พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 632 บรรพบุรุษอสูรทมิฬสงคราม
เมื่อมี่ตั้วตั้วได้ยินคำถามนี้ของหลิงตู้ฉิง เขาก็หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น
“ข้ายังหาเบาะแสเหล่านั้นไม่เจอเลย!” มี่ตั้วตั้วตอบกลับ “สถานะตอนนี้ของข้าในตำหนักเทพโชคลาภยังคงไม่ได้การรับรองเป็นเทพโชคลาภ ข้ากำลังอยู่ในระหว่างการทดสอบ ดังนั้นข้อมูลต่าง ๆ ที่ข้าสามารถเข้าถึงได้มันจึงยังคงโดนจำกัด แต่มันก็ใช่ว่าข้าจะไม่ได้อะไรมาเลยหลังจากผ่านไปร้อยกว่าปี”
“สิ่งที่ข้ารู้ในตอนนี้ก็คือพวกที่กำลังเพ่งเล็งเผ่าภูตนางฟ้าก็คือเหล่าตัวตนที่อยู่ในภูมิภาคทิศเหนือ แต่สำหรับเป็นพวกไหนนั้นข้ายังไม่ได้รับคำตอบ”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ถ้างั้นท่านก็พยายามสืบข้อมูลต่อไปก็แล้วกัน หากท่านได้เรื่องเพิ่มเติมยังไงก็ส่งข่าวมาบอกข้าในทันที แล้วเดี๋ยวหลังจากนี้ข้าจะหาผู้เชี่ยวชาญมาปกป้องท่านเพิ่มเติมพร้อมกับเดี๋ยวข้าจะแบ่งโอสถกำหนดเต๋าและโอสถกำเนิดเต๋าไว้ให้ท่านบางส่วน เพื่อให้ท่านนำพวกมันไปใช้ประโยชน์ ด้วยโอสถทั้งสองนี้มันจะมีเหล่าผู้คนมากมายที่ต้องมาอ้อนวอนขอแลกเปลี่ยนกับท่านแน่นอน”
มี่ตั้วตั้วยิ้มและตอบกลับ “งั้นข้าก็ขอบคุณมาก!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เอาล่ะ เดี๋ยวท่านช่วยเปิดเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์ที มันถึงเวลาแล้วที่ข้าจะต้องพบกับสหายเก่าสักหน่อย ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ส่งความช่วยเหลือต่าง ๆ มาให้ท่านนั่นแหละ ดังนั้นท่านไม่ต้องกังวลว่ามันจะมีปัญหาอะไรกับท่าน”
มี่ตั้วตั้วถามกลับด้วยสีหน้ากังวล “เจ้าแน่ใจเหรอว่าต้องการให้ข้าเปิดมัน?”
ที่ปลายทางของเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์นั้นถูกเชื่อมต่อไว้กับบรรพบุรุษของเผ่าอสูรทมิฬสงคราม เมื่อใดที่เจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์ถูกเปิดออกบรรพบุรุษของเผ่าอสูรทมิฬสงครามจะเห็นทุกอย่างที่อยู่ฝั่งนี้ทันที
มี่ตั้วตั้วรู้ว่าก่อนหน้านี้หลิงตู้ฉิงไม่ต้องการที่จะพบกับบรรพบุรุษของเผ่าอสูรทมิฬสงคราม ดังนั้นเขาจึงกังวลเล็กน้อยว่าจะเกิดปัญหาเพราะเขาไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นเป็นอย่างไร
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ไม่เป็นไร เปิดเลย! ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่ข้าจะต้องแก้ไขเรื่องที่เคยค้างคาเอาไว้”
หลังจากที่ได้รับการยืนยันเช่นนี้ มี่ตั้วตั้วจึงเปิดเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์ต่อหน้าหลิงตู้ฉิง ทันที
เมื่อเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์ถูกเปิด ผู้ที่อยู่อีกฝั่งปลายทางก็เพ่งมองออกมาทันที
จากนั้นในทันทีที่อีกฝั่งมองเห็นหลิงตู้ฉิง ตัวตนนั้นก็ส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความเย็นชา และในทันทีอสูรทมิฬสงครามตนหนึ่งที่อยู่ในระดับสวรรค์สามัญก็พุ่งพรวดออกมาจากเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์
เมื่ออสูรทมิฬสงครามตนนั้นออกมาจากเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์ มันก็พุ่งตรงไปหาหลิงตู้ฉิงพยายามจะคว้าร่างของเขาเอาไว้ทันที
ถึงแม้ว่าอสูรทมิฬสงครามตนนั้นจะอยู่เพียงระดับสวรรค์สามัญ แต่เมื่อถึงเวลาที่มันลงมือ กฎและมิติต่าง ๆ ที่อยู่บริเวณรอบ ๆ จู่ ๆ ก็กลายเป็นถูกฉีกออกอย่างที่ไม่ควรจะมีใครที่อยู่ในระดับสวรรค์สามัญควรจะทำได้
หลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นเช่นนี้ก็แสดงสีหน้าจนใจและรีบถอยตัวหลบในชั่วพริบตาและพูดขึ้นว่า “ตาเฒ่า เจ้าไม่ต้องรีบลงมือตั้งแต่แรกเห็นข้าก็ได้ไม่ใช่เหรอ ทำไมเราไม่มาคุยกันดี ๆ ก่อน? เจ้าเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
อสูรทมิฬสงครามตะคอกกลับด้วยความเดือดดาล “ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับเจ้า ข้าต้องการฆ่าเจ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น! นี่ถ้าหากร่างกายที่แท้จริงของข้ายังเป็นเหมือนเดิม ข้าคงจะรีบมาที่นี่เพื่อฆ่าเจ้าแน่นอน มันเป็นเพราะเจ้าคนเดียว ที่ทำให้เผ่าของข้าต้องตกระกำลำบากมาจนถึงปัจจุบันนี้!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวด้วยความจนใจ “ก็ข้าชดเชยให้เจ้าโดยการสร้างเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์ที่เชื่อมต่อไปถึงเผ่าเจ้าให้แล้วไม่ใช่เหรอไง?”
