พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 664 ปลุกรูปปั้น
ในขณะนี้หลิงตู้ฉิง หมิงยู่ และหลิงไช่หยุน กำลังยืนอยู่ที่ด้านหน้ารูปปั้นฟีนิกซ์ที่มีแต่วัชพืชเกาะเต็มไปหมด
รูปปั้นฟีนิกซ์นี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ภูเขาฟีนิกซ์ก่อตั้งขึ้นใหม่ ๆ ซึ่งมันนานซะจนบรรดาทายาทรุ่นปัจจุบันจำไม่ได้แล้วว่ารูปปั้นนี้สำคัญอย่างไร และไม่มีใครเหลียวแลมาทำความสะอาดมันเลยสักนิด
หลิงตู้ฉิงมองไปที่รูปปั้นพลางส่ายหัว จากนั้นเขาพาหมิงยู่และหลิงไช่หยุนทำความสะอาดรูปปั้นร่วมกันกับเขา
“ท่านพ่อ ทำไมพวกเราต้องทำความสะอาดรูปปั้นนี้ด้วย?” หลิงไช่หยุนถามขึ้นด้วยความสงสัย
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ที่เราทำความสะอาดมันก็เพราะว่าเราจะปลุกมันยังไงล่ะ! ไช่หยุน รูปปั้นนี้คือเจตจำนงฟีนิกซ์ของเผ่าเจ้าที่ทิ้งเอาไว้ให้ปกป้องที่แห่งนี้ หลังจากที่เราปลุกมันขึ้นมา มหาวิถีเต๋าของภูเขาฟีนิกซ์จะจดจำเจ้าได้และคอยคุ้มครองเจ้า ไม่ว่าพวกคนของภูเขาฟีนิกซ์จะมีระดับการบ่มเพาะสูงส่งถึงขั้นไหน พวกเขาจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเชื่อฟังเจ้า และเจ้าจะปลอดภัยอยู่ตลอดเวลาเมื่ออาศัยอยู่ในที่แห่งนี้”
“ขนาดนั้นเลยเหรอท่านพ่อ? ว่าแต่พวกเราจะปลุกมันยังไงล่ะ?” หลิงไช่หยุนถูกจุดประกายความสนใจ
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นกังวลทำตามที่พ่อบอกก็พอ”
จากนั้นทั้งสามคนก็ช่วยกันทำความสะอาดเอาวัชพืชที่เกาะรูปปั้นอยู่ออกทั้งหมด ต่อมาหลิงตู้ฉิงก็เอาผงที่บดได้มาจากทองคำสีชาดมาใช้วาดอักขระบางอย่างลงไปบนตัวรูปปั้น
“เอาล่ะลูกพ่อ ตอนนี้พวกเรามาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ซึ่งต้องให้เจ้าเป็นคนลงมือเอง” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “เดินเข้ามาหารูปปั้นและเอาเลือดของเจ้าป้ายไปที่กล้างหน้าอกรูปปั้นฟีนิกซ์”
หลิงไช่หยุนทำตามที่พ่อของนางบอกทันที นางกัดนิ้วของตัวเองและเอาปลายนิ้วที่เปื้อนเลือดไปแตะที่หน้าอกของรูปปั้น
เมื่อได้รับเลือดของหลิงไช่หยุน รูปปั้นฟีนิกซ์ก็สั่นสะเทือนทันที จากนั้นมันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองไปยังหลิงไช่หยุน และถามขึ้นว่า “ท่านปลุกข้าขึ้นมาด้วยเรื่องอะไร?”
