พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 634 ออกเดินทางไปยังภูเขาฟีนิกซ์
หลิงตู้ฉิงไม่คาดคิดเลยว่าการเดินทางออกจากทะเลชางหมางครั้งแรกของหลิงฟ่างหัว นางจะหาญกล้าถึงขนาดไปหาเรื่องภูเขาเอ้อหลง
ในขณะที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการเดินทางของหลิงฟ่างหัว เขาก็เรียกบรรดาคนในครอบครัวของเขามารวมกันและพูดขึ้นว่า “รอบนี้ข้าจะเดินทางออกไปส่งไช่หยุนที่ภูเขาฟีนิกซ์ เพื่อให้นางมีประสบการณ์กับโลกภายนอกมากขึ้น และลูกสาม รอบนี้เจ้าเองก็ต้องเดินทางไปกับพ่อด้วยเช่นกัน!”
หลิงเทียนหยุนรีบเอ่ยขึ้นแทรกทันที “ท่านพ่อ ในตอนนี้ข้ากำลังติดอยู่ในช่วงคอขวด ข้าคงไม่อาจไปกับท่านได้ ข้ากำลังวางแผนว่าหลังจากนี้ข้าจะเก็บตัวบ่มเพาะ”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “พ่อรู้อยู่แล้วว่าในตอนนี้เจ้ากำลังติดคอขวดของการบ่มเพาะ ซึ่งการที่พ่อพาเจ้าออกไปในครั้งนี้ก็เพื่อหาอาจารย์ที่เหมาะกับเจ้าให้พาเจ้าพ้นจากคอขวดที่เจ้าติดอยู่”
“ถ้างั้นข้าจะทำตามที่ท่านพ่อบอกก็แล้วกัน!” หลิงเทียนหยุนพยักหน้าตอบรับทันที
ตั้งแต่ที่เขากลับมาจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ เขาก็เผชิญกับปัญหาที่ร่างเงาของเขาถูกทำลายไปเป็นจำนวนมากมาตลอด
เนื่องจากจำนวนของมันถูกทำลายมากเกินไป มันจึงเป็นปัญหาทำให้การบ่มเพาะของเขาล่าช้าลงไปเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงวางแผนไว้ว่าจะเก็บตัวให้นานขึ้นกว่าเดิมเพื่อหาทางแก้ปัญหานี้ แต่ในเมื่อตอนนี้พ่อของเขามีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าให้กับเขา เขาจึงตอบรับทันที
“นายท่าน ที่สำนักเทพปีศาจเก้าอเวจีของข้าน่าจะมีวิธีแก้ปัญหาให้กับนายน้อยได้!” โม่หยูถังรีบพูดขึ้น “และยิ่งในรอบนี้ที่ท่านจะออกไปส่งคุณหนูไช่หยุนไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ นั่นมันก็พอดีเลยเพราะสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจีนั้นอยู่ไม่ไกลจากภูเขาฟีนิกซ์ เมื่อท่านเสร็จธุระจากภูเขาฟีนิกซ์ท่านสามารถใช้เวลาเดินทางไปต่ออีกไม่นานก็จะถึงสำนักของข้า”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่โม่หยูถังอย่างจนใจ และตอบกลับว่า “ก็ได้ ข้าจะให้โอกาสสำนักของเจ้าในการได้สอนลูกชายของข้าสักครั้งก็ได้ ไม่ว่าจะยังไงรอบนี้ข้าก็ต้องขึ้นไปทางเหนือและผ่านสำนักเจ้าอยู่ดี ดังนั้นข้าจะแวะสำนักของเจ้าหน่อยก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมากนายท่าน!” โม่หยูถังรีบโค้งคำนับด้วยความดีใจ
หลังจากที่เขารู้ว่าแท้จริงแล้วตัวตนของหลิงตู้ฉิงเป็นใคร เขาก็รู้ว่าการพาหลิงตู้ฉิงไปเยือนสำนักของเขาได้นั้นมันนับได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีของสำนักเขาเอง
และอีกอย่าง โม่หยูถังก็รู้ว่าทักษะของหลิงเทียนหยุนมันคืออะไร ซึ่งเขาแน่ใจว่าสำนักของเขาจะสามารถให้ประโยชน์กับหลิงเทียนหยุนได้แน่นอน
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว จากนั้นเขาก็มองไปที่คนอื่น ๆ และพูดว่า “การเดินทางในรอบนี้ นอกจากมี่ไล เฟ่ยเอ๋อ และซิน ที่ต้องรั้งอยู่ที่นี่ ทุกคนจงตามข้าออกไปทั้งหมด”
