พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 914 พระโพธิสัตว์แห่งภูมิภาคอี้ซาง
หลิงตู้ฉิงไม่เคยมาที่ภูมิภาคอี้ซางมาก่อน แต่เมื่อเขาลงมือฟาดหลวงจีนของวัดต้าหง เขาจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วภูมิภาคอี้ซางนั้นมีเบื้องหลังอย่างไร
ถ้าจะให้อธิบายง่าย ๆ ก็คือทุกชีวิตที่อยู่ในภูมิภาคแห่งนี้ถูกผู้เชี่ยวชาญที่มีชีวิตอยู่มานานตั้งแต่บรรพกาลใช้เป็นเครื่องมือเพื่อพิสูจน์ว่าเต๋าของเขานั้นถูกต้องต่อสวรรค์
อันที่จริงตัวตนนี้น่าจะต้องการพิสูจน์เต๋าของตัวเองตั้งแต่ก่อนเกิดเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแล้ว เพราะภูมิภาคอี้ซางนั้นมีมาก่อนหายนะครั้งใหญ่บังเกิด
แต่โชคร้ายที่เขาน่าจะตัดสินใจช้าไป ปล่อยให้เทพบรรพกาลเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับลงมือก่อนและความแข็งแกร่งของเขาในตอนนั้นต้านทานเทพบรรพกาลไม่ได้แผนการของเขาจึงกลายเป็นถูกขัดขวางโดยกระบวนการสร้างโลกใหม่ของเทพบรรพกาล
อย่างไรก็ตามโชคดีที่เทพบรรพกาลพิสูจน์เต๋าของตัวเองไม่สำเร็จเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงยังรอดชีวิตได้พร้อมกับค่อย ๆ ทำตามแผนพิสูจน์เต๋าของตัวเองใหม่จนมาถึงวันนี้
ใบหน้ายักษ์บนท้องฟ้าหรือถ้าจะให้เรียกอีกอย่างก็คือพระโพธิสัตว์แห่งภูมิภาคอี้ซางจ้องเขม็งลงมาที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาเย็นชา และถามว่า “เจ้ารู้จักเทพบรรพกาลผู้ที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับงั้นเหรอ? ถ้างั้นเจ้าก็เป็นตัวตนที่อยู่ในยุคบรรพกาลใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เจ้าเดาผิดแล้ว ถ้ารวมชีวิตที่แล้วของข้า อายุของข้าน่าจะอยู่ราว ๆ หนึ่งแสนปีต้นๆ”
“ถ้างั้นเจ้ามันก็แค่ไอ้เด็กน้อย!” พระโพธิสัตว์แห่งภูมิภาคอี้ซางพูดขึ้นด้วยน้ำเย็นชา “ไอ้เด็กน้อย เห็นแก่ที่เจ้ายังสร้างความเสียหายให้กับแผนข้ายังไม่มากเท่าไหร่ ข้าจะยอมปล่อยเจ้าไป ส่วนพลังที่เจ้าขโมยไปนั้นข้าจะถือว่าข้าทำบุญให้เจ้า!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เต๋าของเจ้าไม่มีทางได้รับการยอมรับหรอก หรือต่อให้มันจะถูกยอมรับจริง ๆ ผลกระทบที่จะเกิดมันก็มากเกินไป”
“เจ้าจะไปรู้อะไร?” พระโพธิสัตว์แห่งภูมิภาคอี้ซางพ่นลมหายใจ “เจ้ายังไม่เคยมาถึงจุดเดียวกับข้าด้วยซ้ำ ดังนั้นอย่ามาวิจารณ์มั่ว ๆ กับเต๋าของข้า!”
หลิงตู้ฉิงกลั้นขำไม่อยู่ทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ข้าเคยไปไกลกว่าเจ้าซะอีก ดังนั้นข้าจึงรู้แน่นอนว่าเจ้าไม่มีวันได้รับการยอมรับ!”