“แค่เจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์มันจะไปทำอะไรได้?” อสูรทมิฬสงครามตะคอกกลับพลางไล่ล่าหลิงตู้ฉิงอย่างไม่หยุดยั้ง
หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ “นี่เจ้าจะสู้กับข้าให้มันได้อะไรขึ้นมา? ทำหยั่งกับเจ้าไม่รู้ว่าข้าแข็งแกร่งขนาดไหน เจ้าเองก็รู้ตัวดีว่าเจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอก”
อสูรทมิฬสงครามตะคอกกลับ “งั้นถ้าเจ้าแน่จริงเจ้าก็มาที่เผ่าของข้าดู!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ไอ้ไปน่ะข้าไปแน่ แต่มันยังคงไม่ใช่ตอนนี้”
ในระหว่างที่พูด หลิงตู้ฉิงก็ยังคงหลบหลีกการโจมตีไปเรื่อย ๆ ภายในบริเวณคฤหาสน์สราญรมย์โดยไม่ตอบโต้ใด ๆ
แน่นอนว่ายิ่งเวลาผ่านไป ความเสียของคฤหาสน์ก็เริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ด้วยอำนาจของค่ายกลที่หลิงตู้ฉิงได้จัดวางเอาไว้ ความเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็ค่อย ๆ ถูกฟื้นตัวโดยอำนาจของค่ายกลราวกับว่าไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้น
“เฮ้ ตาเฒ่า ตอนนี้ข้าอยากคุยกับเจ้าจริง ๆ นะ เจ้าไม่คิดจะคุยกับข้าสักหน่อยเลยงั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้นอีกรอบ
“ข้าไม่อยากจะคุยอะไรกับเจ้าทั้งนั้น!” อสูรทมิฬสงครามตอบกลับทันที
แต่ถึงแม้ปากของอสูรทมิฬสงครามจะตอบไปแบบนั้น แต่ร่างกายของเขากลับหยุดลง
มี่ตั้วตั้วที่กำลังมองเหตุการณ์อยู่ทั้งหมด เขารู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่า หลิงตู้ฉิงดูจะรู้จักมาก่อนกับบรรพบุรุษของเผ่าอสูรทมิฬสงครามเป็นอย่างดีแบบนี้ และที่สำคัญเขาไม่คิดว่าหลิงตู้ฉิงจะมีความแข็งแกร่งถึงขนาดที่บรรพบุรุษของเผ่าอสูรทมิฬสงครามจะไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ร่างแยกออกมาก็ตาม แต่มันก็ยังเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดาอยู่ดี
หลิงตู้ฉิงยิ้มและโยนเนื้อชิ้นหนึ่งที่เป็นของอสูรปีศาจขอบเขตมหาจักรพรรดิไปให้กับบรรพบุรุษอสูรทมิฬสงครามและพูดว่า “ของนี่มันหายากมาก เจ้าคงจะรู้นะ”
บรรพบุรุษอสูรทมิฬสงครามรับชิ้นเนื้อมาและส่งมันเข้าปาตัวเองและเคี้ยวอย่างดุเดือดทันที
เมื่อเห็นการเคี้ยวที่ดุเดือดและรุนแรงเช่นนี้ ไม่ว่าใครได้เห็นก็คงเดาได้ง่าย ๆ ว่า บรรพบุรุษอสูรทมิฬสงครามน่าจะกำลังจินตนาการว่าเนื้อชิ้นนี้เป็นร่างของหลิงตู้ฉิง
“อร่อยใช่ไหมล่ะ?” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “หลังจากนี้ข้าจะมอบครึ่งขาของอสูรช้างขอบเขตมหาจักรพรรดิให้กับเจ้า เจ้าคงน่าจะอารมณ์ดีขึ้นบ้างใช่ไหม?”
