พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 662 ปิดผนึกอาณาเขตฟีนิกซ์
ในที่สุดหลิงตู้ฉิงก็พากลุ่มของเขามาถึงเมืองลอยฟ้า
เมื่อมาถึงเมืองลอยฟ้า คนอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชื่นชมถึงความมหัศจรรย์ของมัน
เมืองลอยฟ้าคือผืนแผ่นดินหนึ่งที่ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งเต็มไปด้วยอักขระอันทรงพลังมากมายที่เกื้อหนุนมันอยู่และขนาดของมันนั้นใหญ่กว่าเกาะเทียนหยวนซะอีก
“ท่านพ่อ นี่เหรอคือเมืองลอยฟ้า?” หลิงไช่หยุนเอ่ยขึ้น
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นเมืองใหญ่ขนาดนี้และที่สำคัญนางรู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างนางกับเมืองนี้
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ถูกต้องแล้ว ที่นี่คือเมืองลอยฟ้า เมืองที่เป็นเหมือนหัวใจของภูเขาฟีนิกซ์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดที่สำคัญของภูเขาฟีนิกซ์ พวกมันทั้งหมดล้วนถูกเก็บไว้ในที่แห่งนี้ แต่ถึงแม้ว่าเมืองเมืองลอยฟ้าจะเป็นเมืองสำคัญ แต่พวกภูเขาฟีนิกซ์ก็ไม่ได้ห้ามให้ผู้คนภายนอกเข้าไปเยือนเพราะพลังอำนาจในการป้องกันยับยั้งของเมืองแห่งนี้นั้นถือได้ว่าทรงพลังมากจนพวกภูเขาฟีนิกซ์ไร้ความกังวล”
ถึงแม้ว่าเมืองลอยฟ้าจะลอยอยู่บนท้องฟ้า แต่ไม่ว่าใครหากมีระดับการบ่มเพาะถึงขอบเขตรวมแสงดารา ซึ่งสามารถบินได้แล้วก็สามารถบินขึ้นไปเยือนมันได้
เมื่อหลิงตู้ฉิงอธิบายข้อมูลคร่าว ๆ เกี่ยวกับเมืองลอยฟ้าเสร็จ เขาก็พาทุกคนบินเข้าไปหาเมืองลอยฟ้า
แต่แล้วในเวลาเดียวกับที่พวกเขาทุกคนเหยียบลงบนเมืองลอยฟ้า จู่ ๆ เมืองลอยฟ้าก็สั่นสะเทือนอยู่พักหนึ่ง จากนั้นทุกคนก็สัมผัสได้ว่าเมืองลอยฟ้าได้ปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกไปทั่วทุกทิศทาง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ทุกคนต่างมองไปที่หลิงตู้ฉิง เนื่องจากการกระทำที่ผ่านมาของหลิงตู้ฉิงมันดูเหมือนว่าเขาจะคุ้นเคยกับที่นี่มากกว่าเสี่ยวเยว่เฟิงซะอีก
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและยิ้มด้วยความพึงพอใจ “พวกโง่พวกนั้นยังดีที่ยังมีสมองพอจะรู้ว่าปัญหามันใหญ่ขนาดไหน พวกเจ้าทุกคนไม่ต้องกังวล มันก็แค่พวกคนของภูเขาฟีนิกซ์รู้ถึงเรื่องทองคำสีชาดแล้ว พวกเขาจึงปิดผนึกอาณาเขตฟีนิกซ์ทั้งหมดเอาไว้”
“ถ้างั้นพวกเราควรทำยังไงต่อดีท่านพ่อ?” หลิงฟ่างหัวถามขึ้น “ข้าควรใช้ประตูมิติพาพวกเราหนีรึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นใครก็หนีออกไปจากอาณาเขตฟีนิกซ์ไม่ได้ทั้งนั้น หากใครก้าวข้ามอาณาเขตฟีนิกซ์ออกไปในตอนนี้ ร่างของพวกเขาจะถูกฉายขึ้นไปยังกระจกฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์จากนั้นเมืองลอยฟ้าจะทำการโจมตีสังหารทันที และต่อให้พวกเขาจะพยายามควานหาตัวพวกเรา กว่าพวกเขาจะเจอเรามันก็คงต้องใช้เวลานานมาก อันที่จริงต่อให้พวกเขาไม่ควานหาตัวพวกเรา พ่อก็จะไปหาพวกเขาอยู่ดี”
“แต่แน่นอนว่าก่อนที่พ่อจะไปเจอกับพวกเขา พ่อต้องเตรียมการอะไรบางอย่างก่อนไม่งั้นมันจะลำบากมากในการจัดการกับพวกเขา เอาล่ะ อันดับแรกพวกเราหาโรงเตี๊ยมพักกันก่อนเรื่องอื่นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง”
ในระหว่างที่หลิงตู้ฉิงและคนของเขาหาโรงเตี๊ยมพักอยู่นั้น ทั้งอาณาเขตฟีนิกซ์ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร
ไม่นานมานี้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิของภูเขาฟีนิกซ์ได้เดินทางไปยังเมืองขนนกอัคคีด้วยตนเอง เพื่อรับทองคำสีชาด
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าหานฉี และถามขึ้นทันที “ทองคำสีชาดพร้อมแล้วรึยัง?”
“ผู้เยาว์ขอคารวะบรรพบุรุษเฟิงฉิง!” หานฉีรีบโค้งคำนับทันที “ในตอนนี้ทองคำสีชาดทั้งหมดพร้อมแล้ว!”