โจวจื่อซินแย้งทันที “ทำไมถึงไม่ให้ข้าไปกับท่านด้วย?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและตอบกลับว่า “เมื่อถึงเวลาเดี๋ยวเจ้าก็จะเข้าใจเอง”
ส่วนทางด้านของมี่ไลและเหลียงเฟ่ยเอ๋อ ถึงแม้ว่าพวกนางจะไม่มีความสุขที่ไม่ได้ออกไปด้วย แต่พวกนางก็ไม่ได้พูดอะไร
มี่ไลนั้นเข้าใจดีว่าการที่นางไม่ได้ไปด้วยนั้นเป็นเพราะนางเป็นผู้ดูแลหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์
ในตอนนี้เมื่อผนึกของทะเลชางหมางถูกคลายออก พวกเขาจำเป็นต้องมีอำนาจที่แข็งแกร่งเพียงพอเพื่อที่จะปกป้องทะเลชางหมางเอาไว้ ซึ่งอำนาจนั้นก็คือหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์
ส่วนทางด้านของเหลียงเฟ่ยเอ๋อ นางเองก็เข้าใจดีว่าเนื่องจากหม้อเอกภพและเหรียญตราผนึกสวรรค์อยู่กับนางและยังรวมไปถึงการบริหารบ้านเมืองต่าง ๆ ที่หลิงยี่เทียนยังคงต้องพึ่งนางอยู่ ดังนั้นการที่นางจะออกไปจากอาณาจักรจันทรานั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในตอนนี้
แต่แล้วจู่ ๆ เย่ชิงเฉิงก็เอ่ยขึ้น “สามี การเดินทางครั้งนี้ข้าคงไม่อาจไปด้วยได้ ในตอนนี้อำนาจของคันฉ่องสวรรค์หยินหยางนำหน้าข้ามากเกินไปแล้ว ข้าจำเป็นต้องเร่งเพิ่มระดับการบ่มเพาะของข้าเองเพื่อปิดช่องว่าง แต่ถึงแม้ข้าจะไม่ไป ข้าจะส่งโม่เอ๋อเป็นตัวแทนข้าคอยติดตามรับใช้ท่านในระหว่างการเดินทางครั้งนี้”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “อืม คันฉ่องสวรรค์หยินหยางของเจ้าในตอนนี้อำนาจของมันล้ำหน้าเจ้าไปไกลมากจริง ๆ ถ้างั้นเจ้าก็จงอยู่อยู่ที่นี่เพื่อบ่มเพาะไปก็แล้วกัน ส่วนเรื่องของโม่เอ๋อ เดี๋ยวข้าคุยกับนางอีกทีเอง”
หลังจากเย่ชิงเฉิงเอ่ยปฏิเสธไม่ไปแล้ว หลิงยู่ชานก็ปฏิเสธที่จะไม่ไปเช่นกัน เพราะเขาต้องการเก็บตัวเพื่อปลุกสายเลือดใหม่ของตัวเอง ส่วนหลิงว่านจุนและหลิงยี่เทียนก็ไม่ไปเช่นกัน เนื่องจากพวกเขายังต้องคอยดูแลอาณาจักรอยู่ที่นี่
แน่นอนว่าคนที่มีความสุขที่สุดในการเดินทางครั้งนี้คือคู่พี่น้อง เสี่ยวเยว่เฟิง และ เสี่ยวหลิงเฟิง เพราะว่าพวกนางกำลังจะได้กลับไปที่บ้านเกิดของพวกนาง
แถมในรอบนี้พวกนางกำลังจะกลับไปในฐานะชนชั้นสูงของเผ่าพวกนางเอง
หลังจากแจ้งเรื่องต่าง ๆ ให้กับทุกคนได้รับรู้หมดแล้ว หลิงตู้ฉิงก็ไปที่เรือนของเย่ชิงเฉิง และพูดกับโมเอ๋อว่า “ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าดีและข้าเองก็ไม่ได้รังเกียจเจ้าเช่นกัน ดังนั้นในรอบนี้เจ้าก็อยู่รับใช้ชิงเฉิงที่นี่ไปก่อน ไว้รอถึงเวลาข้าจะตอบแทนเจ้าแน่นอน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่เอ๋อหน้าแดงทันทีนางพูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ว่า “แล้วเมื่อไหร่นายท่านจะต้องการโม่เอ๋อล่ะ? เรื่องที่นายท่านบอกให้โม่เอ๋อดูแลนายหญิง โม่เอ๋อเป็นคนของนายหญิงอยู่แล้ว ดังนั้นโม่เอ๋อย่อมดูแลนายหญิงเป็นอย่างดีแน่นอน”
“ในอดีต โม่เอ๋อไม่กล้าที่จะขออะไรมากจากนายท่านเพราะว่าโม่เอ๋อรู้ตัวดีว่าโม่เอ๋อนั้นต่ำต้อยทั้งชาติกำเนิดและพรสวรรค์ โม่เอ๋อคงไม่มีวันได้ติดตามนายท่านไปจนสุดทางเหมือนอย่างนายหญิงแน่นอน แต่แล้วหลังจากที่โม่เอ๋อได้รับความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสต้นเทวะศาสตรา โม่เอ๋อก็มั่นใจว่าในตอนนี้โม่เอ๋อจะสามารถติดตามนายท่านกับนายหญิงต่อไปได้อย่างแน่นอน โม่เอ๋อไม่ต้องการได้รับอะไรจากนายท่านมากมาย โม่เอ๋อขอเพียงแค่นายท่านอย่าได้มองข้ามโม่เอ๋อไปก็พอ”