บรรพบุรุษอสูรทมิฬสงครามตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา “ต่อให้เจ้าจะเอาขาของอสูรช้างขอบเขตมหาจักรพรรดิสักพันขามามอบให้กับข้า มันก็ไม่สามารถชดใช้ในสิ่งที่เจ้าเคยทำเอาไว้กับข้าเมื่อในอดีตได้หรอก! เอาล่ะรีบพูดสิ่งที่เจ้าต้องการพูดออกมาสักที!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เอาน่า เจ้าก็น่าจะรู้ว่าในเมื่อข้ากลับมาแล้ว ข้าจะต้องสามารถแก้ไขปัญหาของเจ้าได้แน่นอน! แต่ก่อนที่ข้าจะทำแบบนั้น ข้าอยากจะให้เจ้าส่งอสูรระดับสูงของเจ้ามาปกป้องมี่ตั้วตั้วเพิ่มก่อน ข้าจะจ่ายราคาในการปกป้องเขาให้กับเจ้าด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ 1 ชิ้น ส่วนระยะเวลาที่เจ้าต้องปกป้องมี่ตั้วตั้วนั้นก็จนกว่าข้าจะบอกเจ้าอีกที”
“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง!” บรรพบุรุษอสูรทมิฬสงครามพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหมดความอดทน “อันดับแรกเจ้าต้องบอกมาก่อนว่าจะแก้ไขปัญหาของเผ่าข้าได้ยังไง ไม่เช่นนั้น ไม่ใช่แค่ข้าจะไม่ส่งคนไปปกป้องเขา ข้าเองจะตัดขาดความร่วมมือทุกอย่างกับเขาเลยด้วยซ้ำ”
“เจ้านี่มันโง่จริง ๆ เลย” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ไม่ใช่ว่าวิธีการแก้ปัญหามันอยู่ตรงหน้าของเจ้าแล้วไม่ใช่เหรอไง?”
บรรพบุรุษอสูรทมิฬสงครามตะคอกกลับ “ก็ถ้าข้าฉลาด ในอดีตข้าจะถูกเจ้าหลอกเอางั้นเหรอ? เจ้าจงอธิบายมาให้ละเอียดเดี๋ยวนี้ว่าวิธีการแก้ปัญหาของเผ่าข้ามันคืออะไร?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน จากนั้นเขาตอบไปว่า “ถ้าหากเจ้าอยากจะแก้ปัญหาของเผ่าเจ้า เจ้าจำเป็นต้องพึ่งพาเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์”
บรรพบุรุษอสูรทมิฬสงครามหรี่ตามองไปที่เจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์ จากนั้นเมื่อผ่านไปสักพักมันก็ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่มีทาง มันเป็นไปไม่ได้หรอก!”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “แน่นอนว่าในตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อไหร่ที่เจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์มันแข็งแกร่งขึ้นจนถึงระดับที่เหมาะสม เจ้าจะสามารถใช้มันเพื่อเปิดทางไปสู่เบื้องบนได้ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นสมาชิกของเผ่าเจ้าทุกตนจะได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ ยกเว้นก็แต่เจ้า เจ้าคงไม่ได้รับโอกาสนั้นอีกแล้ว แต่มันก็คงไม่เป็นปัญหาอะไรนักหรอกในเมื่อตอนนี้ตัวตนของเจ้ามันก็เหมือนกับว่ากลายเป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์และโลกไปแล้ว ถูกไหม?”
บรรพบุรุษอสูรทมิฬสงครามจ้องไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าเย็นชาโดยไม่พูดอะไร
หลิงตู้ฉิงพูดต่อขึ้นอีก “นี่มันคือวิธีการแก้ไขปัญหา แต่ถ้าหากเจ้าไม่พอใจ ข้าก็สามารถช่วยเจ้าปลดเปลื้องมันได้ด้วยเช่นกัน เจ้าคงเข้าใจความหมายที่ข้าพูดถูกไหม”
“อย่างงั้นเหรอ? ถ้างั้นสิ่งที่เจ้าเคยพูดเมื่อในอดีตล่ะมันคืออะไร?” บรรพบุรุษอสูรทมิฬสงครามแสดงสีหน้าเย้ยหยัน “ข้าจะเชื่อเจ้าอีกครั้งหนึ่ง ข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่าในรอบนี้เจ้าจะมีลูกไม้อะไรอีก เอาสิ่งนั้นมาให้ข้าได้แล้ว ข้าจะได้กลับไปสักที!”
หลิงตู้ฉิงโยนครึ่งหนึ่งของขาอสูรช้างขอบเขตมหาจักรพรรดิไปให้กับบรรพบุรุษอสูรทมิฬสงคราม จากนั้นบรรพบุรุษอสูรทมิฬสงครามก็เดินหายเข้าไปในเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์