พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 670 ลงทัณฑ์เรียงคน
หลิงตู้ฉิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มในระหว่างที่เขามองสำรวจไปทั่วร่างของโครงกระดูก
จากนั้นเขาตอบกลับว่า “ใช่ ข้ากลับมาแล้ว”
“ทำไมท่านไปนานขนาดนี้?” โครงกระดูกถามขึ้นด้วยน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาจากตาที่กลวงโบ๋
หลิงตู้ฉิงถอนหายใจและพูดว่า “ก่อนหน้านี้ข้ามันเป็นคนที่ไม่ค่อยจะมีความรู้สึกอะไรสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ข้ามีความรู้สึกแล้ว ดังนั้นข้าจึงกลับมาหาเจ้า!”
โครงกระดูกตอบกลับด้วยน้ำตาที่หลั่งไหลออกมามากขึ้นกว่าเดิม “ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านจะต้องไม่ใจร้ายกับข้า ข้ารู้อยู่แล้วว่าสักวันหนึ่งท่านจะกลับมาหาข้า!”
เมื่อหลิงตู้ฉิงเห็นว่าโครงกระดูกร้องไห้ฟูมฟายมากยิ่งขึ้น เขาก็รีบพูดขึ้นทันที “เจ้าหยุดร้องไห้ก่อนเถอะ หากเจ้ายังคงร้องไห้แบบนี้ต่อไปดวงวิญญาณของเจ้าจะยิ่งได้รับความเสียหายและเจ้าอาจจะตายลงจริง ๆ ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่แล้วมันแน่นอนว่าข้าจะพาเจ้าไปกับข้า ไม่สิ ข้ายังไม่ได้ถามความสมัครใจของเจ้าเลย เจ้าต้องการจะไปอยู่กับข้าไหม หวงซี?”
หวงซีพยักหน้าทันที แต่จากนั้นนางกลับส่ายหัวและพูดว่า “ข้าอยากไป ๆ ข้าอยากไปแน่นอนแต่ข้าไม่อาจอยู่กับท่านได้อีกแล้ว! ตอนนี้ข้าเป็นเพียงแค่โครงกระดูก ข้าเป็นเพียงซากศพที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่อาจจะติดตามท่านได้อีกต่อไป”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “หากเจ้าเป็นมนุษย์ ปัญหาของเจ้าคงจะยุ่งยากเป็นอย่างมาก แต่อย่าลืมสิว่าเจ้าเป็นฟีนิกซ์เชียวนะ ดังนั้นปัญหาของเจ้า ข้าจึงแก้ได้ง่ายมาก ๆ เลยล่ะ แต่ก่อนที่จะแก้ปัญหาของเจ้า ข้าขอแก้ปัญหาของภูเขาฟีนิกซ์ก่อนก็แล้วกัน”
“ท่านอยากจะทำอะไรงั้นเหรอ?” หวงซีถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ยังมีเหล่าผู้คนที่สมควรตายยังไม่ถูกสังหาร และยังมีคำถามบางข้อที่ยังไม่ได้รับคำตอบ”
“ถ้างั้นข้าจะช่วยท่านฆ่าเหล่าคนที่สมควรตายให้หมด!” หวงซีพูดขึ้นทันที
ทางด้านของเหล่าผู้คนของภูเขาฟีนิกซ์ เมื่อได้ยินเช่นนี้พวกเขาก็รู้สึกหนาวไปถึงสันหลังทันทีโดยเฉพาะบรรดาบรรพบุรุษขอบเขตมหาจักรพรรดิ
ในตอนนี้พวกเขาได้รู้แล้วว่าชายหนุ่มคนที่พวกเขาเผชิญหน้าอยู่เมื่อครู่เป็นใคร และรู้แล้วว่าทำไมชายผู้นี้ถึงมีท่าทีแปลก ๆ ต่อพวกเขา
แต่ทำไม?
ไม่ใช่ว่าตัวตนผู้นี้ถูกสวรรค์ทำลายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?
