พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 935 ชำระล้างสำนักวิญญาณโลหิต
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกลายร่างเป็นหมอกเลือดได้แบบนี้ ผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนก็ไม่อาจระงับร่างของตัวเองที่สั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวได้เพราะสิ่งที่เขาเห็นมันคือทักษะเดียวกับที่เขาใช้ ซึ่งมันคือทักษะของเทพโลหิตที่จำเป็นต้องมีความเข้าใจในเต๋าแห่งโลหิตถึงระดับสูงสุด!
ในตอนนี้เขาเองก็ใช้เต๋าแบบเดียวกัน ดังนั้นต่อให้เขาจะโจมตีหลิงตู้ฉิงแบบไหนมันก็จะไม่ได้ผล
เสียงของหลิงตู้ฉิงดังขึ้นทั่วบริเวณว่า “ถึงแม้ว่าเทพโลหิตของเจ้าจะตายด้วยน้ำมือข้า แต่ข้ากับเขาก็สู้กันอย่างยุติธรรม ซึ่งมันทำให้ข้านับถือเขาในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่น่ายกย่องคนหนึ่ง ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาคิดแค้นเคืองข้าและต้องการคิดบัญชีกับข้า เจ้าไม่คิดบ้างเหรอว่าการกระทำของเจ้าในตอนนี้มันไร้สาระสิ้นดี?”
“แต่ก็ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าอยากจะลองดีกับข้านัก งั้นข้าก็จะสนองให้และหลังจากนี้เมื่อข้าขึ้นไปโลกเบื้องบน เจ้าจงซ่อนตัวจากข้าให้ดี ๆ ก็แล้วกัน เพราะเมื่อไหร่ที่ข้าเห็นหน้าเจ้าอีกรอบ ข้าจะทำลายทั้งร่างและวิญญาณของเจ้าให้สิ้นซาก เอาล่ะตอนนี้ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้าสักครั้งเพื่อที่เจ้าจะได้หลาบจำเอาไว้ วิชามหาเวทย์สูบโลหิต!”
เมื่อพูดจบ ร่างของหลิงตู้ฉิงปรากฏขึ้นอีกครั้งบนท้องฟ้าเหนือสำนักวิญญาณโลหิต และด้วยอำนาจของวิชามหาเวทย์สูบโลหิต มวลเลือดทั้งหมดที่มีอยู่ในอาณาเขตวิญญาณโลหิตยกเว้นจากในร่างของสิ่งมีชีวิตถูกดูดอย่างบ้าคลั่งรวมเข้ามาอยู่ในอุ้งมือของหลิงตู้ฉิง
ในเวลานี้เลือดและหมอกเลือดทั้งหลายต่างถูกดูดเข้ามารวมอยู่ในอุ้งมือของหลิงตู้ฉิงจนกลายเป็นลูกแก้วโลหิตขนาดเท่ากับผลส้ม
ทางด้านของเว่ยกวนที่บ่มเพาะวิชาเงาโลหิตศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้เมื่อเลือดที่คอยเกื้อหนุนร่างเงาของเขาถูกสูบออกไป ร่างแท้จริงที่เป็นมนุษย์ของเขาก็ปรากฏขึ้นไม่ต่างกับผู้ส่งสาสน์ที่มาจากโลกเบื้องบน ซึ่งร่างมนุษย์ของเขาก็ถูกเปิดเผยเช่นกัน
ลูกแก้วโลหิตที่อยู่ในมือของหลิงตู้ฉิงขยายขนาดขึ้นเรื่อย ๆ อย่างบ้าคลั่ง จนผ่านไปสักพักมันก็มีขนาดเท่าแตงโมและจากสีที่แดงฉานก็ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นคล้ำจนเกือบจะเป็นสีดำ ซึ่งในเวลาเดียวกันกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งไปทั่วอาณาเขตวิญญาณโลหิตก็เริ่มจางหายไป
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ผู้ส่งสาสน์ของสำนักวิญญาณโลหิตด้วยสายตาเย็นชา และพูดว่า “ตอนแรกข้าคิดว่าจะให้โอกาสคนของเจ้ารอดชีวิตสักหน่อย แต่เจ้าและพวกเขาทำเรื่องงามหน้าเอาไว้พอสมควรเลย ผู้คนและสิ่งมีชีวิตเกือบทั้งหมดที่มีอยู่ในอาณาเขตวิญญาณโลหิตโดนเจ้าและคนของเจ้าสูบเลือดไปจนหมด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าคงใจดีกับพวกเจ้าไม่ได้อีกต่อไป เอาล่ะงั้นข้าขอเริ่มจากเจ้าก่อนเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!”
ผู้ส่งสาสน์ของสำนักวิญญาณโลหิตรีบตะโกนขึ้นทันที “ช้าก่อนผู้อาวุโส! โปรดเห็นแก่บรรพบุรุษของข้าที่ท่านชื่นชม โปรดให้โอกาสข้าอีกสักครั้งเถอะ!”
