พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 631 อนาคตของอาณาจักรจันทราที่ไร้ขีดจำกัด
เมื่อหลิงตู้ฉิงอธิบายจบ บรรดาผู้คนก็มองไปที่เขาด้วยสายตาสับสนปนไปด้วยความยินดี
หลังจากนั้น หลิงยี่เทียนก็นำเย่จางเฟิงและลั่วหยุน ตามเทียนหลีออกไปยึดครองอาณาจักรเลือดทระนง
ส่วนทางด้านของสำนักเต๋าสวรรค์ พวกเขาเองก็เตรียมพร้อมที่จะจากไปเช่นกัน
“ที่นี่น่าจะปลอดภัยน้อยลงหากไม่มีพวกข้าช่วยคุ้มกันให้” ซวนหยวนพูดกับหลิงตู้ฉิง “แต่เนื่องจากว่านถิงนั้นได้พาส่วนหนึ่งของผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของสำนักข้าติดตามนางมาด้วย ซึ่งมันก็ทำให้ที่สำนักของข้าอยู่ในความเสี่ยงเช่นกัน ดังนั้นข้าคงต้องรีบขอตัวกลับก่อน”
หลิงว่านถิงพูดเสริมขึ้น “ท่านพ่อ ข้าเองคงต้องรีบกลับไปที่สำนักเต๋าสวรรค์เช่นกัน แต่ในเมื่อตอนนี้ผนึกที่คอยปกป้องทะเลชางหมางถูกคลายออกแล้ว ซึ่งมันทำให้ครอบครัวของเราอาจมีปัญหาในอนาคตโดยเฉพาะน้องหกเขาอาจจะมีอันตรายได้ ดังนั้นข้าจะทิ้งคนของข้าเอาไว้ที่นี่ 5 คนไว้คอยคุ้มครองน้องหก ส่วนในอนาคตถ้าหากเกิดปัญหาใหญ่อะไรขึ้นและต้องการความช่วยเหลือของข้า ท่านพ่อสามารถสั่งให้น้องห้าส่งข้อความมาหาข้าได้เลย ข้าแน่ใจว่านางน่าจะมีวิธีการส่งข้อความมาหาข้าแน่นอน”
หลิงว่านถิงรู้เป็นอย่างดีว่าอีกไม่นานพ่อของนางก็คงจะออกเดินทางอีกรอบเช่นกัน ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นอาณาจักรจันทราจะยิ่งอ่อนแอลง ดังนั้นในตอนนี้เมื่อนางมีอำนาจพอที่จะช่วยเหลือน้องชายของนางได้ นางจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือทันที
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “อืม เจ้าไปเถอะ เมื่อมีเวลาพ่อจะไปเยี่ยมเจ้าที่สำนักเต๋าสวรรค์อีกครั้ง อ๋อ และเจ้าจงอย่าลืมอีก 800 ปีข้างหน้า เจ้าต้องเดินทางไปที่สำนักเที่ยงธรรมเพื่อช่วยเหลือครูถังของเจ้า”
หลิงว่านถิงยิ้มและตอบกลับ “ข้าจะไปแน่นอนท่านพ่อ”
หลังจากนั้น หลิงว่านถิงก็โบกมืออำลาและทิ้งคนของนางเอาไว้ 5 คน ซึ่งประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ 3 คน และขอบเขตราชัน 2 คน
เมื่อหลิงว่านถิงจากไปพร้อมกับบรรดาคนของสำนักเต๋าสวรรค์ หลิงยู่ชานก็เดินเข้ามาหาหลิงตู้ฉิง
หลิงยู่ชานเดินเข้ามาหาพร้อมกับสีหน้าซับซ้อน และพูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “ท่านพ่อ ถึงแม้ว่าบางคนในตระกูลเทียน เช่น เทียนเก๋อจะทำผิดต่อข้า แต่เทียนซ่งหยูและเทียนหลีนั้นดีต่อข้ามากบวกกับที่ข้าเคยได้ยินจากท่านว่า ตัวตนของข้าที่เกิดขึ้นมาได้นั้นเป็นเพราะข้าได้ทำการสวมชะตาของคนในตระกูลเทียนมาเกิด ดังนั้นข้าจึงมีความคิดที่จะตอบแทนให้กับพวกเขา”
“ในตอนที่พวกเขามาพบข้า ข้าจึงไม่ได้บอกความจริงกับพวกเขาไปและยังคงปฏิบัติตัวกับพวกเขาเหมือนว่าพวกเขาเป็นญาติร่วมสายเลือดของข้าเหมือนเดิม ดังนั้นในเมื่อความลับนี้มีเพียงท่านแค่คนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่อง ข้าจึงอยากจะขอร้องท่านให้เก็บความลับนี้เอาไว้อย่าไปบอกใครเพื่อข้า ส่วนเรื่องของเทียนเก๋อนั้นแน่นอนว่าข้าต้องคิดบัญชีกับเขาในอนาคตแน่นอน ท่านคิดว่าการตัดสินใจแบบนี้ของข้าเป็นยังไง?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ในตอนนี้พ่อไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นอะไรกับตระกูลเทียนอีกแล้ว ดังนั้นไม่ว่าเจ้าจะตัดสินใจเรื่องระหว่างพวกเขากับเจ้าแบบไหน เจ้าจงตัดสินใจด้วยตัวเองได้เลย!”