ในตอนนี้ตัวตนผู้นี้กลับต้องการจะฆ่าพวกเขา พวกเขาจะเอาปัญญาที่ไหนไปต่อต้าน?
เมื่ออยู่ต่อหน้าตัวตนผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการไหนของพวกเขามันก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป พวกเขารู้ในจุดนี้ดี
“โปรดเมตตาด้วยเถอะองค์เหนือหัว!” บรรดาบรรพบุรุษขอบเขตมหาจักรพรรดิต่างพากันเอาหัวโขกพื้นเพื่อขอความเมตตา “พวกเราไม่รู้จริง ๆ ว่าองค์เหนือหัวมาเยือน โปรดให้อภัยในความโง่เขลาของพวกเราที่ล่วงเกินท่านเมื่อครู่ด้วยเถอะองค์เหนือหัว!”
หญิงชราที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับบรรพบุรุษขอบเขตจักรพรรดิรีบพุ่งตัวมาคุกเข่าที่ด้านหน้าหลิงตู้ฉิง และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงความเคารพ “หวงอู่ คารวะองค์เหนือหัวและองค์หญิง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงชรา บรรดาผู้อาวุโสและเหล่าผู้คนของภูเขาฟีนิกซ์ต่างก็พากันรู้สึกมึนงง
ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าองค์เหนือหัวผู้นี้เป็นใคร แต่ในเมื่อชายผู้นี้เป็นผู้ที่เคยมีสถานะอยู่ในระดับสูงสุดของพวกเขา ดังนั้นมันก็ไม่แปลกอะไรที่ก่อนหน้านี้ชายผู้นี้จะแสดงท่าทีโอหังจนสุดกู่
หลิงตู้ฉิงมองไปที่หญิงชรา และพูดว่า “ข้าไม่กล้าเป็นนายเหนือหัวของพวกเจ้าอีกรอบหรอก ที่ข้ามาวันนี้ก็เพราะว่าข้าอยากจะฆ่าพวกสวะและพวกคนโง่เง่าบางคนของพวกเจ้าก็เท่านั้น”
หวงซียืนข้างหลิงตู้ฉิง และเอ่ยขึ้นเสริม “ข้าจะช่วยท่านสังหารทุกคนที่ท่านต้องการให้พวกเขาตาย!”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่เฟิงหลิงเป็นคนแรก และพูดว่า “ในอดีตเจ้าเห็นคนรักของเจ้าดีกว่าพวกพ้องพยายามนำเอาข้อมูลความลับไปส่งให้กับฝั่งตรงข้าม แต่ยังโชคดีที่เจ้าถูกจับได้ก่อนที่สงครามจะเกิด อันที่จริงเจ้าควรจะถูกประหารให้ตายลงซะตั้งแต่ตอนนั้น ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเจ้ารอดตายมาได้ยังไงแถมเจ้ากลับสามารถไต่เต้าจากตำแหน่งเล็กกระจ้อยร่อยจนกลายมาเป็นตัวตนระดับสูงของเผ่าฟีนิกซ์ได้ เจ้านี่มันไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ!”
