พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 617 ดิ้นรน
ในความคิดของเทียนซ่ง ตอนนี้เขาหวังแต่ให้หลิงตู้ฉิงออกไปจากเมืองเขาให้เร็วที่สุด
เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่า หลิงตู้ฉิงจะฆ่าพวกลูกหลานสารเลวของเขาหมดเมืองรึเปล่า ขอเพียงแค่หลิงตู้ฉิงรีบออกไปจากเมืองเขาโดยที่ไม่แตะต้องรากฐานของสันเขาทรราชก็เพียงพอ
อย่างมากที่สุดต่อให้เหล่าลูกหลานไม่รักดีของเขาตายจนหมด พวกมันก็เกิดใหม่ได้
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง ในเวลานี้เมื่อเขาได้สังหารเทียนเฟิงไป โทสะของเขาที่คุกรุ่นอยู่มันก็ไม่ได้เบาบางลงเลยแม้แต่นิด
ในทางกลับกัน หลิงตู้ฉิงกลับคิดว่าเขาอุตส่าห์กลับมาเกิดใหม่เพื่อบ่มเพาะในวิถีที่ต่างออกไปแถมมันกำลังไปได้สวยด้วยซ้ำ แต่แล้วจู่ ๆ มันกลับถูกทำลายลงอย่างง่าย ๆ ด้วยไอ้พวกคนโง่เง่าเหล่านี้?
ยิ่งเขาคิดได้เช่นนี้ มันก็ยิ่งทำให้เขาโกรธมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลที่ตามมาก็คือแสงสีดำที่เคยหยุดลงชั่วคราว ในตอนนี้มันกลับมาแผ่ขยายออกไปเหมือนเดิมอีกแล้ว!
เมื่อเห็นว่าจู่ ๆ หลิงตู้ฉิงก็เริ่มทำลายเมืองของเขาอีกแล้ว เทียนซ่งรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็วทันที “พี่ชายเดี๋ยว ๆๆๆ ก่อน โปรดใจเย็นลงก่อน ท่านโมโหไอ้สารเลวนี่ด้วยใช่ไหม? ข้าจะฆ่ามันให้ท่านเอง! ข้าจะฆ่ามันเพื่อเป็นการขอขมาให้กับท่านเอง!”
เมื่อพูดจบ เทียนซ่งโบกมือส่งเจตจำนงของเขาบดขยี้เทียนชิวจนกลายเป็นเนื้อบดทันที
“ท่านปู่!” เทียนเก๋อกรีดร้องลั่น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมบรรพบุรุษของเขาถึงต้องฆ่าปู่ของเขาอย่างเลือดเย็นแบบนี้
อันที่จริงสิ่งที่เทียนเก๋อไม่รู้ก็คือ หากในร่างกายเขาตอนนี้ไม่มีพลังสายเลือดหลิงยู่ชานไหลเวียนอยู่เพื่อรอการคืนไปให้กับหลิงยู่ชาน เขาคงเป็นคนแรกที่ถูกฆ่าตายแน่นอน
แต่แล้วก่อนที่เจตจำนงแห่งการสังหารของหลิงตู้ฉิงจะปะทุไปถึงขีดสุดอีกครั้ง หลิงยู่ชานก็ค่อย ๆ ลืมตาได้สติขึ้น
เขาไออยู่ 2-3 ครั้ง และเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังในสายเลือดของตัวเองที่หายไปเขาก็รู้สึกปวดร้าวอยู่ในใจ
ทำไมกัน? ข้าเป็นคนตระกูลเดียวกับพวกเขาไม่ใช่เหรอ?
หลังจากที่หลิงยู่ชานส่งเสียงไอ เทียนเฮงและเทียนหลีก็ได้ยินทันที จากนั้นพวกเขาทั้งสองจึงรีบพุ่งตัวมาหาหลิงยู่ชาน และเอ่ยขึ้นว่า “ชาน เร็วเข้า รีบบอกพ่อของเจ้าให้หยุดมือที! เรื่องอื่น ๆ พวกเราค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้เจ้าช่วยบอกพ่อของเจ้าให้หยุดมือก่อนทีเถอะ!”
