พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 813 ความเปลี่ยนแปลงของเผ่าภูตดิน
ด้วยความเร็วของหลิงตู้ฉิงตอนนี้เขาใช้เวลาในการไม่ถึง 2 เดือนก็เดินทางถึงสำนักวิญญาณโลหิต
เหตุผลที่หลิงตู้ฉิงเดินทางมาที่นี่ก็เพราะเขาต้องการเอาจอกโลหิตศักดิ์สิทธิ์มาให้กับร่างที่แท้จริงของหมิงยู่ ซึ่งเมื่อเขามาถึง หลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้แวะคุยกับใคร เขาตรงเข้าไปที่สระโลหิตเพื่อไปเจอกับร่างที่แท้จริงของหมิงยู่ทันที
ร่างที่แท้จริงของหมิงยู่ปรากฏออกมาจากสระโลหิตพร้อมกับรอยยิ้ม “นายท่าน ข้าขอขอบคุณท่านจริง ๆ ที่เดินทางมาถึงที่นี่ด้วยตัวเองแบบนี้”
หลิงตู้ฉิงเรียกหุ่นอาชูร่าโลหิตทั้ง 4 ตัวออกมาจากจอกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเขาจึงยื่นจอกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ให้กับนางและพูดว่า “หุ่นอาชูร่าโลหิตทั้ง 4 ตัวนี้ข้าเป็นผู้สร้างมัน พวกมันจึงไม่เชื่อฟังเจ้า ข้าจึงมอบพวกมันให้เจ้าไม่ได้ ดังนั้นในอนาคตเจ้าจำเป็นต้องสร้างพวกมันขึ้นมาเอง”
หมิงยู่พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้วนายท่าน ตอนนี้ข้าเองก็เตรียมที่จะสร้างพวกมันอยู่เหมือนกัน แต่ข้าคงต้องใช้เวลาสักหน่อยเพราะการสร้างพวกมันแต่ละตัวนั้นต้องใช้พลังวิญญาณจำนวนมหาศาล ซึ่งข้าเองคงต้องใช้เวลาในการรวบรวมพลังวิญญาณเหล่านั้นพักใหญ่ ๆ”
“เจ้าเข้าใจได้แบบนี้นับว่าเป็นเรื่องดี” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าอีกทางหนึ่ง ผลึกวิญญาณบริสุทธิ์ก้อนนี้ที่ข้าได้มาจากพวกเผ่าวิญญาณอเวจี ข้าจะมอบมันให้กับเจ้า หากเจ้าใช้มัน มันจะทำให้เจ้าสามารถสร้างหุ่นอาชูร่าโลหิตได้สำเร็จเร็วขึ้นกว่าเดิม”
“ขอบคุณนายท่าน!” หมิงยู่ตอบกลับด้วยสีหน้าซาบซึ้ง
“ไม่ต้องเกรงใจ เอาล่ะตอนนี้ก็หมดเรื่องแล้วข้าไปก่อนล่ะ และเจ้าไม่จำเป็นต้องบอกคนของเจ้าว่าข้ามาที่นี่!” หลังจากหลิงตู้ฉิงพูดจบ เขาก็มอบผลึกวิญญาณให้กับหมิงยู่ จากนั้นร่างของเขาก็หายไปจากสำนักวิญญาณโลหิตทันที
หลังจากหลิงตู้ฉิงเดินทางออกจากอาณาจักรจันทราไปได้ราว 20 ปี จู่ ๆ ประตูเคลื่อนย้ายของคฤหาสน์สราญรมย์ก็ผันผวนอย่างรุนแรง ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีคนพยายามเดินทางมาโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
แต่หลังจากที่ประตูเคลื่อนย้ายผันผวนได้อยู่เพียงชั่วครู่เดียว ร่างของหลิงฟ่างหัวและซวนหยวนตู่ก็ปรากฏออกมาจากประตูเคลื่อนย้าย.ไอรีนโนเวล.
“ในอนาคตอาณาเขตเหยาชานของเจ้าจะสามารถเดินทางมาที่นี่ได้อย่างอิสระ” หลิงฟ่างหัวพูดกับซวนหยวนตู่ “แต่ว่าทุกครั้งที่เจ้าจะเดินทางมา เจ้าจำเป็นต้องใช้ผลึกวิญญาณในการเติมพลังงานให้กับประตูเคลื่อนย้ายฝั่งของเจ้าด้วย ซึ่งข้าเห็นว่าในตอนนี้เผ่าของเจ้ายังไม่มีพวกมัน แต่อาณาเขตของเจ้านั้นมากไปด้วยทรัพยากรต่าง ๆ เอาไว้เดี๋ยวข้าไปบอกให้น้องชายของข้าส่งคนของเขาไปที่อาณาเขตของเจ้าเพื่อเอาทรัพยากรเหล่านั้นมาแปรรูปเป็นอาวุธหรือไม่ก็สมบัติต่าง ๆ และส่งขายพวกมันให้กับอาณาเขตอื่น ๆ เพื่อที่เผ่าพวกเจ้าจะได้มีผลึกวิญญาณใช้ไม่ขาดมือ”
ซวนหยวนตู่หัวเราะ “ขอบคุณท่านมากจริง ๆ คุณหนูห้า!”
