พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 677 สืบทอดตำแหน่งและเตรียมการทำสงคราม
หลิงตู้ฉิงและหวงซีควงแขนกันบินกลับไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
ในท้ายที่สุดพวกเขาก็พัวพันกันต่ออยู่อีกเกือบเดือน จนพวกเขารู้ตัวว่ามันถึงเวลาแล้วที่พวกเขาสมควรจะกลับไปที่ภูเขาฟีนิกซ์
เมื่อหลิงตู้ฉิงและหวงซีกลับถึงภูเขาฟีนิกซ์ บรรดาตัวตนระดับสูงของภูเขาฟีนิกซ์ต่างก็รีบออกมาต้อนรับในทันที
หวงอู่เป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้นยอมรับความผิด “องค์เหนือหัวเป็นความผิดของข้าเองที่ปล่อยให้องค์หญิงน้อยเข้าไปในต้นเพลิงสวรรค์ก่อนจะได้รับคำอนุญาตจากท่าน”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและตอบกลับว่า “ไม่เป็นไร ปล่อยให้นางเข้าไปนั้นแหละดีแล้ว ไม่ว่ายังไงสถานที่แห่งนั้นมันก็เป็นของนางอยู่ดี”
หวงเซียะปรากฏกายขึ้นและทักหลิงตู้ฉิงเช่นกัน “ในที่สุดท่านก็มาที่นี่!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและยิ้มตอบนาง “ใกล้จะทะลวงระดับไปอยู่ที่ระดับหลุดพ้นสามัญแล้วนี่นา ไม่เลวเลยจริง ๆ จงพยายามต่อไปล่ะ!”
“คือว่า…” หวงเซียะอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่นางก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน
หวงซีที่สังเกตดูจากด้านข้างและเห็นท่าทีแปลกประหลาดของหวงเซียะ นางจึงพูดขึ้นว่า “เจ้าคงจะเป็นเด็กสาวที่เคยใช้ชื่อเดียวกับข้าสินะ?”
หวงเซียะเงียบไปอยู่อึดใจ จากนั้นนางจึงตอบว่า “ถวายบังคมองค์หญิง!”
ในที่สุดตอนนี้นางก็ได้รู้ว่าเหตุผลที่หลิงตู้ฉิงเปลี่ยนชื่อของนางก็เพราะบรรพบุรุษของนางคนนี้ แต่มันยังมีคำถามที่คาใจนางอยู่อีกมากมาย ซึ่งอันดับแรกก็คือชื่อของหลิงตู้ฉิงมีชื่อว่าอะไร? และทำไมนางถึงมีความรู้สึกแปลก ๆ เมื่อพบหน้าเขา? หรือต่อให้ไม่พบหน้าเขา นางก็ยังจำภาพของเขาได้ไม่เคยลืมเลือน แล้วพอมาตอนนี้ที่นางได้เห็นว่าหลิงตู้ฉิงน่าจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับบรรพบุรุษของนาง ทำไมนางถึงได้รู้สึกปวดใจ?
หวงซียิ้มและพูดว่า “พวกเราผู้หญิง ไปคุยกันที่อื่นดีกว่า ปล่อยให้พวกผู้ชายเขาคุยกันตรงนี้ไป”
หวงซีสามารถบอกได้เลยว่าหวงเซียะนั้นมีใจให้กับหลิงตู้ฉิง แต่ว่าเรื่องราวทุกอย่างมันค่อนข้างซับซ้อนและความสัมพันธ์ของพวกเขามันออกจะยุ่งเหยิง ดังนั้นหวงซีจึงต้องพาหวงเซียะออกมาอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้ชัดเจน
ส่วนทางด้านหลิงตู้ฉิง เมื่อคุยกับเหล่าบรรพบุรุษของภูเขาฟีนิกซ์ได้สักพัก เขาก็แยกตัวไปหาครอบครัวของเขา
“ท่านพ่อกลับมาได้สักทีนะ!” หลิงฟ่างหัวทำหน้าบูด “ท่านนี่ไม่เอาไหนเลย ทิ้งให้พวกเราคอยอยู่ตั้งหลายปี!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “พ่อไม่ได้ทิ้งพวกเจ้าและคนอื่น ๆ สักหน่อย มันก็แค่ธุระของพ่อมันค่อนข้างจะต้องใช้เวลานานในการสะสางน่ะนะ เอาเป็นว่าหากเจ้าและคนอื่น ๆ มีอะไรอยากถามก็ถามมาตอนนี้ได้เลย!”