ในตอนนี้ผู้คนของสันเขาทรราชได้ตกตายไปเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนและยังไม่รวมไปถึงสิ่งปลูกสร้าง ค่ายกลป้องกันต่าง ๆ มากมายที่ถูกทำลายลงไปอย่างย่อยยับ ส่วนตัวคนก่อนเหตุก็ได้ตายไปแล้วเช่นกัน ดังนั้นแม้ว่าเทียนเฮงและคนอื่น ๆ จะโกรธเคืองสักแค่ไหน พวกเขาก็เห็นว่าเรื่องนี้มันควรจะพอได้แล้ว หากมันมากไปกว่าเมืองที่เป็นบ้านเกิดของพวกเขาคงต้องหายไปด้วยแน่ ๆ ซึ่งมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาอยากจะให้เป็น
หลิงยู่ชาน เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกงุนงง ให้หยุดอะไร? ให้เขาบอกพ่อของเขาให้หยุดทำอะไร?
หลิงยู่ชานจึงพาลคิดไปว่าน่าจะเป็นเทียนซ่งหยู ผู้ซึ่งเป็นพ่อแท้ ๆ ของเขาน่าจะกำลังพยายามทำอะไรอยู่สักอย่าง
แต่แล้วเมื่อเขาหันหน้าไปมองเทียนเฮงและเทียนหลี จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นร่างของหลิงตู้ฉิงที่กำลังลอยอยู่บนท้องฟ้า เขาก็รู้สึกตกตะลึงในทันที!
พ่อของเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
ในเวลาเดียวกัน เทียนซ่งก็รีบบินเข้ามาหาหลิงยู่ชานเช่นกันและรีบพูดว่า “เร็วเข้า รีบบอกให้พ่อของเจ้าหยุดมือก่อน พวกเรารู้ว่าพวกเราทำผิดต่อเจ้า พวกเราจะคืนพลังสายเลือดให้กับเจ้าหลังจากนี้แน่นอน!”
หลิงยู่ชานมองไปยังสีหน้าอันตื่นตระหนกของทุกคนรอบกายเขาและมองไปที่ร่างของหลิงตู้ฉิงที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายอันน่าสยดสยอง เขาจึงพยายามตะโกนขึ้นด้วยความยากลำบาก “ท่านพ่อ ข้าไม่เป็นอะไร ท่านพ่อท่านสงบอารมณ์ลงก่อน!”
หลิงตู้ฉิงมองไปมายังหลิงยู่ชานด้วยแววตาเย็นชาเช่นเดิม เจตจำนงแห่งการสังหารในใจของเขายังคงไม่สั่นไหวใด ๆ ทั้งนั้น
แต่แล้วเพียงชั่วครู่เดียว จู่ ๆ ก็มีเสียงฟ้าร้องดังลั่นอยู่เหนือหมู่เมฆขึ้นไป ซึ่งแม้แต่หลิงตู้ฉิงยังอดไม่ได้ที่จะต้องแหงนหน้าขึ้นไปมอง
จากนั้นเจตจำนงแห่งการสังหารของเขาก็ถูกควบคุมอีกครั้ง
หลิงยู่ชานดิ้นตัวออกจากอ้อมแขนของเหมาลี่ จากนั้นเขาก็บินไปหาหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลทันที เนื่องจากเขารู้ว่าสภาวะของหลิงตู้ฉิงตอนนี้มันไม่ปกติเลย
“ชาน อย่า!” เหมาลี่รีบตะโกนห้ามทันที
แสงสีดำนั่นกลืนกินผู้คนไปตั้งมากมาย การตรงดิ่งเข้าไปแบบนี้มันไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายเลยไม่ใช่เหรอไง?
