พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 847 ศึกษาทักษะ
หลิงตู้ฉิง ซึ่งกำลังจะจัดการกับนายน้อยมิติอยู่พอดี แต่เมื่อเขาเห็นหญิงสาวที่จู่ ๆ ก็ปรากฏกายขึ้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตกตะลึง
ที่เขาตกตะลึงนั้นเป็นเพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้พบกับลูกสาวของเขาเองที่นี่!
และที่สำคัญ หลิงฟ่างหัวเองก็กำลังตามล่านายน้อยมิติผู้นี้อยู่เช่นกัน!
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจึงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา และล้มเลิกความตั้งใจของเขาที่จะจัดการกับนายน้อยมิติทันที สิ่งที่เขากำลังจะทำต่อไปก็มีเพียงแค่รอให้ลูกสาวของเขาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
หลิงตู้ฉิงมองสำรวจร่างของหลิงฟ่างหัวอย่างละเอียด เพื่อดูว่าหลังจาก 200 กว่าปีที่ไม่ได้เจอกันนั้นนางพัฒนาไปแค่ไหนแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าการพัฒนาของนางนั้นทำให้เขาค่อนข้างพึงพอใจ เพราะในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของนางได้พัฒนาจนอยู่ในระดับนักบุญเรียบร้อยแล้ว และด้วยระดับการบ่มเพาะระดับนี้มันก็เพียงพอที่นางจะสามารถไปช่วยถังชี่หยุนที่สำนักเที่ยงธรรมได้อย่างไม่มีปัญหา
ในเวลาเดียวกัน นายน้อยมิติก็ยิ่งรู้สึกโมโหมากเข้าไปใหญ่เพราะเขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญที่โด่งดังมาก ๆ ซึ่งในระแวกอาณาเขตแถวนี้ไม่มีใครไม่กริ่งเกรงในความแข็งแกร่งของเขา แต่แล้ววันนี้กลับมีผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญกับระดับนักบุญมาพูดจาเชิงข่มขู่ขอทักษะของเขาราวกับว่าเขาเป็นไก่อ่อนที่ใคร ๆ ก็สามารถมารังแกได้ง่าย ๆ ซะอย่างนั้น!
“ไอ้พวกสารเลวเอ้ย! มา! ดาหน้ากันเข้ามาพร้อม ๆ กันเลยมา!” นายน้อยมิติตะโกนลั่นด้วยความโมโห “ในเมื่อพวกเจ้าอยากได้ทักษะของข้ากันมากนัก งั้นขอข้าดูหน่อยว่าพวกเจ้ามีความสามารถแค่ไหนถึงจะให้ข้ายอมมอบทักษะให้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงฟ่างหัวขมวดคิ้วมองไปที่หลิงตู้ฉิงทันที และถามว่า “เฮ้! นี่เจ้าเองก็อยากได้ทักษะของเขางั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงเปลี่ยนใบหน้าของตัวเองเพื่อปกปิดตัวตน ดังนั้นมันจึงเป็นปกติที่หลิงฟ่างหัวจะจำพ่อของนางเองไม่ได้ ดังนั้นนางจึงแสดงท่าทีก้าวร้าวต่อเขาด้วยเพราะนางเข้าใจว่าเขาคือคู่แข่งที่จะมาแย่งชิงทักษะกับนาง
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและตอบกลับว่า “ในตอนแรกน่ะใช่ แต่ตอนนี้คงไม่แล้วล่ะเจ้าเอาไปเถอะ!”
“คุยกันง่ายแบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย!” หลิงฟ่างหัวพ่นลมหายใจ “เอาล่ะ ระดับการบ่มเพาะของเจ้ายังต่ำอยู่ ดังนั้นหลบไปให้ไกล ๆ หน่อย ไม่งั้นเจ้าอาจจะโดนลูกหลงจากข้าไปด้วย!”
“ตกลง ๆ!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะและบินถอยไปในทันที
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงถอยไปแล้ว หลิงฟ่างหัวจึงเบนสายตากลับมาจ้องที่นายน้อยมิติ และพูดว่า “จงถ่ายทอดทักษะของเจ้ามาให้ข้าซะแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป!”