“ท่านพ่อข้าควรตอบว่ายังไงดี?” หลิงไช่หยุนหันไปถามหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้างุนงง
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ให้พ่อคุยกับมันเอง… นางคือองค์หญิงของเผ่าฟีนิกซ์เจ้า แต่ด้วยโชคชะตาบางอย่างนางจึงถูกส่งลงมาเติบโตยังโลกเบื้องล่าง ตอนนี้นางต้องการที่จะควบคุมภูเขาฟีนิกซ์ทั้งหมด”
“อืม…ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงสายเลือดอันสูงส่ง ที่แท้ก็เป็นองค์หญิงนั่นเอง” รูปปั้นฟีนิกซ์พูดขึ้น “ในเมื่อองค์หญิงปรารถนาภูเขาฟีนิกซ์ เช่นนั้นภูเขาฟีนิกซ์ก็เป็นขององค์หญิง!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “และอีกอย่าง ข้าต้องการพลังของเจ้าด้วยเพื่อพรางกายของพวกเรา ภายในภูเขาฟีนิกซ์ตอนนี้มีคนลอบวางแผนร้ายอยู่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งมันจึงไม่เหมาะที่พวกเราจะเปิดเผยตัวตนของพวกเราตอนนี้”
“อำนาจของข้าในตอนนี้ไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะบดบังกระจกฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์ให้กับพวกเจ้าได้ทั้งหมด” รูปปั้นฟีนิกซ์ตอบกลับ “นอกซะจากว่าพวกเจ้าทั้งหมดจะมาอยู่ใกล้กับข้าเท่านั้น”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้ารู้ ข้าไม่ได้ต้องการจะให้เจ้าพรางตัวให้พวกเราตลอดไป ข้าแค่ต้องการให้เจ้าพรางตัวให้พวกเราแค่ช่วงเวลานับจากนี้สั้น ๆ ชั่วคราวเท่านั้นเพื่อที่ใครบางคนจะได้หาพวกเราไม่เจอ และหลังจากนี้ข้าจะปลุกเจตจำนงของเจ้าขึ้นมาให้ครบ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นอำนาจของเจ้าก็จะกลับมาแข็งแกร่งเหมือนเดิม”
รูปปั้นฟีนิกซ์ผงกหัว “ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีปัญหา!”
เมื่อพูดจบรูปปั้นฟีนิกซ์ก็ใช้พลังของมันเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของทั้งสามคนให้เปลี่ยนแปลงไป
จากนั้นหลิงตู้ฉิง หมิงยู่ และหลิงไช่หยุนก็จากไป ส่วนรูปปั้นฟีนิกซ์ก็กลับไปอยู่ในสภาพเดิมที่ดูไร้ชีวิตชีวา
หลายวันถัดมา หลิงตู้ฉิง หมิงยู่ และหลิงไช่หยุนก็ตระเวนปลุกรูปปั้นฟีนิกซ์ไปได้อีก 4 ตัว ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับโรงเตี๊ยมและส่งผลให้รูปร่างใบหน้าของคนอื่น ๆ ที่รออยู่ในโรงเตี๊ยมเปลี่ยนไปกันจนหมด
“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกจับได้โดยกระจกฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
“สามี กระจกฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์มันทรงพลังขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?” หลิวเฟ่ยเฟ่ยถามขึ้น
“ความสามารถของมันจัดว่าไม่เลวทีเดียว มันคือสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่พวกฟีนิกซ์ทิ้งเอาไว้ให้คอยปกป้องที่นี่” หลิงตู้ฉิงอธิบาย “อันที่จริงถ้าข้ามีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่านี้ ข้าก็มีวิธีจัดการกับมันได้ไม่ต้องมานั่งทำอะไรลำบากยุ่งยากขนาดนี้หรอก”
หลิงเทียนหยุนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาถามขึ้นว่า “ท่านพ่อ ถ้าพวกเราใช้วิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งในการพรางกาย กระจกฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์จะมองพวกเราออกไหม?”
“ด้วยวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง พวกเรายังสามารถเล็ดรอดเข้าไปในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้ นับประสาอะไรกับกระจกฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์ มันไม่มีทางมองพวกเราออกแน่นอน” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
อันที่จริง หลิงตู้ฉิงสามารถใช้วิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งเพื่อเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของตัวเองได้ แต่มันน่าเสียดายที่คนอื่น ๆ ทำแบบเขาไม่ได้ คนอื่น ๆ ฝึกสำเร็จถึงเพียงแค่การย่อขนาดร่างกายเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงเป็นต้องใช้พลังของเจตจำนงฟีนิกซ์ในการพรางโฉมให้กับคนอื่น ๆ ทุกคนแทน
“พวกเจ้าทุกคนอยู่ที่ในโรงเตี๊ยมบ่มเพาะกันไปก่อน ข้ากับไช่หยุนจะออกไปปลุกเจตจำนงของรูปปั้นฟีนิกซ์ต่อเอง ในตอนนี้มันมีเพียงแค่ 4 เจตจำนงเท่าที่ถูกปลุก ซึ่งมันยังเหลืออีกเยอะ!”