ถึงแม้ว่าทองคำสีชาดจะหายไปหมด แต่หานฉีก็ยังคงตอบอย่างเป็นธรรมชาติ เนื่องจากทุกอย่างถูกจัดฉากเอาไว้หมดแล้วรวมไปถึงความทรงจำของเขาบางส่วนได้ถูกชิวไป๋หยูผนึก และซ่อนเอาไว้ชั่วคราวเพื่อไม่ให้ใครค้นเจอ
เฟิงฉิงพูดขึ้นว่า “รอบนี้คงจะไม่มีปัญหาเหมือนรอบที่แล้วใช่ไหม? หากรอบนี้ยังคงมีปัญหาอีก ข้ารับประกันว่าเจ้าได้เดือดร้อนแน่!”
หานฉีหัวเราะขึ้นทันที “ท่านบรรพบุรุษ ข้ารับประกันว่ารอบนี้ไม่มีปัญหาอะไรเหมือนกับ 2 รอบที่ผ่านมาแน่นอน ในครั้งนี้ผู้เยาว์เป็นคนลงไปควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเองตลอด ซึ่งผลลิตในรอบนี้มันคงเพียงพอสำหรับการใช้งานถึง 500 ปีเลยด้วยซ้ำ”
เฟิงฉิงพยักหน้า “เจ้าอย่าขุดทองคำสีชาดออกมามากจนเกินไป จงขุดออกมาแต่พอดีเหมือนกับในอดีตก็พอ ไม่เช่นนั้นมันอาจจะมีผลเสียตามมา แต่ในเมื่อรอบนี้ได้มาเยอะมันก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน ถือว่าเป็นการชดเชยกับจำนวนที่ขาดหายไปของเมื่อ 200 ปีที่ผ่านมาได้ ส่วนในอนาคต เจ้าก็แค่ขุดตามที่เคยทำมาเจ้าเข้าใจใช่ไหม?”
“ผู้เยาว์รับทราบแล้ว!” หานฉีรีบตอบกลับทันที
จากนั้นหานฉีก็พาเฟิงฉิงเข้าไปในเหมืองพร้อมกับผู้ดูแลเหมืองหลี่ฉี
แต่แล้วเมื่อพวกเขาเดินไปถึงจุดที่ควรจะทองคำสีชาดกองแต่มันกลับหายไปทั้งหมด เฟิงฉิงก็ปล่อยกลิ่นอายสังหารออกมาทันที และหันไปถามกับหานฉีว่า “นี่น่ะเหรอทองคำสีชาดที่เจ้าเตรียมให้ข้า!?”
หานฉีคุกเข่าลงทันทีและพูดขึ้นด้วยสีหน้าหวาดกลัว “ท่านบรรพบุรุษนี่มันเป็นไปไม่ได้! เมื่อวานข้าเพิ่งเข้ามาตรวจสอบด้วยตัวเองและยังเห็นว่าพวกมันยังกองอยู่ตรงนี้อยู่เลย! ไอ้สารเลว หลี่ฉี เป็นเจ้ารึเปล่า? เป็นเจ้าที่ขโมยทองคำสีชาดทั้งหมดไปใช่ไหม?”
เฟิงฉิงพ่นลมออกจมูกด้วยความเดือดดาล จากนั้นเขาใช้เจตจำนงของตนเองตรวจสอบห้วงความทรงจำของหลี่ฉี ซึ่งสิ่งที่เขาเห็นมันก็ตรงตามกับที่หานฉีพูดก็คือเมื่อวานที่นี่ยังคงมีทองคำสีชาดกองเต็มอยู่เลย
แต่แล้วในตอนนี้พวกมันกลับหายไปไม่มีเหลือ
ถัดมาเฟิงฉิงก็พุ่งเข้าไปหาหานฉี และตรวจสอบห้วงความทรงจำของเขาเช่นกัน ซึ่งผลลัพธ์ที่เฟิงฉิงเห็นมันก็ไม่ต่างอะไรกับของหลี่ฉีเมื่อครู่
เมื่อวานทองคำสีชาดทั้งหมดมันยังอยู่ตรงนี้อยู่เลย!
เมื่อตรวจสอบหานฉีและหลี่ฉีแล้วไม่ได้เรื่องอะไร เฟิงฉิงจึงแผ่เจตจำนงของตนเองออกไปจนครอบคลุมทั้งเหมืองและตรวจสอบห้วงความทรงจำของพวกคนงานเหมืองทุกคน ซึ่งก็ไม่พบอะไรอีกเช่นกัน
สิ่งที่เขาได้จากคนงานเหมืองก็มีแค่ภาพของการขุดทองคำสีชาดอย่างหนักและมีคนล้มตายจากการทำงานหนัก แต่อัตราผลผลิตก็สูงขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งมันก็ตรงกับสิ่งที่หานฉีเคยกล่าวไว้ก่อนหน้าว่าผลผลิตในรอบนี้มันเพียงพอใช้ได้ถึง 500 ปี
แต่ทองคำสีชาดทั้งหมดมันไปไหนกัน?
“หานฉี ในฐานะที่เจ้าเป็นเจ้าเมืองขนนกอัคคี เจ้าจะต้องรับผิดชอบจากความเสียหายครั้งนี้!” เฟิงฉิงมองไปที่หานฉีด้วยสายตาเย็นชา “จงรีบไปตามหาทองคำสีชาดทั้งหมดให้เจอ ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้หัวเจ้าหลุดออกจากบ่า!”
หานฉีรีบตอบกลับทันที “ท่านบรรพบุรุษ ข้าจะพยายามสืบสวนเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด!”
หลังจากนั้นหานฉีก็รีบออกไปสืบสวนตามหน้าที่ของเขาอย่างปกติแบบที่มันควรจะเป็น