เย่ชิงเฉิงยิ้มและพูดว่า “สามี ข้าคิดว่ามันจะเป็นการดีที่สุดที่ท่านจะทำอะไรสักอย่างเพื่อยืนยันกับโม่เอ๋อเลย! เอาเป็นว่าท่านกับโม่เอ๋อทำกันเลยตอนนี้ดีไหม? ไม่ว่าจะยังไงพวกเราก็เป็นผู้บ่มเพาะด้วยกันทั้งหมดอยู่แล้ว เรื่องพิธีรีตรองต่าง ๆ มันก็ไม่ค่อยสำคัญอะไรเท่าไหร่ จริงไหม?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงก็มองไปที่โม่เอ๋อด้วยสีหน้าจนใจและพูดว่า “ก็ได้ ก็ได้ งั้นข้าจะมอบคำมั่นสัญญาให้ตอนนี้เลยก็แล้วกัน”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงและโม่เอ๋อก็พากันแยกเข้าไปในห้องเพื่อร่วมเตียงกัน
หลังจากผ่านพ้นคืนอันน่าอัศจรรย์ไป ในที่สุดโม่เอ๋อก็รู้สึกพึงพอใจ เนื่องจากนางต้องการสิ่งนี้มานานแล้ว นางช่วยหลิงตู้ฉิงใส่เสื้อผ้าจนเสร็จ จากนั้นนางก็เดินออกไปส่งเขาที่นอกเรือน
เย่ชิงเฉิงมองไปที่สีหน้าที่อิ่มเอิบของโม่เอ๋อด้วยความหมั่นไส้ และพูดด้วยสีหน้าหยอกล้อว่า “อยากจะให้เจ้าเห็นสีหน้าของตัวเองตอนนี้จริง ๆ เป็นไงบ้างล่ะ ตอนนี้เจ้าสามารถเดินเคียงข้างข้าได้อย่างเท่าเทียมแล้ว เจ้าพอใจรึยัง?”
โม่เอ๋อรีบตอบกลับด้วยรอยยิ้มทันที “แค่โม่เอ๋อได้รับการเอ็นดูจากนายท่านแค่นี้โม่เอ๋อก็พอใจแล้ว โม่เอ๋อไม่กล้าเอาตัวเองขึ้นเทียบกับนายหญิงแน่นอน!”
เย่ชิงเฉิงยิ้มและพูดว่า “ถึงแม้ว่าพวกเราจะมีฐานะนายและบ่าว แต่จริง ๆ แล้วข้ามองว่าเจ้าเป็นเหมือนพี่น้องของข้ามาโดยตลอดและยิ่งในตอนนี้พวกเรามีสามีคนเดียวกันแล้วด้วย ดังนั้นนับจากนี้เจ้ากับข้าพวกเราถือว่าเป็นพี่น้องกันก็แล้วกัน”
ในอีกด้านหนึ่ง ในตอนนี้หลิงตู้ฉิงพร้อมที่จะออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว
ส่วนทางด้านของหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ก็จ้องที่หลิงตู้ฉิงอย่างไม่กระพริบตา
หลิงตู้ฉิงยิ้มและเอ่ยกับนางว่า “น่าเสียดายจริง ๆ ที่ข้าย้อนเวลากลับไปไม่ได้!”
หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ตอบกลับ “ไม่มีใครสามารถย้อนเวลากลับไปได้ทั้งนั้น อดีตก็คือดีตจงลืมมันไปซะ ไม่ว่าจะยังไงในตอนนี้ข้าก็พึงพอใจมากแล้วกับสภาวะของท่านในตอนนี้ที่เป็นอยู่ ไม่แน่ครั้งหน้าที่ท่านกลับมา ท่านอาจจะได้เห็นตัวจริงของข้ามายืนต่อหน้าท่านก็ได้”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “งั้นข้าไปก่อนล่ะ”
หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ยิ้มและตอบกลับ “ไปเถอะ”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขาก็สั่งให้หลงเฉินออกเดินทางทันที
หลังจากผ่านไปหลายปี ในตอนนี้หลงเฉินได้พัฒนาไปมาก เนื่องเขาได้ดูดซับหยดเลือดที่ได้รับมาจากต้นเทวะศาสตราเข้าไปจนในตอนนี้เขาสามารถกลายร่างเป็นมังกรที่แท้จริงได้แล้ว ซึ่งมันทำให้ความเร็วของเขาในตอนนี้มันเร็วกว่าความเร็วของกงหนิวนับสิบเท่าทั้ง ๆ ที่ลากรถมังกร ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่ารถม้าที่กงหนิวเคยลากซะอีก