ในระหว่างการเดินทางของนางตั้งแต่ที่นางออกจากอาณาจักรจันทรา หากนางรู้ว่าอาณาเขตไหนมีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถควบคุมพลังของกฎแห่งมิติได้ นางจะรีบตรงดิ่งไปหาคนเหล่านั้นทุกคนทันที เพราะนางอยากจะดูว่าทักษะที่คนเหล่านั้นมีมันสามารถช่วยให้นางเข้าใจในพลังมิติมากขึ้นหรือเปล่า
แน่นอนว่าการที่นางทำได้แบบนี้โดยที่ไม่หวั่นเกรงใครเลยเพราะว่านางมี ต้วนมู่ฟาง ซึ่งมีความแข็งอยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดอยู่ด้วย
นายน้อยมิติตวาดกลับด้วยสีหน้าเดือดดาล “เจ้าเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญแท้ ๆ เจ้ากล้าดียังไงถึงได้มาสั่งข้าแบบนี้!? แต่ก็ได้ในเมื่อเจ้าอยากได้ทักษะของข้านัก งั้นข้าจะถ่ายทอดให้เจ้าได้รู้ซึ้งถึงทักษะของข้า!”
เมื่อพูดจบ นายน้อยมิติใช้กระบวนท่าเดิมที่เขาใช้กับหลิงตู้ฉิงอีกรอบกับหลิงฟ่างหัว ซึ่งก็คือการสร้างกระบี่มิติขึ้นมาและสั่งให้มันพุ่งไปหาเป้าหมาย
หลิงฟ่างหัวโบกมือควบคุมพลังกฎแห่งมิติส่งผลให้กระบี่มิติสลายหายไปทันที จากนั้นนางพูดว่า “เจ้าอย่าเอาแต่ควบแน่นพลังมิติมาโจมตีข้าแบบนี้สิ ใช้ทักษะของเจ้ามาให้ข้าเห็นเร็ว ๆ!”
เมื่อนายน้อยมิติเห็นความพิสดารของหลิงฟ่างหัวเช่นนี้ที่ไม่ต่างอะไรกับหลิงตู้ฉิงเท่าไหร่ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที จากนั้นเขาจึงเปลี่ยนแผนโดยการใช้ทักษะเหมือนกับตอนที่เขาใช้เล่นงานหลินจ้านเผิง ซึ่งก็คือการสร้างรอยแยกมิติขึ้นมาและใช้พลังจากรอยแยกมิติมาเกื้อหนุนระดับการบ่มเพาะของเขาอีกรอบจนกลายเป็นระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
แต่แล้วในชั่วพริบตารอยแยกมิติที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นก็ถูกปิดลงโดยหลิงฟ่างหัวราวกับปาฏิหาริย์
“ข้าบอกแล้วไงว่าให้เจ้าใช้ทักษะ ไม่ใช่เอาแต่ใช้พลังของมิติ!” หลิงฟ่างหัวตวาดขึ้นด้วยสีหน้าใกล้จะหมดความอดทน “หากเจ้ายังคงดึงดันไม่ยอมใช้ทักษะที่เจ้าฝึกฝนมา งั้นก็อย่าหาว่าโหดร้ายกับเจ้าทีหลังนะ!”
ในเวลาเดียวกัน นายน้อยมิติก็ยิ่งรู้สึกตกตะลึงมากไปกว่าเดิม เพราะเขาไม่คิดว่าหลิงฟ่างหัวจะสามารถปิดรอยแยกมิติของเขาได้ง่าย ๆ แบบนี้!
“นี่เจ้าเป็นใครกันแน่?” นายน้อยมิติถามขึ้น “ด้วยความสามารถของเจ้าที่มีขนาดนี้ ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะต้องมีชื่อเสียงที่โด่งดังพอตัว แต่ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเรื่องของเจ้ามาก่อน?”
หลิงฟ่างหัวกลอกตาด้วยสีหน้าเหนื่อยใจและพูดว่า “หยุดพูดจาไร้สาระสักที และรีบใช้ทักษะที่เจ้าถนัดมาได้แล้ว ไม่งั้นข้าจะโจมตีเจ้าแล้วนะ!”