“เจ้าละทิ้งร่างกายของตัวเองและใช้เจตจำนงของเจ้าเพื่อพิสูจน์วิถีเต๋า แถมยังจงใจทิ้งนามของตัวเองเพื่อให้ผู้คนสรรเสริญ ซึ่งการกระทำของเจ้าเช่นนี้เจ้าไม่ได้ให้ประโยชน์ต่อผู้อื่นเลย เจ้าคิดเพียงอย่างเดียวคือนำความสำเร็จเข้าตัว และยิ่งไปกว่านั้นเจ้าจงใจใช้ช่องโหว่ของกฎสวรรค์และโลกเพื่อพิสูจน์เต๋าของเจ้า ใช้ชีวิตของสรรพชีวิตทั้งหลายเป็นดั่งเชื้อเพลิงในการสร้างตัวตนของเจ้า จนท้ายที่สุดผลลัพธ์มันกลายเป็นว่าภูมิภาคอี้ซางไม่มีกฎของสวรรค์และโลกหลงเหลืออยู่เลย”
“ข้าไม่แน่ใจว่าคนอื่นจะว่ายังไง แต่ข้าคงต้องบอกกับเจ้าว่าข้าไม่เห็นด้วยกับเจ้าแน่นอน ในชีวิตนี้ข้ามีคนที่ข้ารักมากมายให้ปกป้อง ซึ่งข้าจะไม่ยินยอมให้เจ้าใช้พวกเขาเป็นเชื้อเพลิงของเจ้าแน่นอน”
“เจ้าคิดว่าเจ้ามีปัญญาหยุดข้างั้นเหรอ?” พระโพธิสัตว์แห่งภูมิภาคอี้ซางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเย้ยหยัน
“ข้าคิดว่าข้ามี!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “หากเจ้ายังคงมีร่างกายของเจ้าอยู่ ข้าคงจะทำอะไรเจ้าไม่ได้และทำได้แค่หลีกทางให้เจ้าเพียงอย่างเดียว แต่ตอนนี้เจ้าเหลือแค่เจตจำนง ซึ่งบนโลกนี้สิ่งที่ข้ากลัวน้อยที่สุดก็คือเจตจำนงของผู้อื่น!”
พระโพธิสัตว์แห่งภูมิภาคอี้ซางหัวเราะอย่างเย็นชา “ข้าอุตส่าห์ใจดีอนุญาตให้เจ้าเดินจากไปพร้อมกับประโยชน์โดยไร้ขีดข่วน แต่เจ้ากลับยังดึงดันจะขวางทางข้าให้ได้ ถ้างั้นข้าคงต้องถือว่าเจ้าเป็นอุปสรรคของข้าที่ข้าจะเป็นต้องกำจัด และถึงแม้ว่าข้าจะเหลือแค่เจตจำนง แต่เจ้าเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่หลวง ซึ่งก็คือระดับการบ่มเพาะ มันทำให้ข้าคิดวิธีได้เป็นร้อยอย่างในการจัดการกับเจ้า!”
เมื่อสิ้นเสียงของพระโพธิสัตว์แห่งภูมิภาคอี้ซาง พลังวิญญาณจำนวนมหาศาลที่สถิตในภูมิภาคอี้ซางก็หลั่งไหลเข้าไปในร่างของเหล่าสิ่งมีชีวิตที่ถูกโจวจื่อซินสังหารไป ส่งผลให้ภายในพริบตาสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่ตายไปแล้วก็เริ่มฟื้นคืนชีพขึ้นมา
อันที่จริงไม่ใช่แค่เพียงฟื้นคืนชีพขึ้นมาเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดกลับพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก
แค่ในเวลาเพียงช่วงสั้น ๆ สิ่งมีชีวิตจำนวนมากก็กลายเป็นตัวตนขอบเขตจักรพรรดิ และยิ่งไปกว่านั้นยังมีอีกจำนวนไม่น้อยที่กลายเป็นตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด
ในเวลานี้พระโพธิสัตว์แห่งภูมิภาคอี้ซางพยายามทุ่มสุดตัวเพื่อฆ่าหลิงตู้ฉิงให้ได้ ไม่เช่นนั้นการเตรียมการที่ผ่านมาทั้งหมดจะกลายเป็นสูญเปล่าทันที
แน่นอนว่าเขาจงใจใช้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในภูมิภาคอี้ซางรุมบดขยี้หลิงตู้ฉิงให้เละเป็นโจ๊ก