“ถ้างั้นก็ขอบคุณมากท่านพ่อ!” หลิงยู่ชานหัวเราะ “แต่พวกเขาก็ได้พูดกับข้าเอาไว้เช่นกันว่า พวกเขาจะทิ้งผู้เชี่ยวชาญของตระกูลเทียนไว้ให้กับข้า 2 คนเพื่อคุ้มครองข้า ซึ่งหลังจากนี้ข้าคงจะเก็บตัวบ่มเพาะไปสักพักใหญ่ ๆ เพื่อปลุกสายเลือดของข้าอีกครั้ง และจากนั้นคงรั้งอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักหน่อยเพื่อคอยช่วยเหลือน้องหก”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ในใจของเขาคิดว่าเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
หากขุมกำลังอื่น ๆ ที่คิดร้ายต่ออาณาจักรจันทรา นำกองกำลังเข้ามารุกรานแต่กลับได้เห็นว่าที่แห่งนี้ถูก 3 ขุมกำลังมหาอำนาจ เช่น สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ สันเขาทรราช และสำนักเต๋าสวรรค์ให้การสนับสนุนอยู่ คนเหล่านั้นคงจะตกตะลึงจนแทบลืมหายใจแน่นอน
และนั่นเป็นเพียงแค่เปลือกนอกเพื่อขู่ไปก่อนเบื้องต้น
หากมีปัญหาใหญ่อะไรขึ้นมาจริง ๆ ตราบใดที่ตัวของเขาอยู่ที่นี่ หลิงยี่เทียนก็ไม่มีอันตรายอะไรแน่นอน
และที่สำคัญที่สุดก็คือในตอนนี้ตัวตนของหลิงยี่เทียนยังไม่ถูกเปิดเผย ไม่เช่นนั้นมหาจักรพรรดิสูงสุดแห่งมวลมนุษย์จะต้องส่งผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาเพื่อปกป้องหลิงยี่เทียน และนั่นยังไม่รวมไปถึงบรรดาผู้คนที่บ่มเพาะเต๋าแห่งการสนับสนุนก็จะมาสมทบอีกด้วยเช่นกัน
เมื่อถึงเวลานั้น หลิงยี่เทียนจะไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีกกับเรื่องการขาดแคลนผู้ใต้บังคับบัญชา มันจะมีคนมากมายที่มาถวายตัวรับใช้เขาอย่างเต็มที่
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวอย่างลับ ๆ จากนั้นเขามองไปที่เหลียนปู้ชิง ที่กำลังทำความเข้าทักษะการสร้างสมบัติที่เขาถ่ายทอดให้ไปอย่างบ้าคลั่ง
สำหรับอาณาจักรจันทราที่มีคนหนุนหลังอยู่ขนาดนี้ หากมันไม่กลายเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มันก็คงเป็นเรื่องที่น่าขำสิ้นดี
ในระหว่างที่เขากำลังคิดอยู่นั้น มี่ตั้วตั้วก็ได้พาหวงอี้เฟยมาพร้อมกับอสูรทมิฬสงครามโม่จู่ มาถึงคฤหาสน์สราญรมย์พอดี
“ตู้ฉิง เจ้ามีธุระอะไรงั้นเหรอถึงเรียกข้ามาด่วนขนาดนี้?” ทันทีที่มี่ตั้วตั้วมาถึง เขาก็เปิดฉากถามขึ้นก่อนทันที
หลิงตู้ฉิงมองไปที่โม่จู่ และพูดว่า “เจ้าออกไปก่อน ข้ามีความลับสำคัญที่จะคุยกับเขาแค่เพียงคนเดียว”
มี่ตั้วตั้วหันไปหาโม่จู่ เพื่อส่งสัญญาณให้เขาออกไป
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ยิ้มให้กับมี่ตั้วตั้ว และพูดว่า “ท่านพ่อตาเชิญนั่งลงก่อน ข้ามีเรื่องสำคัญมากที่จะคุยกับท่าน ส่วนเจ้าด้วย หวงอี้เฟย เจ้าเองก็นั่งลงข้ามีเรื่องที่จะคุยกับเจ้าเช่นกัน”
เมื่อเห็นการพูดและท่าทีการแสดงออกของหลิงตู้ฉิงที่เปลี่ยนไป มี่ตั้วตั้วก็รู้สึกตกตะลึงไปชั่วครู่ แต่เขาก็ยังคงนั่งลงตามที่หลิงตู้ฉิงบอกเพื่อรอฟังว่าลูกเขยของเขาต้องการอะไร
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้าจะขอเริ่มจากเรื่องของหวงอี้เฟยก่อนก็แล้วกัน เจ้าเองก็ศึกษาเต๋าแห่งโอสถมาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งการที่เจ้าจะบรรลุมันไปจนถึงจุดสูงสุดนั้นมันคงจะต้องใช้เวลามหาศาล แต่ข้ามีทางออกที่ง่ายกว่านั้นให้เจ้า ข้ามีข้อมูลความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับเต๋าแห่งโอสถ ซึ่งเป็นของสำนักโอสถนิรันดร์ที่ถูกทำลายไปเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว ซึ่งข้ามีความคิดที่จะถ่ายทอดมันทั้งหมดให้กับเจ้า”
“สำนักโอสถนิรันดร์!?” มี่ตั้วตั้วและหวงอี้เฟยต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าตกตะลึง
พวกเขารู้จักชื่อสำนักนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากพวกเขานั้นอยู่ในวงการโอสถมานาน พวกเขารู้เป็นอย่างดีว่าสำนักโอสถนิรันดร์นั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหนในอดีต
แต่ว่าเต๋าแห่งโอสถของสำนักโอสถนิรันดร์มาอยู่ในมือของหลิงตู้ฉิงได้ยังไง?