“สามี ท่านเป็นนายเหนือหัวของภูเขาฟีนิกซ์จริง ๆ งั้นเหรอ?” จ้าวเหมิงลู่ถามขึ้นทันที
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้าเคยเป็นเพียงแค่ในนามก็เท่านั้น และข้าก็อยู่ในตำแหน่งเพียงไม่กี่วันก็จากไป ส่วนเหตุผลที่ข้าได้เป็นก็เพราะข้าจำเป็นต้องช่วยเหลือภูเขาฟีนิกซ์แก้ไขปัญหาบางอย่าง ซึ่งถ้าหากไม่เป็นเพราะหวงซี ข้าก็คงไม่ช่วยพวกเขาและไม่รับตำแหน่งนายเหนือหัวอะไรนี่หรอก ส่วนในตอนนี้หวงซีก็มีสถานะเหมือนพวกเจ้าแล้วนั่นก็คือเป็นภรรยาของข้า”
หลิวเฟ่ยเฟ่ยแสดงสีหน้ากังวลและพึมพำว่า “นางเป็นถึงองค์หญิงแห่งภูเขาฟีนิกซ์…”
หลิงตู้ฉิงพูดปลอบประโลมทันที “ในหัวใจของข้า พวกเจ้าทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน พวกเจ้าทุกล้วนเป็นผู้หญิงที่ข้ารักมากที่สุด และข้าก็จะรักพวกเจ้าแบบนี้ไปตลอดกาล”
จ้าวเหมิงลู่ยิ้มและพูดว่า “แค่ท่านไม่ละเลยพวกเราแค่นี้พวกเราก็พอใจแล้ว”
หลังจากที่หลิงตู้ฉิงปลอบครอบครัวของเขาอยู่พักใหญ่จนพวกเขาหายกังวล เขาก็พูดขึ้นว่า “พวกเจ้าคงต้องรอข้าอีกสักหน่อยจนกว่าข้าจะจัดแจงตำแหน่งของไช่หยุนในภูเขาฟีนิกซ์ได้เรียบร้อย จากนั้นพวกเราจึงจะออกจากที่นี่ไปยังสถานที่ถัดไป”
หลิงฟ่างหัวรีบถามขึ้นทันที “ท่านพ่อ ไม่ใช่ว่าท่านจะไปหาผู้หญิงอีกคนใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “ไม่ใช่สักหน่อย!”
อันที่จริงเขาติดค้างผู้คนไว้มากมายในอดีต ดังนั้นในอนาคตไม่ช้าก็เร็วเขาจำเป็นต้องชดใช้คืน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าลูกสาวของเขา ในตอนนี้เขาจึงทำได้แค่ตอบไปอย่างเลี่ยง ๆ ว่าสถานที่ถัดไปจะไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องผู้หญิงแน่นอน
หลังจากคุยกับบรรดาครอบครัวของเขาเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็ไปหาหวงซีและบอกให้นางเรียกรวมเหล่าผู้คนของภูเขาฟีนิกซ์เพื่อประกาศเรื่องของหลิงไช่หยุน
อันที่จริงหลิงตู้ฉิงไม่จำเป็นต้องเรียกรวมอะไรเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากบรรดาตัวตนระดับสูงที่เป็นเสาหลักของภูเขาฟีนิกซ์ได้มารวมตัวกันรอหลิงตู้ฉิงอยู่แล้วที่ห้องโถงใหญ่ของตำหนักฟีนิกซ์
และที่สำคัญ บัลลังก์ของตำแหน่งนายเหนือหัวของภูเขาฟีนิกซ์ถูกจัดแจงไว้อย่างดีราวกับว่าพวกเขาจงใจให้หลิงตู้ฉิงนั่งบนมัน
หลิงตู้ฉิง เมื่อมาถึงห้องโถงใหญ่เขาก็ไม่รอช้าเดินตรงไปที่บัลลังก์นายเหนือหัวของภูเขาฟีนิกซ์และนั่งลงทันที จากนั้นเขายิ้มและพูดว่า “ข้ายังไม่เคยมีโอกาสนั่งมันเลยในอดีต ดังนั้นตอนนี้ข้าคงต้องขอนั่งมันเพื่อเป็นการชดเชยสักหน่อย”
บรรดาเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายที่ได้ยินเช่นนี้ต่างก็แสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนไม่รู้ว่าจะตอบอะไรออกไปดี พวกเขาทั้งหมดจึงพากันนิ่งเงียบ
หลิงตู้ฉิงไม่ใส่ว่าบรรดาคนของภูเขาฟีนิกซ์จะคิดอะไร เขาพูดต่อ “เรื่องแรก ข้าต้องการให้หลิงไช่หยุนลูกของข้าเป็นนายเหนือหัวของพวกเจ้า พวกเจ้าคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
หากเป็นก่อนหน้านี้ แทบจะทุกคนในห้องโถงคงจะออกความคิดเห็นกันไปแล้ว
แต่พอมาตอนนี้เมื่อพวกเขาเห็นว่า หลิงไช่หยุนสามารถจุดเพลิงของต้นเพลิงสวรรค์ได้ พวกเขาจึงไม่คัดค้านใด ๆ
แต่มันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะนิ่งเงียบ
“องค์เหนือหัว ถึงแม้ว่าองค์หญิงน้อยจะมีคุณสมบัติที่เหมาะสมก็จริง แต่นางก็ยังอ่อนประสบการณ์อยู่ ดังนั้นข้ามีความคิดเห็นว่าองค์หญิงหวงซีควรจะเป็นผู้รับตำแหน่งนายเหนือหัวคนถัดไปก่อน ไม่ว่าจะยังไงองค์เหนือหัว องค์หญิงหวงซีและองค์หญิงน้อยก็เป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว ในอนาคตเมื่อองค์หญิงน้อยเติบโตขึ้นมากกว่านี้องค์เหนือหัวก็ค่อยมอบตำแหน่งนายเหนือหัวให้องค์หญิงน้อยก็ได้ แบบนี้จะดีกว่าไหมองค์เหนือหัว?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งออกมาพูดความคิดเห็นของตน
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “หวงซีนั้นเป็นผู้หญิงของข้าและในอนาคตอีกไม่ไกลนางจะต้องติดตามข้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งนางจะไม่สามารถเป็นนายเหนือหัวให้กับพวกเจ้าได้ แต่แน่นอนว่านางจะยังคงอยู่ที่นี่ไปก่อนชั่วคราวเพื่อคอยช่วยเหลือและชี้แนะไช่หยุนในการดูแลเรื่องต่าง ๆ ของภูเขาฟีนิกซ์ จนกว่าไช่หยุนจะช่ำชอง ดังนั้นข้าขอประกาศเลยว่าในยุคนี้ ไช่หยุน ลูกสาวของข้าจะเป็นนายเหนือหัวของพวกเจ้า ส่วนผู้ที่มีคุณสมบัติคนอื่น ๆ นั้นจะต้องรอโอกาสอื่นต่อไปในอนาคต”