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงยิ้มและเอ่ยขึ้นว่า “โชคดีที่ข้าเตรียมตัวมาพร้อม!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ปลดปล่อยศพยักษ์เทวะทั้งสี่ออกจากแหวนมิติทันที และสั่งให้พวกมันขยายร่างจนสูงหลายพันเมตร
ศพยักษ์เทวะทั้งสี่ไม่รอช้า พวกมันใช้ทั้งมือขนาดมโหฬารและท่อนแขนทั้งสองข้างของพวกมันกวาดทำลายบรรดาสิ่งมีชีวิตของภูมิภาคอี้ซาง
ด้วยความแข็งแกร่งของเหล่าศพยักษ์เทวะ จึงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่ปะทะเข้ากับการโจมตีของพวกมันแล้วรอดไปได้สักราย เหยื่อของเหล่าศพยักษ์เทวะร่างแตกสลายหายเป็นฝุ่นผงทันทีหลังจากการปะทะ
แค่เวลาเพียงชั่วพริบตา บรรดาสิ่งมีชีวิตที่เพิ่งถูกทำให้ฟื้นชีพก็ตายลงจนหมดไม่มีเหลือ ซึ่งมันทำให้พระโพธิสัตว์แห่งภูมิภาคอี้ซางเดือดดาลเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่เขาเองก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อเหมือนกันเมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งของศพยักษ์เหล่านี้
อย่างไรก็ตาม เขาจะปล่อยให้หลิงตู้ฉิงทำเช่นนี้ต่อไปก็ไม่ได้เพราะขืนเรื่องยังคงดำเนินไปแบบนี้อีกแผนการทั้งหลายของเขาคงถึงจุดจบแน่ ๆ
พระโพธิสัตว์แห่งภูมิภาคอี้ซางคิดแผนอยู่ได้สักพัก จากนั้นเขาตะโกนขึ้นว่า “ข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่าเจ้าจะฆ่าไปได้อีกนานแค่ไหนกัน!”
เมื่อพูดจบเขาใช้เจตจำนงของตัวเองส่งโองการไปหาเหล่าหลวงจีนและแม่ชีทั้งหมดที่อยู่ในภูมิภาคอี้ซางให้มุ่งหน้ามาหาเขาทันที พร้อมกันนั้นเขายังไม่ลืมที่จะคืนชีพสิ่งมีชีวิตรอบ ๆ ให้มาก่อกวนหลิงตู้ฉิงต่อไป
โองการนั้นสั้น ๆ ง่าย ๆ ก็คือ เขาขอให้ทุกคนร่วมมือกันกำจัดมารร้ายที่กำลังจะทำลายล้างโลกของพวกเขา!
แน่นอนว่าเมื่อได้เห็นโองการเช่นนี้ที่มาจากศาสดาของตนเอง เหล่าแม่ชีและหลวงจีนทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคอี้ซางก็รีบโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยสีหน้ามุ่งมั่นและยิ่งไปกว่านั้นเมื่อจู่ ๆ ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาทะลวงขึ้นไปถึงขอบเขตมหาจักรพรรดิ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกฮึกเหิมมากเข้าไปใหญ่กับการปราบมารร้าย
และด้วยการชี้นำของพระโพธิสัตว์แห่งภูมิภาคอี้ซาง ในระหว่างที่เหล่าแม่ชีและหลวงจีนจำนวนมหาศาลกำลังบินเข้ามาปราบหลิงตู้ฉิง พวกเขาทั้งหมดต่างก็เริ่มผสานพลังกันเพื่อใช้มหาค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมทั่วทั้งภูมิภาคอี้ซาง
มหาค่ายกลศักดิ์สิทธิ์นี้มีรูปร่างคล้ายกับหม้อยักษ์ในใหญ่ที่กำลังครอบภูมิภาคอี้ซางทั้งหมดอยู่
ในเวลาเดียวกัน หลิงตู้ฉิงไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าตอนนี้ภัยกำลังมาเยือนเขาแล้ว เขายังคงง่วนอยู่กับการบังคับให้เหล่าศพยักษ์เทวะทั้งสี่ไล่สังหารคนที่เกิดใหม่ไปเรื่อย ๆ