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “พวกท่านคงรู้กันอยู่แล้วใช่ไหมว่าเต๋าแห่งโอสถของสำนักโอสถนิรันดร์นั้นสำคัญและล้ำค่าขนาดไหน ดังนั้นหากมันตกไปอยู่ในมือของพวกท่าน พวกท่านคงไม่สามารถรักษามันไว้ได้เช่นกัน”
“ดังนั้นหวงอี้เฟย ข้าหวังว่าหลังจากที่ข้าถ่ายทอดมันให้กับเจ้าแล้ว เจ้าจะเข้าร่วมกับอาณาจักรจันทราของลูกชายข้า แต่แน่นอนว่าข้าไม่ได้บังคับเจ้า ต่อให้เจ้าไม่เข้าร่วมข้าก็ยังจะถ่ายทอดมันให้กับเจ้าอยู่ดี แต่หลังจากที่ข้าถ่ายทอดไปแล้วแต่เจ้ากลับไม่เข้าร่วมกับลูกชายของข้า นับจากนั้นชะตากรรมของเจ้าจะเป็นอย่างไรนั้นข้าจะไม่สนใจและไม่ยื่นมือไปช่วยเหลืออีกตลอดกาล”
เป้าหมายที่แท้จริงของหลิงตู้ฉิงนั้นคือ การเผยแพร่เต๋าแห่งโอสถของสำนักโอสถนิรันดร์ออกไปอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งถ้าหากว่ามันจะถูกขโมยไปจากหวงอี้เฟยจริง ๆ มันก็จะถูกเผยแพร่ออกไปอยู่ดี ซึ่งมันก็ตรงตามเป้าหมายของเขาเหมือนกัน
แต่เนื่องจากเขามองเห็นว่าหวงอี้เฟยเป็นคนมีความสามารถ ดังนั้นเขาจึงยื่นข้อเสนอหวังว่าหวงอี้เฟยจะเข้าร่วมกับลูกชายของเขา ซึ่งมันจะมีประโยชน์กว่า
หวงอี้เฟยครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาก็ตอบว่า “งั้นข้าจะเข้าร่วมกับองค์จักรพรรดิยี่เทียน โดยอยู่ในเงื่อนไขความร่วมมือแบบการทำการค้าร่วมกันก็แล้วกัน”
“เอาแบบนั้นก็ได้!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เข้ามา ข้าจะถ่ายทอดข้อมูลเต๋าแห่งโอสถของสำนักโอสถนิรันดร์ให้กับเจ้าเดี๋ยวนี้”
หลังจากได้รับการถ่ายทอดข้อมูลมหาศาล หวงอี้เฟยก็หลับลึกไปในทันทีคล้ายคลึงกับสภาวะที่เหลียนปู้ชิงกำลังเป็นอยู่เพื่อทำการทำความเข้าใจในข้อมูลที่ได้รับมา
มี่ตั้วตั้วมองไปที่หลิงตู้ฉิง และพูดขึ้นด้วยสีหน้าสับสน “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากัน? ทำไมเจ้าถึงถ่ายทอดสิ่งล้ำค่าขนาดนั้นไปให้กับคนอื่นได้ง่าย ๆ?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและตอบกลับว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้บรรลุอะไรบางอย่าง ดังนั้นข้าจึงมีความคิดที่จะถ่ายทอดสิ่งต่าง ๆ ที่ข้ารู้ให้กับคนอื่น ๆ เอาล่ะ ตอนนี้มาต่อกันที่เรื่องของเรากันบ้าง! เรื่องที่ข้าวานให้ท่านช่วยไปสืบตอนนี้มันก็ผ่านมาร้อยกว่าปีแล้ว ไหนท่านลองบอกข้าทีว่าได้ความคืบหน้าอะไรมาบ้าง? เป็นใครกันแน่ที่ตั้งเป้าไว้กับเผ่าภูตนางฟ้า?”