“ก็ได้ในเมื่อเจ้าอยากดูนัก งั้นข้าจะสนองให้ก็ได้!” นายน้อยมิติตอบกลับ
ครั้งนี้เขาไม่กล้าที่จะประมาทอีกแล้ว เขาเร่งโคจรพลังของตัวเองจนถึงระดับสูงสุดทันทีและใช้ทักษะพายุมิติของเขา
หลิงฟ่างหัว เมื่อเห็นเช่นนี้แววตาของนางเป็นประกายในทันทีพร้อมกับพึมพำกับตัวเองว่า “ทักษะการใช้พลังมิติแบบนี้ดูเหมือนว่าข้ายังไม่เคยเห็นเลยนี่นา!”
เมื่อพูดจบ หลิงฟ่างหัวก็พุ่งเข้าใส่พายุมิติที่นายน้อยมิติสร้างขึ้นทันที จากนั้นนางก็เริ่มแหวกว่ายภายในพายุมิติไปเรื่อย ๆ เพื่อศึกษามันอย่างละเอียด
ต้องรู้ว่าหลิงฟ่างหัวนั้นมีสายเลือดของเทพแห่งมิติ ดังนั้นพลังมิติต่าง ๆ จึงไม่มีผลอะไรต่อนางเลย ดังนั้นนางจึงสามารถศึกษาพายุมิตินี้ได้ตามใจนึก
เมื่อเห็นการกระทำเช่นนี้ของหลิงฟ่างหัว นายน้อยมิติก็รู้สึกหมดหนทางในทันทีเพราะนี่คือทักษะที่เขาภาคภูมิใจที่สุด ซึ่งเขาไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะมีใครที่สามารถแหวกว่ายอยู่ในพายุมิติของเขาได้แบบนี้ และเป็นข้อพิสูจน์ว่าหลิงฟ่างหัวนั้นเหนือล้ำกว่าเขามากขนาดไหนในด้านความเข้าใจของพลังกฎแห่งมิติ
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ หลิงฟ่างหัวก็ออกมาจากพายุมิติและมองไปที่นายน้อยมิติ และพูดว่า “ทักษะของเจ้าไม่เลวเลย มันทำให้ข้าได้แรงบันดาลใจเพิ่มขึ้นมาอีกหลายอย่าง เอาล่ะตอนนี้ข้าหมดธุระกับเจ้าแล้ว เจ้าสามารถจากไปได้เลย!”
นายน้อยมิติหัวเราะขึ้นเสียงดังทันทีและพูดว่า “แม่นางถึงแม้ว่าเจ้าจะมีความเข้าใจในพลังกฎแห่งมิติเหนือล้ำกว่าข้า แต่เจ้าจะมาดูถูกข้าแบบนี้ข้าย่อมยอมไม่ได้! ในเมื่อเจ้าเห็นทักษะของข้าแล้ว งั้นตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องแสดงทักษะของเจ้าให้ข้าเห็นบ้างเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน!”
หลิงฟ่างหัวมองไปที่นายน้อยมิติพลางถอนหายใจและพูดว่า “นี่เจ้าไม่รู้ว่าอะไรดีกับตัวเจ้าเองเลยใช่ไหมถึงได้รนหาที่ตายแบบนี้? เจ้ารู้ไหมว่าที่ข้าปล่อยเจ้าไปเพราะว่าข้ามีเจตนาดีกับเจ้า?”
“หยุดพูดอะไรไร้สาระและดูถูกข้าได้แล้ว จงแสดงทักษะของเจ้ามาให้ข้าเห็นซะ!” นายน้อยมิติตวาดขึ้น
หลิงฟ่างหัวส่ายหัว “เฮ้อ…เจ้าขอข้าเองนะ”
เมื่อพูดจบ หลิงฟ่างหัวดีดนิ้วไปยังนายน้อยมิติ และจากนั้นนางเอ่ยว่า “ตอนนี้เจ้าได้ตายไปแล้ว!”