เฟิงหลิงรู้เป็นอย่างดีว่าหลิงตู้ฉิงนั้นโหดเหี้ยมขนาดไหน ดังนั้นเขาจึงทำใจยอมรับในทันทีว่าวันนี้เขาคงตายแน่นอน
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลิงตู้ฉิง เฟิงหลิงก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและพูดว่า “เจ้ามันไอ้ปีศาจ…”
หลิงตู้ฉิงไม่ต้องการจะฟังอะไรที่หลุดออกมาจากปากของเฟิงหลิงอีกต่อไป เขาโบกมือและพูดกับหวงซี “ฆ่าเขา แต่อย่าทำให้ร่างของเขาเสียหาย ร่างของเขายังมีประโยชน์อยู่”
เมื่อหลิงตู้ฉิงออกคำสั่ง หวงซีก็ปฏิบัติตามทันที นางชิ้นิ้วไปที่เฟิงหลิงส่งผลให้วิญญาณของเฟิงหลิงแตกสลายทันที
ถึงแม้ว่านางจะตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ความแข็งแกร่งของนางก็ยังคงล้นเหลือ
ไม่ต้องพูดถึงว่า เฟิงหลิงไม่มีพลังของเจตจำนง ต่อให้เขามีมันเขาก็ตายในชั่วพริบตาเหมือนเดิม
บรรดาผู้คนของภูเขาฟีนิกซ์ที่เห็นว่าบรรพบุรุษขอบเขตมหาจักรพรรดิถูกสังหารได้ด้วยเพียงการชี้นิ้ว พวกเขาก็รู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ
หลังจากที่เฟิงหลิงตายลง หลิงตู้ฉิงก็ถามขึ้นว่า “เฟิงหลิงควรจะถูกประหารตายไปนานแล้ว ใครบอกข้าได้บ้างว่าใครเป็นคนอภัยโทษให้กับเขา? และใครเป็นคนสนับสนุนเลื่อนตำแหน่งให้กับเขา?”
เฟิงปิงรีบพูดขึ้นทันที “องค์เหนือหัว บรรพบุรุษเฟิงหยุนเซี่ยงเป็นผู้ตัดสินใจปล่อยเฟิงหลิงให้เป็นอิสระ และต่อมาก็เป็นเขาที่เลื่อนตำแหน่งให้กับเฟิงหลิง แต่ว่าในตอนนี้บรรพบุรุษเฟิงหยุนเซี่ยงไม่อยู่แล้ว เขาได้ตายไปแล้วเมื่อ 30,000 ปีก่อน…”
ชายชราที่อยู่ข้าง ๆ เฟิงปิงพูดขึ้นเสริม “เฟิงปิงพูดถูกแล้ว บรรพบุรุษเฟิงหยุนเซี่ยงเห็นว่าในเมื่อปัญหาทุกอย่างมันคลี่คลายหมดแล้ว และเฟิงหลิงก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงคนหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงถูกปล่อยตัวออกมา”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด “ในเมื่อไอ้โง่นั่นมันตายไปแล้วก็ช่างมัน คำถามต่อไป ใครเป็นผู้อนุญาตให้ใช้วิธีการผ่านแดนกระดูกขาวโดยการมอบเลือดและเนื้อให้กับเหล่าวิญญาณปีศาจและพวกภูตผี?”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิผู้หนึ่งยกมือขึ้นด้วยอาการสั่นกลัว และค่อย ๆ พูดเสียงอ่อยว่า “ปะ..ปะ..เป็นผู้น้อยเอง…”
“ทำไม?” หลิงตู้ฉิงถามกลับด้วยสีหน้าเย็นชา
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิยิ้มอย่างขมขื่น และตอบว่า “องค์เหนือหัว ในอดีตทุกครั้งที่พวกเราผ่านแดนกระดูกขาวมันจะต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นเสมอกับพวกวิญญาณปีศาจและเหล่าภูตผี ซึ่งมันทำให้พวกเราบาดเจ็บล้มตายกันอยู่บ่อย ๆ แต่ต่อมากลับมีคนเสนอแนะวิธีให้พวกเราทำการเจรจากับพวกวิญญาณปีศาจและเหล่าภูตผีเพื่อที่จะผ่านทางโดยสันติได้ และเมื่อข้าลองไปเจรจาดูและเห็นว่าข้อตกลงมันไม่เหลือบ่ากว่าแรง ข้าจึงยอมตกลงเพื่อผลประโยชน์ของภูเขาฟีนิกซ์ และเพื่อรักษาชีวิตคนของเรา”
“ถ้างั้นใครเป็นคนเสนอความคิดนี้?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิชี้ไปที่ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในกลุ่มฝูงชน
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าให้กับหวงซี และพูดว่า “จับเขาและผนึกเขาเอาไว้ก่อน อย่าปล่อยให้เขาตาย!”