แต่แล้วในเวลาเดียวกับที่หลิงยู่ชานบินเข้ามาใกล้หลิงตู้ฉิง รัศมีแสงสีดำที่แผ่ขยายกลืนกินพื้นที่เป็นวงกว้างจู่ ๆ มันก็สลายหายไปพร้อมกับแววตาของหลิงตู้ฉิงก็ลดความอำมหิตลงเช่นกัน
นี่คือเด็กชายคนแรกที่เขารับมาอุปถัมภ์และได้กลายเป็นลูกชายคนโตของเขาและเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาต้องการบ่มเพาะเต๋าแห่งอารมณ์ในชีวิตนี้
ดังนั้นเมื่อเขาเห็นเรื่องราวเลวร้ายเกิดขึ้นกับลูกชายของเขา หัวใจเต๋าของเขาจึงพังทลายลงในทันที เพราะมันเหมือนกับจุดเริ่มต้นเต๋าของเขาได้ถูกทำลายลงไป
แต่ในตอนนี้เมื่อได้เห็น ‘จุดเริ่มต้น’ ของเขาอีกครั้ง หลิงตู้ฉิงจึงได้เหตุผลในการดำเนินชีวิตในรูปแบบชีวิตชาตินี้ของเขาต่ออีกครั้ง
“ท่านพ่อ ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ” หลิงยู่ชานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากังวล “ท่านพ่ออย่าโกรธจนเป็นแบบนี้เลย ท่านอย่าลืมสิว่าที่บ้านของเรายังมีบรรดาท่านแม่และน้อง ๆ ของข้ากำลังรอให้ท่านกลับไปหาพวกเขาอยู่!”
สัญชาตญาณของหลิงยู่ชานในตอนนี้มันบอกกับเขาว่า หากเขายังปล่อยให้พ่อของเขาฆ่าคนมากไปกว่านี้ พ่อของเขาจะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก
ดังนั้นเขาจึงต้องรีบทำให้พ่อของเขาหยุดการเข่นฆ่าครั้งนี้ซะ
แววตาอันแสนอำมหิตของหลิงตู้ฉิง ในเวลานี้เริ่มค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ จากนั้นเขาเอาคิดด้วยเสียงแผ่วเบา “ชาน….”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงจับไปที่ไหล่ของหลิงยู่ชานอย่างแผ่วเบาและค่อย ๆ ลอยตัวลงมายังพื้นดิน
แต่เมื่อเท้าของหลิงตู้ฉิงสัมผัสไปที่พื้นดินของเมืองสันเขาทรราช เขาก็กระทืบเท้าลงไปที่พื้น 1 ครั้ง จากนั้นเสียงระเบิดก็ดังกึกก้องขึ้นจากใต้เท้าของเขา ซึ่งผลที่ตามมาก็คือทั้งเมืองสันเขาทรราชสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เทียนซ่งที่เห็นเช่นนี้ก็ได้แต่กรอกตา เขารู้สึกได้ทันทีว่ามหาวิถีเต๋าและเส้นชีพจรของตระกูลถูกทำให้เสียหายอย่างหนัก
แต่ถึงแม้จะรู้เช่นนี้เขาก็ยังไม่กล้าที่เอ่ยอะไรออกไป เนื่องจากเขาไม่อยากจะขัดใจเทพมรณะผู้นี้จนโมโหขึ้นมาอีกรอบ
เขารู้เป็นอย่างดีว่าถ้าหากเขาทำให้หลิงตู้ฉิงโมโหขึ้นมาอีกรอบ นั่นหมายถึงสันเขาทรราชของเขาคงต้องจบลงจริง ๆ
หลิงตู้ฉิงไม่เอ่ยอะไรต่ออีกทั้งนั้น เขาพาร่างหลิงยู่ชานมายืนอยู่กับหลิงว่านถิงและคนอื่น ๆ จากนั้นเขาชี้นิ้วไปที่พื้นที่โล่งข้างหน้า ซึ่งจู่ ๆ มิติในบริเวณนั้นก็ถูกฉีกออกจนกลายเป็นประตูมิติไปสู่ลานในคฤหาสน์สราญรมย์
หลังจากเห็นว่าประตูมิติถูกเปิดออกโดยสมบูรณ์แล้ว หลิงตู้ฉิงก็พาหลิงยู่ชานและคนของเขาทั้งหมดเดินเข้าไปในประตูมิติและไปโผล่ยังคฤหาสน์สราญรมย์
“ใครกัน?” หลิงฟ่างหัวตะโกนขึ้น
เมื่อสัมผัสได้ถึงความผัวผวนของพลังมิติ นางก็รีบฉีกมิติมาปรากฏอยู่ที่จุดที่นางสัมผัสได้ว่ามีพลังผันผวนทันที
แต่เมื่อนางเห็นว่าเป็นหลิงตู้ฉิง และคนอื่น ๆ ที่กลับมา นางก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ท่านพ่อท่านกลับมาได้ยังไง?”