หลิงฟ่างหัวโบกมือ “เจ้าไม่จำเป็นต้องแสดงท่าทีสุภาพกับข้ามากขนาดนั้น เอาเป็นว่าแค่เจ้าตอบแทนข้าด้วยการส่งคนของเจ้าสักคนสองคนให้ติดตามข้าเดินทางนับจากนี้ก็พอ”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา!” ซวนหยวนตู่ยิ้ม “เดี๋ยวข้าจะให้ภรรยาของข้านี่แหละติดตามคุณหนู!”
“ถ้างั้นก็เยี่ยมเลย!” หลิงฟ่างหัวหัวเราะ “เอาล่ะ เจ้าไปพาภรรยาของเจ้ามาหาข้าได้เลย เมื่อภรรยาของเจ้ามาถึงข้าจะได้ออกเดินทางไปที่ภูมิภาคซ่งหยวนในทันที ในเมื่อพ่อของข้าเดินทางไปที่ภูมิภาคนั่น ข้าเองก็อยากจะรู้ว่าข้าพอจะมีดวงพอเจอเขาที่นั่นรึเปล่า!”
“ได้เลยคุณหนูห้า เดี๋ยวข้าจะรีบไปพาภรรยาของข้าและคนอื่น ๆ ในเผ่ามาที่นี่เดี๋ยวนี้!” ซวนหยวนตู่พยักหน้า
จากนั้นซวนหยวนตู่ก็เดินทางไปหาหลิงยี่เทียน เพื่อขอผลึกวิญญาณจากเขาเพื่อเอามาใช้ในการส่งตัวเหล่าภูตดินบางตนให้เดินทางมาที่อาณาจักรจันทรา
ซวนหยวนตู่ตั้งใจว่าเขาจะทิ้งภูตดินขอบเขตจักรพรรดิไว้ที่อาณาเขตเหยาชานจำนวนหนึ่ง และพาคนของเขาส่วนใหญ่มาที่อาณาจักรจันทราเพื่อช่วยงานของหลิงยี่เทียน
หลิงยี่เทียนตอบตกลงโดยที่ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ส่งผลให้อาณาจักรจันทรามีภูตดินมาอาศัยอยู่เพิ่มอีก 100 กว่าชีวิต แถมภูตดินหลายตนที่มาก็มีความแข็งแกร่งอยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด
ด้วยความแข็งแกร่งของเหล่าภูตดินที่มาเข้าร่วมกับเขา มันทำให้อาณาจักรจันทรามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นซวนหยวนตู่ก็ส่งคนในเผ่าของเขาบางคนกลับไปที่อาณาเขตเหยาชานเช่นกัน รวมถึงเหล่าสาว ๆ ที่แต่งงานกับภูตดินหนุ่มด้วย แต่เพื่อทำให้สาว ๆ จากเผ่าอื่นใช้ชีวิตในอาณาเขตเหยาชานได้ง่ายขึ้น ซวนหยวนตู่จึงปักกิ่งไม้ของต้นเทวะศาสตราที่เขาได้รับมาจากหลิงตู้ฉิงลงตรงกลางอาณาเขตเหยาชานเพื่อสร้างโอเอซิส
ส่วนภรรยาของซวนหยวนตู่ก็มาถึงพร้อม ๆ กับเหล่าภูตดินเช่นกัน
ภรรยาของซวนหยวนตู่นั้นชื่อ ต้วนมู่ฟาง ซึ่งหากเป็นเมื่อก่อนแซ่ต้วนมู่นั้นจะไม่ปรากฏขึ้นเลยในเผ่าภูตดินเพราะภูตดินทุกตนนั้นจะต้องใช้แค่แซ่ซวนหยวนเท่านั้น แต่ด้วยเหตุผลที่พวกเขาอยากฝังอดีตอันน่าขมขื่นของตัวเองไว้ข้างหลัง พวกเขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนแซ่ของภูตดินผู้หญิงทุกตนให้กลายเป็นต้วนมู่แทน
หลิงฟ่างหัวมองไปที่ต้วนมู่ฟางด้วยสีหน้าเบิกบานและพูดว่า “ผู้อาวุโสต้วนมู่ นี่คืออาวุธระดับจักรพรรดิที่ข้าขอมาจากน้องชายของข้า ท่านลองเอามันไปทดสอบดูหน่อยว่ามันเหมาะกับท่านรึเปล่า”
ต้วนมู่ฟางยิ้มและตอบกลับ “นับจากนี้ข้าต้วนมู่ฟางจะขอติดตามคุณหนูเพื่อตอบแทนที่ท่านช่วยเหลือเผ่าของข้าเอาไว้มากมาย โดยเฉพาะเรื่องที่คุณหนูอุตส่าห์เดินทางไปถึงเผ่าของข้าเพื่อสร้างประตูเคลื่อนย้ายให้ ข้าขอสัญญาว่าถ้าหากมีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นข้าจะปกป้องท่านด้วยชีวิตของข้า!”
อันที่จริงหลังจากที่เหล่าภูตดินรู้แล้วว่าโลกภายนอกนั้นมันสวยงามขนาดไหน พวกเขาส่วนใหญ่ก็ไม่อยากจะกลับใช้ชีวิตอยู่ที่อาณาเขตเหยาชานแบบเดิมจนกว่าพวกเขาจะรู้ว่าตัวเองใกล้ตายจริง ๆ พวกเขาถึงจะกลับไปที่บ้านเกิดเพื่อฝังตัวเองลงที่นั่น