ในระหว่างนี้คู่พ่อลูกก็พากันไปตระเวนปลุกเจตจำนงของรูปปั้นฟีนิกซ์ทั่วทั้งเมือง ปล่อยให้บรรดาคนของภูเขาฟีนิกซ์หาพวกเขาจนแทบจะเป็นบ้า
พวกเขาทำทุกอย่างทั้งปิดผนึกอาณาเขตฟีนิกซ์ทั้งหมด ทั้งตามหาร่องรอยของทองคำสีชาด ทั้งพยายามใช้กระจกฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อส่องหาราชันสงครามจนทั่ว ซึ่งเวลามันก็ได้ล่วงเลยผ่านมาสักพักแล้วแต่พวกเขากลับยังไม่เจออะไรเลย
ซึ่งที่พวกเขารู้ก็คือมีคนเห็นว่าราชันสงครามได้เข้ามาในเมืองลอยฟ้าแล้ว แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่พบร่องรอยอะไรอีก
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้มันทำให้พวกเขาหงุดหงิดกันเป็นอย่างมาก
พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงหาไม่เจอ?
มันยังมีวิธีไหนอีกที่สามารถหลบเลี่ยงการตรวจสอบของกระจกฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์?
โดยเฉพาะเหล่ากลุ่มคนที่ไม่ต้องการจะให้ราชันสงครามกลับมา พวกเขารู้สึกทั้งหงุดหงิดและเป็นกังวลยิ่งกว่าคนอื่น ๆ
พวกเขากังวลว่าถ้าหากหาราชันสงครามไม่เจอโดยเร็ว ราชันสงครามอาจจะวางแผนทำอะไรบ้า ๆ ที่มันจะส่งผลเสียต่อพวกเขาขึ้นมาอีก
ในขณะที่ทุกคนกำลังสงสัยว่าราชันสงครามอยู่ที่ไหน ในที่สุดหลิงตู้ฉิงก็พาหลิงไช่หยุนมาที่จุดศูนย์กลางของเมืองลอยฟ้า ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีพลังเพลิงสถิตอยู่หนาแน่นและแข็งแกร่งมากที่สุด
เมื่อเดินมาถึงจุดนี้ หลิงไช่หยุนก็รู้สึกได้ราวกับว่านางกลับมาถึงบ้านที่แท้จริงของนาง
“ท่านพ่อพวกเราอยู่ที่ไหน?” หลิงไช่หยุนถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย “ที่นี่ใช่ภูเขาฟีนิกซ์รึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ถูกต้อง ภูเขาฟีนิกซ์อยู่ข้างหน้าของพวกเรานี่เอง ที่นี่มันคือสถานที่สำคัญที่สุดของเผ่าฟีนิกซ์ในโลกเบื้องล่าง”
หลิงไช่หยุนมองไปที่สภาพแวดล้อมเบื้องหน้าที่เป็นเพียงแค่ลานกว้าง และมีต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีเพลิงลุกท่วมอยู่แค่หนึ่งต้น
มันไม่เห็นจะมีภูเขาอยู่ตรงไหนเลย? แล้วทำไมที่นี่มันมีต้นไม้เพลิงนั่นอยู่แค่ต้นเดียว?
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “ต้นไม้ที่อยู่ตรงนั้นคือต้นเพลิงสวรรค์ ซึ่งเป็นต้นไม้ที่พวกเจ้าเผ่าฟีนิกซ์ชอบอาศัยอยู่เป็นอย่างมาก ส่วนภูเขาฟีนิกซ์ก็อยู่ใต้ต้นเพลิงสวรรค์นั่นล่ะ ด้วยเวลาที่ผ่านมาจนเนิ่นนาน รากของต้นเพลิงสวรรค์ก็เลยกลืนกินภูเขาทั้งลูกไปจนหมดจนเจ้าแยกไม่ออกว่าจริง ๆ แล้วตอนนี้พวกเราได้มายืนอยู่บนจุดสูงสุดของภูเขาฟีนิกซ์เรียบร้อย”
“เป็นแบบนี้นี่เอง!” หลิงไช่หยุนยิ้มและพูดขึ้น “ท่านพ่อ ข้าอยากเข้าไปในนอนที่ต้นไม้นั่นจังเลย!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “อย่าเพิ่งรีบร้อน พวกเรายังเหลือรูปปั้นฟีนิกซ์อีก 2 ตัวที่ยังไม่ได้ปลุก”