หลิงตู้ฉิงได้ยินสิ่งที่ลูกสาวของตนเองถามขึ้นเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้ก้าวขาพ้นประตูมิติหมดแล้ว เขาก็ปิดประตูมิติและนั่งลงทำสมาธิกับพื้นทันที
ในเวลาเดียวกันนี้ ผนึกสมดุลที่เคยครอบคลุมทั้งทะเลชางหมางและทั้งโลกก็ถูกคลายออก แต่พลังของผนึกเหล่านี้ไม่ได้หายไปไหน พวกมันกลับพุ่งเข้าไปในร่างกายของหลิงตู้ฉิงทั้งหมด และพยายามยับยั้งเจตจำนงแห่งการสังหารในร่างกายของเขาให้คงที่
และยังมีจี้หยกที่พ่อแม่ของหลิงตู้ฉิงทิ้งเอาไว้ให้เขา และเขาก็พกมันอยู่ข้างกายตลอด ในตอนนี้จู่ ๆ พวกมันก็ส่องแสงประทับรูปมังกรและฟีนิกซ์ลงไปบนร่างของหลิงตู้ฉิงด้วยเช่นกัน จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็นั่งนิ่งอยู่ท่าเดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหนราวกับว่าเขาเป็นรูปปั้น
“ท่านพ่อ ท่านเป็นอะไรไป?” หลิงฟ่างหัวถามขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ในเวลานี้บรรดาผู้คนที่อยู่ในคฤหาสน์สราญรมย์ต่างก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ พวกเขารีบวิ่งออกมาดูสถานการณ์กันทีละคนจนครบ
เมื่อเห็นสภาพอันไม่ปกติในตอนนี้ของหลิงตู้ฉิง พวกเขาจึงรีบถามในทันที “ยู่ชาน ว่านถิง เกิดอะไรขึ้นกับพ่อของเจ้ากัน? ชิงเฉิง สามีของพวกเราเป็นอะไร?”
น่าเสียดายที่ไม่มีใครสามารถตอบคำถามนี้ได้เลย
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์มันไม่ดีแล้วแน่นอน มี่ไลจึงรีบหยิบยันต์สั่งสวรรค์ขึ้นมาและคลี่ออก จากนั้นนางถามหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ว่า “พี่หญิง ท่านรู้ไหมว่าสามีของข้าเป็นอะไร?”
หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์มองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าโล่งใจ จากนั้นนางพูดกับมี่ไลว่า “เขากำลังดิ้นรนที่จะดำเนินชีวิตตามวิถีชีวิตในปัจจุบันนี้อยู่ ในตอนนี้เขากำลังต่อสู้กับวิถีชีวิตที่แล้วของเขา เจ้าจงบอกกับพวกเจ้าทุกคนว่าให้มาที่นี่และคุยกับเขาในทุก ๆ วัน เพื่อทำให้เขามีกำลังใจที่จะสู้ต่อไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นสามีและพ่อของพวกเจ้าจะหายไปตลอดกาล”
มี่ไล เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็รู้กลัวจนหน้าซีดทันที นางรีบบอกเรื่องนี้กับทุก ๆ คนทันที
ทางด้านของคนอื่น ๆ ที่ได้ยินเช่นนี้ต่างก็พากันขวัญหาย พวกเขาต่างพากันครุ่นคิดว่าพวกเขาจะทำอย่างไรเพื่อช่วยหลิงตู้ฉิงนับจากวันนี้ไปดี
เมื่อมาถึงจุดนี้ สิ่งอื่น ๆ ล้วนไม่สำคัญเท่ากับการที่ครอบครัวของพวกเขาจะกลับกลายมาเป็นเหมือนเดิม!