืนชีพกลับมาได้เชียวล่ะ”
“มันทำได้ถึงขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?” เย่ชิงเฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น
หลิงตู้ฉิงยิ้มและเอ่ยว่า “โชคของเจ้านั้นดีจริง ๆ เอาล่ะ เก็บมันเข้าไปได้แล้ว”
เย่ชิงเฉิงเก็บโอสถลงไป จากนั้นนางก็ส่งเตาหลอมไปให้กับหลิงตู้ฉิงและพูดว่า “สามี ข้าจะให้เตาหลอมนี้กับท่านเป็นของขวัญ การที่มันอยู่ในมือท่านมันย่อมมีประโยชน์มากกว่าอยู่กับข้า”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขาก็รับเตาหลอมมาเก็บไว้
“สามี ทำไมท่านไม่เข้าไปในห้องเพื่อเสี่ยงโชคบ้างล่ะ?” เย่ชิงเฉิงถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ไม่จำเป็นหรอก”
เป้าหมายของเขาไม่ใช่สิ่งเหล่านี้
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก คนอื่น ๆ ก็เริ่มทยอยกันออกมาจากห้องฝึก ซึ่งมีทั้งคนที่แสดงสีหน้าหดหู่และสีหน้าดีใจ
ยกตัวอย่างเช่น หลงเฉิน ที่แสดงสีหน้าหดหู่เพราะว่าเขาไม่ได้อะไรติดมือเลย แตกต่างกับเปียนเฉียวเฉียวและหยุนจื่อรุ่ยที่ได้รับของดีติดมือออกมา
“นายท่าน ทำไมโชคของข้ามันช่างไม่ดีเอาซะเลย?” หลงเฉินยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าอุตส่าห์เข้าไปในห้องได้แล้วแท้ ๆ แต่ในห้องมันกลับว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่เลย นายท่าน พวกเรารีบไปต่อกันเลยได้ไหม ข้าอยากจะรู้ว่าโชคของข้ามันจะแย่แบบนี้ไปตลอดเลยหรือยังไง”
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่หลงเฉิน และตะโกนไปยังทุกคนว่า “เอาล่ะ พวกเราไปกันต่อ!”
สิ่งที่เกิดขึ้นมันขึ้นอยู่กับดวงชะตาของแต่ละคน ต่อให้คนของเขาไม่ได้รับของอะไรไปเลยจากที่นี่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้
หลังจากนั้นพวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ถัดไป
ในขณะเดียวกัน ตอนนี้ที่ด้านนอกของตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนก็เกิดความวุ่นวายขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากข่าวการเปิดออกของตำหนักได้ถูกแพร่กระจายไปยังอาณาเขตอื่น ๆ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจากอาณาเขตที่อยู่รอบ ๆ เข้ามามากมายจนตอนนี้คนที่เข้ามาในตำหนักนั้นเหยียบหลักล้านคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!