หวงซีลงมือก่อนที่หลิงตู้ฉิงจะพูดจบด้วยซ้ำ เนื่องจากนางรู้ว่าหลิงตู้ฉิงในตอนนี้ต้องการจะทำอะไร
ในฐานะที่ในตอนนั้นนางเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมทำการรบเคียงข้างกับหลิงตู้ฉิง นางจึงเข้าใจเป็นอย่างดีถึงสถานการณ์ในแดนกระดูกขาวว่ามันจะพัฒนาขึ้นจนเลวร้ายไปถึงขนาดไหนหากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป
ผู้อาวุโสขอบเขตราชันที่ถูกชี้ตัวถูกผนึกร่างไว้อย่างรวดเร็วโดยที่เขาไม่มีโอกาสจะฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ และพูดว่า “เป็นเพราะการตัดสินใจของเจ้า มันจึงทำให้เหล่าวิญญาณปีศาจและภูตผีแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิมไปอีก เจ้ารู้บ้างไหมว่าไอ้พวกวิญญาณปีศาจและภูตผีเหล่านั้นตอนที่พวกมันมีชีวิตอยู่ พวกมันตายอยู่ที่แดนกระดูกขาวได้ยังไง?”
“หากเป็นกับคนทั่วไป พวกวิญญาณปีศาจและภูตผีเหล่านี้มันคงจะไม่สร้างปัญหาให้มากเท่าไหร่ถ้าไม่เข้าไปในเขตแดนของพวกมัน แต่กับพวกเจ้าภูเขาฟีนิกซ์นั้นมันคนละเรื่องกัน! พวกมันมีความแค้นฝังลึกกับพวกเจ้า ขืนพวกเจ้ายังคงให้อาหารพวกมันอยู่แบบนี้อีกไม่เกิน 50,000 ปี ข้ารับรองว่าพวกมันได้ยกพวกมากินพวกเจ้าถึงที่นี่แน่นอน!”
บรรดาผู้คนที่ได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกหวาดกลัวในสิ่งที่พวกเขาทำลงไป
แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิที่เป็นผู้อนุญาตให้ใช้วิธีนี้กลับคิดอีกแบบ เขาคิดในใจว่าถ้าในตอนนั้นเขาไม่ตอบตกลงยอมรับเงื่อนไข มันก็จะมีพวกพ้องของเขาที่ตายเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งเขาไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น
“แค่พวกเจ้าบาดเจ็บล้มตายกันบ้างแค่นี้พวกเจ้ากลับกลัวกันจนหัวหดยอมทำข้อตกลงกับพวกวิญญาณปีศาจและภูตผีเลยงั้นเหรอ? พวกเจ้านี่มันทั้งโง่ทั้งขี้ขลาดกันดีจริง ๆ พวกเจ้าเคยคิดกันบ้างไหมว่าการที่พวกเจ้าสามารถอยู่กันได้อย่างสุขสบายแบบนี้มันเป็นเพราะมาจากอะไร? มันเป็นเพราะบรรดาบรรพบุรุษของพวกเจ้าหลั่งเลือดไปจำนวนนับไม่ถ้วนเพื่อให้พวกเจ้ามีทุกวันนี้!”
“แล้วตอนนี้ดูสารรูปของพวกเจ้าสิ ตายนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ถอดใจกันหมด? พวกเจ้าลืมกันไปแล้วเหรอว่าพวกเจ้าคือเผ่าฟีนิกซ์ไม่ใช่นกพิราบ! จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเจ้าหายไปไหนกันหมด?” หลิงตู้ฉิงมองไปรอบ ๆ และหยุดสายตาที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ และพูดว่า “ในเมื่อเจ้าทำผิดพลาดขนาดนี้ ข้าจะลงโทษเจ้า! ข้าจะปลดตำแหน่งหน้าที่ของเจ้าทั้งหมดที่นี่ และส่งเจ้าไปเป็นเจ้าเมืองขนนกอัคคี!”
“น้อมรับคำสั่ง!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิตอบกลับ