พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 731 เหล่าคนตายที่ไม่ยอมลงไปอยู่ยมโลก
อันที่จริงเมื่อครู่หลิงตู้ฉิงรู้สึกขุ่นเคืองอยู่เหมือนกัน แต่ต่อให้เขาจะขุ่นเคืองสักแค่ไหนมันก็ไร้ประโยชน์ เพราะเขารู้ดีว่าความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้มันไม่เพียงพอที่จะต่อกรชายวัยกลางคนเมื่อครู่
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะทำอะไรกับชายวัยกลางคนผู้นั้นไม่ได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรที่เขาจะระบายความขุ่นเคืองกับหยูหมิงเย่
เมื่อสังหารหยูหมิงเย่เสร็จ หลิงตู้ฉิงก็มองไปที่อักขระสีเขียวและพูดกับอี้ลั่วเอ๋อว่า “ถึงแม้ว่าการรับหน้าที่เป็นทูตนั้นจะมีประโยชน์หลายอย่า งแต่เมื่อถึงเวลาเจ้าอาจจะต้องตัดสินใจทำในสิ่งที่เจ้าไม่อยากจะทำ ดังนั้นตอนนี้เจ้ายังคงไม่จำเป็นต้องสนใจมัน”
“ข้าจะเก็บมันเอาไว้ก่อนและใช้มันสร้างเป็นอาวุธให้กับเจ้าทีหลัง เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะได้สามารถใช้พลังของการเป็นทูตได้ แถมยังไม่ต้องถูกผูกมัดโดยหน้าที่การเป็นทูตอีกต่างหาก นี่คือสิ่งที่เหมาะสมมากที่สุด”
อี้ลั่วเอ๋อหัวเราะและตอบกลับทันที “ถ้าอย่างนั้นข้าขอรบกวนนายท่านเป็นธุระให้ข้าด้วยก็แล้วกัน!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขาใช้พลังของหมิงยู่ควบแน่นพลังแห่งกฎของสวรรค์และโลกจนกลายเป็นรูปร่างเหมือนกล่องและเก็บอักขระสีเขียวเข้าไปในนั้น
หลังจากที่หลิงตู้ฉิงเก็บอักขระสีเขียวเข้าไปเสร็จ อี้ลั่วเอ๋อก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย “นายท่าน ทูตคืออะไร?”
หลิงตู้ฉิงพาอี้ลั่วเอ๋อบินกลับไปหากลุ่มคนของเขาที่รออยู่ และในระหว่างทางเขาก็อธิบายไปด้วยว่า “ทูตก็คือทูตของยมโลก ซึ่งทูตของยมโลกนั้นมีหน้าที่คอยส่งวิญญาณลงไปยังยมโลกเพียงอย่างเดียว ไม่มีสิทธิ์ที่จะพรากชีวิตผู้ใดด้วยตนเอง และแน่นอนว่าถ้าหากใครถูกตัดสินให้ตายแล้ว ถึงแม้ว่าตัวของทูตเองจะไม่อยากส่งวิญญาณของคนผู้นั้น ทูตก็ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้เหมือนกัน”
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่เห็นว่าการเป็นทูตมันจะมีอะไรดีตรงไหนเลย!” อี้ลั่วเอ๋อหัวเราะ
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ไม่หรอก ข้อดีมันก็มี เมื่อใครก็ตามที่กลายเป็นทูตแล้วคนผู้นั้นจะได้รับการสนับสนุนจากยมโลกอย่างเต็มที่และสามารถยืมพลังจากยมโลกมาใช้ได้ด้วย หรือไม่ในอนาคตหากผู้ที่เป็นทูตตายลงและดวงวิญญาณลงไปอยู่ในยมโลก เขาก็จะได้รับแต่งตั้งหน้าที่สำคัญ ๆ ในยมโลกต่ออีก”
อี้ลั่วเอ๋อพยักหน้า จากนั้นนางแสดงสีหน้าลังเลและถามขึ้นว่า “ว่าแต่นายท่าน ชายผู้นั้นที่เดินออกมาจากประตูยมโลกเป็นใครกัน เขา…ไม่ใช่มนุษย์ใช่ไหม? ทำไมในตอนที่ข้าเห็นเขา ข้าถึงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย”
“คนผู้นั้นคือเจ้าแห่งยมโลก” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “ต่อหน้าเขาแล้วเจ้ามีค่าไม่ต่างอะไรกับฝุ่นผง หากเขาต้องการจะควบคุมเจ้า แน่นอนว่าเจ้าคงไม่อาจต่อต้านอะไรได้แน่นอน แต่เมื่อครู่เขาถูกข้าขู่จนกลัวถอยกลับไป ไม่อย่างนั้นเหตุการณ์วันนี้มันคงบานปลายจนกลายเป็นหายนะใหญ่ แต่ถ้าหากจะถามว่าเขาเป็นมนุษย์รึเปล่า ยมโลกนั้นเป็นโลกที่แตกต่างออกไปจากโลกของเรา ที่นั่นเป็นที่อยู่อาศัยของคนตายเพียงอย่างเดียว แต่ไอ้คนผู้นั้นมันไม่ใช่คนตายหรอก คนผู้นั้นมันคือผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่แบบเรา ๆ นี่แหละ!”
ในขณะที่อธิบายจบ หลิงตู้ฉิงก็พาอี้ลั่วเอ๋อกลับมาถึงกลุ่มคนของเขาพอดี ซึ่งในเวลานี้หลิงฟ่างหัวก็ตื่นขึ้นมาแล้วเช่นกัน และมองไปที่พูดคนรอบ ๆ ข้างนางด้วยสีหน้ามึนงงและถามขึ้นว่า “พวกท่านบอกว่าเมื่อครู่ข้าถูกฆ่างั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงที่เพิ่งมาถึงและได้ยินหลิงฟ่างหัวกำลังถามคนอื่น ๆ ด้วยสีหน้ามึนงง เขาก็เดินเข้ามาและตบไปที่หน้าผากของลูกสาวเขาไม่แรงมากนัก แต่มีเสียงดังแปะพอจะให้ทุกคนได้ยินและมองไปที่นางด้วยสีหน้าขัดใจ
“โอ้ย!” หลิงฟ่างหัวร้องลั่นพร้อมกับเอามือกุมหน้าผากที่มีรอยช้ำนูนเขียวขึ้นมา “ท่านพ่อ ท่านตีข้าทำไมเนี่ย!?”
หลิงตู้ฉิงพ่นลมหายใจ “พ่อเตือนเจ้าแล้วใช่ไหมว่า ‘อย่าหันมามอง อย่าหันมามอง’ แต่เจ้ากลับไม่เชื่อฟังพ่อเลย และเกือบทำให้ตัวเจ้าเองต้องตายเจ้ารู้บ้างไหม? หากเมื่อครู่พ่อช่วยเจ้าไม่ทัน ป่านนี้เจ้าตายลงไปเป็นผีในยมโลกเรียบร้อยแล้วเจ้ารู้รึเปล่า? คนที่เจ้ามองเมื่อครู่นั่นมันคือเจ้าแห่งยมโลกเชียวนะ แค่การมองของมันเพียงครั้งเดียวก็ทำให้เจ้าลงไปอยู่ในยมโลกกับมันได้แล้ว!”
หลิงฟ่างหัวก้มหน้ามองพื้นพลางลูบหน้าผากที่ยังรู้สึกแสบอยู่ และพึมพำเสียงเบา “ข้าก็แค่มองนิดหน่อยเอง ไม่สิ อันที่จริงมันเป็นเพราะท่านปกป้องข้าไม่ดีต่างหากแล้วตอนนี้ยังมาโทษข้าอีก…”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะด้วยความโมโหและพูดว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้านี่มัน…ฮึ่ม! ช่างเถอะเอาเป็นว่าพ่อยอมรับก็ได้ว่ารอบนี้พ่อปกป้องเจ้าไม่ดีเอง แต่รอบหน้าหากพ่อพูดอะไรเจ้าต้องเชื่อฟังให้มากกว่านี้เจ้าเข้าใจไหม ไม่อย่างนั้นรอบหน้าพ่อจะไม่พาเจ้าไปไหนอีกแล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงฟ่างหัวทำหน้าซึมและมีน้ำตาคลอเบ้าทันทีและไม่กล้าพูดอะไรต่อ
เมื่อเห็นเช่นนี้หลิงตู้ฉิงก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ และรีบปลอบนางทันที “เอาเถอะ ๆ อย่าเศร้าไปเลย เอาเป็นว่าพ่อขอโทษก็แล้วกัน พ่อให้สัญญาว่าในอนาคตเมื่อเจ้าได้พบกับเจ้าแห่งยมโลกอีกรอบหนึ่ง พ่อจะทำให้เจ้าสามารถระบายความโกรธลงกับเขาได้แน่นอน ตกลงไหม?”
เมื่อได้ยินคำปลอบ หลิงฟ่างหัวก็ได้ใจในทันที ในตอนแรกที่นางมีสีหน้าเศร้าซึมจู่ ๆ ก็กลายเป็นหัวเราะร่าและพูดว่า “ในอนาคตเมื่อข้าแข็งแกร่ง ข้าจะไปตามหาเขาด้วยตัวเอง! บังอาจมาทำให้ข้าบาดเจ็บปางตายขนาดนี้ การทุบตีเขาเฉย ๆ มันจะไปพอได้ทีไหน? เมื่อถึงเวลาข้าจะแยกร่างเขาออกเป็นสิบส่วนและส่งชิ้นส่วนของเขาแยกไปอยู่คนละมิติ ทำให้เขาจะตายก็ไม่ได้จะอยู่ก็ไม่มีความสุขเลยคอยดู!”
“เอาแบบนั้นก็ได้ แต่เจ้าต้องตั้งใจบ่มเพาะด้วยล่ะ!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “อันที่จริงถึงแม้รอบนี้เจ้าจะเกือบตาย เจ้าเองก็ได้รับประโยชน์ไปไม่น้อยจากหยดของเหลววิญญาณของดอกไม้ฟื้นชีพ ซึ่งมันไม่เพียงแต่จะช่วยชีวิตของเจ้าเอาไว้เท่านั้นแต่มันยังทำให้พลังชีวิตของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นอีกหลายเท่าตัว แถมมันน่าจะทำให้เจ้าในตอนนี้สามารถสัมผัสได้ถึงพรสวรรค์ที่แฝงอยู่ในสายเลือดของเจ้าได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นอีกด้วยใช่ไหม?”.Aileen-novel
หลิงฟ่างหัวมองซ้ายมองขวา จากนั้นนางก็ส่ายหัวและตอบกลับว่า “ท่านพ่อข้าไม่เห็นว่าข้าจะรู้สึกสัมผัสอะไรใหม่ ๆ ได้สักอย่างเลย เอ่อ…ท่านเอาของเหลวนั่นให้ข้าอีกหยดได้ไหม เผื่อว่ามันจะช่วยให้ข้าได้สัมผัสอะไรมากขึ้น?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “อย่ามาใช้มุขแบบนี้กับพ่อจะดีกว่า หากเจ้าต้องการของเหลวจากดอกไม้ฟื้นชีพก็บอกมาตรง ๆ จงอย่าลืมสิว่าพ่อของเจ้าไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นพ่อจะไม่เห็นพลังกฎแห่งมิติที่แข็งแกร่งขึ้นในร่างของเจ้าได้ยังไง ดังนั้นเจ้าได้มันไปแค่หยดเดียวก็พอแล้ว หยดของเหลววิญญาณของดอกไม้ฟื้นชีพนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถควบแน่นขึ้นมาได้ง่าย ๆ หรอกนะ”
หลิงฟ่างหัวทำหน้าย่น จากนั้นนางก็เปิดใช้ทักษะอาณาเขตสวรรค์ของตนเอง ซึ่งที่ด้านในอาณาเขตสวรรค์ของนางในตอนนี้ก็แตกต่างไปจากเดิม เนื่องจากมันมีรอยแยกของมิติปรากฏขึ้นและหายไปเรื่อย ๆ ที่ด้านใน
หลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นเช่นนี้ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และเขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าการที่อี้ลั่วเอ๋อเปิดประตูยมโลกในครั้งนี้ก็ถือว่ามีประโยชน์เป็นอย่างมาก
เรื่องแรกคือลูกสาวของเขามีความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น
ส่วนเรื่องที่สองที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดก็คือ หลังจากที่เขาไล่เจ้ายมโลกให้ถอยกลับไปแบบนั้น กว่าที่เจ้ายมโลกจะสามารถมาปรากฏกายได้แบบเดิมเหมือนกับที่เขาเจออีกมันก็คงต้องใช้เวลาพอสมควร
ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้ลาง ๆ แล้วว่าทำไมเจ้ายมโลกถึงอยากจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับโลกมนุษย์ผ่านอาณาเขตอเวจี เหตุผลหลัก ๆ มันน่าจะเป็นเพราะแดนกระดูกขาวที่ยังคงดำรงอยู่
หากเป็นไปตามกฎของยมโลก คนตายควรจะอยู่แต่ในยมโลกเท่านั้น
แต่แล้วด้วยการดำรงอยู่ของแดนกระดูกขาวที่มีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากตายลง แต่กลับไม่ยอมลงไปอยู่ในยมโลก กลับกลายไปเป็นภูตผีที่คอยสถิตอยู่แต่ในแดนกระดูกขาว ซึ่งสิ่งนี้เจ้าแห่งยมโลกย่อมปล่อยให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้นเจ้าแห่งยมโลกจึงต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะเปิดประตูยมโลกและเข้ามาในโลกมนุษย์ เพื่อจับเหล่าดวงวิญญาณและภูตผีที่อยู่ในแดนกระดูกขาวกลับลงไปอยู่ในยมโลกอย่างที่ควรจะเป็น
แต่ปัญหาก็คือหากประตูยมโลกเปิดขึ้นและเจ้าแห่งยมโลกก้าวเท้าเข้ามาเหยียบยังดินแดนมนุษย์ มันจะส่งผลให้เกิดหายนะอย่างมหาศาลในทุก ๆ ที่ ที่เงาของเจ้าแห่งยมโลกพาดผ่าน
หากเป็นเมื่อชีวิตก่อน หลิงตู้ฉิงคงไม่สนใจอะไรและปล่อยให้มันเกิดไป แต่ในตอนนี้เมื่อเขาบ่มเพาะเต๋าสายใหม่แล้ว เขาจึงจำเป็นต้องเข้ามายุ่งกับปัญหานี้เพราะเขารู้ดีว่ามันคือตัวเขาเองที่เป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด เพราะถ้าเขาไม่สร้างแดนกระดูกขาวขึ้นมาเองกับมือ เรื่องราววุ่นวายที่เดือดร้อนไปถึงยมโลกแบบนี้มันก็คงไม่เกิดขึ้น
ในตอนนี้ด้วยความโชคดีที่อี้ลั่วเอ๋อเปิดประตูยมโลกออก เขาจึงสามารถถ่วงเวลาไปได้อีก 1,000 ปีก่อนที่เจ้าแห่งยมโลกจะสามารถปรากฏตัวขึ้นบนโลกมนุษย์ได้อีกรอบ ดังนั้นใน 1,000 ปีนี้ เขาจึงตั้งใจว่าเขาจะต้องแก้ไขปัญหาของแดนกระดูกขาวให้ได้ ไม่เช่นนั้นหากเจ้าแห่งยมโลกปรากฏตัวขึ้นอีกรอบ ปัญหามันอาจจะไม่สามารถถูกแก้ได้ด้วยคำขู่ลอย ๆ ของเขาเหมือนรอบนี้
———————————————————————-
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ทาง Enjoybook ได้เปิดให้บริการเว็บไซต์อย่างเป็นทางการแล้ว www.Enjoybook.co
โดยจะมีนิยายทุกเรื่องของทางเรา Enjoybook อยู่ในนั้น
ลองมาใช้บริการกันได้นะคะ
และสำหรับท่านผู้ที่แต่งนิยายด้วย ทางเราก็อยากเชิญชวนทุกท่านมาลองลงนิยายกับทางเรา ต่อให้ท่านไม่ติดเหรียญนิยายของตัวเอง ท่านก็ยังสามารถ แลกเงินสดได้เมื่อทำกิจกรรมกับทางเรา
โดนทุกท่านสามารถติดต่อและติดตามข่าวสารจากทางเราได้ที่