ทุกคนในห้องโถงที่ได้ยินคำประกาศเช่นนี้ต่างก็พากันยอมรับไม่มีใครเสนอความคิดเห็นอะไรอีก เว้นเฟิงปิงที่เหลือบมองไปที่หวงเซียะด้วยความกังวล
เนื่องจากที่ผ่านมา หวงเซียะ คือผู้ที่มีโอกาสมากที่สุดที่จะเป็นนายเหนือหัว แต่ในตอนนี้เมื่อหลิงตู้ฉิงประกาศออกมาเช่นนี้ มันก็เท่ากับว่าเป้าหมายของหวงเซียะถูกทำลายลง
ทางด้านของหวงเซียะที่ได้รับโอกาสมาร่วมประชุมด้วยก็เพราะนางคืออัจฉริยะอันดับ 1 ของภูเขาฟีนิกซ์ เมื่อนางได้ยินคำประกาศของหลิงตู้ฉิงแบบนี้ นางก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา
ไม่ว่าจะยังไงในอนาคตนางก็ยังมีโอกาสอยู่
อันที่จริงตอนนี้ในใจของนางกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องอื่นมากกว่า
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครคัดค้านอะไรอีกต่อไป หลิงตู้ฉิงจึงพูดว่า “เอาล่ะในเมื่อไม่มีใครคัดค้านอะไรอีก เรื่องแรกก็สรุปเป็นว่าไช่หยุนจะเป็นนายเหนือหัวของพวกเจ้า ถัดมาเรื่องที่สอง เนื่องจากตอนนี้เพลิงของต้นเพลิงสวรรค์ได้ถูกจุดขึ้นแล้ว จงใช้โอกาสนี้ในการแจ้งกับกับทุกคนในเผ่าให้เตรียมตัวเริ่มทำสงคราม!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลายคนก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นทันที พวกเขาเดาเอาไว้ไม่ผิดว่าสุดท้ายเรื่องราวมันจะต้องลงเอยแบบนี้
เมื่อนายเหนือหัวผู้โหดเหี้ยมผู้นี้กลับมา เขาจะนำเผ่าฟีนิกซ์เข้าสู่สงครามนองเลือด
แถมสงครามที่นายเหนือหัวผู้โหดเหี้ยมผู้นี้กำลังจะพาพวกเขาไปเข้าร่วมมันจะรุนแรงซะยิ่งกว่ายุคของราชันสงครามเสียอีก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ผู้อาวุโสบางคนก็แสดงสีหน้าลังเลและพูดว่า “องค์เหนือหัว พวกเราควรไตร่ตรองให้ดี ๆ ก่อนจะดีไหมเรื่องของการทำสงคราม?”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับทันที “ไม่ว่าพวกเจ้าต้องการจะคิดยังไงก็แล้วแต่ แต่ข้าสามารถบอกกับพวกเจ้าได้ก่อนเลยว่าในอนาคตโลกที่พวกเจ้าอยู่มันจะกลายเป็นแบบไหน ลูกชายคนโตของข้าจะขึ้นเป็นผู้นำของสันเขาทรราช ลูกสาวคนรองของข้าจะคุมอำนาจของสำนักเต๋าสวรรค์ทั้งหมด ลูกชายคนที่หกของข้าคือจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์และแน่นอนว่าลูกสาวคนเล็กสุดของข้าซึ่งก็คือ ไช่หยุน จะเป็นผู้นำของพวกเจ้า ส่วนลูกคนอื่น ๆ ที่เหลือของข้าในตอนนี้ข้ายังไม่อาจตัดสินได้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นผู้คุมอำนาจฝ่ายไหน แต่ข้าบอกไว้เลยว่าพวกเขาแต่ละคนล้วนไม่ธรรมดาถึงที่สุด ดังนั้นไม่ว่าพวกเจ้าจะตัดสินใจยังไงพวกเจ้าก็ควรคิดให้ดี ในยุคนี้หากพวกเจ้าพลาดสงครามครั้งนี้ไปล่ะก็ พวกเจ้าทุกคนที่ไม่เข้าร่วมจะต้องเสียใจ”
ก่อนที่จะมีใครทันได้ตอบอะไร หวงซีก็ตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “พวกเราจะร่วมกับสงครามของยุคนี้!”