เมื่อเขาเห็นว่าหลิงตู้ฉิงสามารถใช้ทักษะของเทพโลหิตได้แถมยังใช้ได้ในระดับที่สูงกว่าของเขา เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอ้อนวอนขอความเมตตา
อันที่จริงเหล่าผู้ส่งสาสน์ที่มาจากโลกเบื้องบนจำนวนมากล้วนมีความคิดคล้าย ๆ กับจางซิงอี้ ซึ่งก็คือพวกเขาคิดว่าความทรงจำของหลิงตู้ฉิงน่าจะฟื้นคืนมาไม่สมบูรณ์ เพราะบรรดาผู้คนที่ล้มเหลวในการพิสูจน์เต๋าแทบทั้งหมดจะไม่สามารถเกิดใหม่ได้หรือถ้าเกิดใหม่ได้พวกเขาก็จะมีข้อบกพร่องหลายอย่าง
ดังนั้นตอนนี้เมื่อเขารู้แล้วว่าความทรงจำของหลิงตู้ฉิงนั้นสมบูรณ์เหมือนเดิม เขาจึงไม่กล้าต่อกรกับหลิงตู้ฉิงอีกต่อไป
“ไม่ใช่ว่าข้าให้โอกาสเจ้าไปแล้วเหรอ?” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “หากร่างหลักของเจ้าไม่มาเจอข้า ข้าก็จะไม่ฆ่าเจ้า นี่คือโอกาสที่ข้ามอบให้แต่สำหรับร่างแยกของเจ้านั้นข้าคงต้องขอเอาไว้!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ดูดร่างแยกของผู้ส่งสาสน์ของสำนักวิญญาณโลหิตให้เข้ามารวมอยู่ในลูกแก้ว จากนั้นเขาลบจิตสำนึกที่อยู่ในร่างแยกออกเหลือไว้แค่เพียงพลังวิญญาณบริสุทธิ์และพลังของเต๋าที่สถิตอยู่ในร่างแยก
แน่นอนว่าลูกแก้วนี้ที่หลิงตู้ฉิงสร้างขึ้น เขาตั้งใจจะมอบมันให้หมิงยู่ดูดซับเพื่อที่ในอนาคตนางจะได้กลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าได้อย่างราบรื่น
ทางด้านของเว่ยกวน และผู้คนของสำนักวิญญาณโลหิตต่างตัวสั่นงันงกกันด้วยความกลัว พวกเขาต่างรีบคุกเข่าลงเพื่อร้องขอความเมตตา
แม้แต่ผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนของพวกเขายังตายอย่างง่ายดาย แล้วพวกเขาจะเอาปัญญาที่ไหนมาต่อกรกับเทพมรณะผู้นี้?
“ผู้อาวุโสได้โปรดละเว้นพวกเราสักครั้งเถอะ! นับจากนี้พวกเราขอสาบานว่าจะเชื่อฟังคำสั่งของท่านแค่เพียงผู้เดียว และจะไม่ทรยศท่านอีกแน่นอน!” เว่ยกวนคุกเข่าขอร้องด้วยความกลัว
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ผู้คนของสำนักวิญญาณโลหิตด้วยสายตาเย็นชา และพูดว่า “ต่อจากนี้ชะตากรรมของพวกเจ้าจะอยู่หรือว่าจะตายมันขึ้นอยู่กับการกระทำของพวกเจ้าที่เคยได้ทำลงไปก่อนหน้านี้!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงโยนลูกแก้วโลหิตขึ้นไปบนฟ้าและตะโกนว่า “ผู้ใดก็ตามที่มีส่วนทำให้ลูกแก้วนี้ถูกเติมเต็มด้วยเลือด มันผู้นั้นต้องมาอยู่ในลูกแก้วนี้เช่นกัน!”
ลูกแก้วโลหิตพุ่งไปสังหารเหล่าผู้คนของสำนักวิญญาณโลหิตทันที
ลูกแก้วโลหิตนี้ถูกสร้างขึ้นจากมวลเลือดที่กระจัดกระจายอยู่เต็มอาณาเขตวิญญาณโลหิต ซึ่งเลือดเหล่านั้นคือเลือดของบรรดาผู้คนและสิ่งมีชีวิตทั้งหลายจำนวนนับไม่ถ้วนที่คนของสำนักวิญญาณโลหิตสังหารไปเพื่อนำเลือดของพวกเขามาบ่มเพาะ ดังนั้นลูกแก้วจึงรู้ได้ทันทีว่าใครบ้างที่มีส่วนทำให้เลือดที่อยู่ในมันเกิดขึ้น มันจึงตามสังหารผู้คนเหล่านั้นแบบไม่ผิดตัวเลย
เล้งหยวนเป็นคนแรกที่โดนสูบก่อนโดยที่เขาไม่อาจต่อต้านได้ และจากนั้นคนถัดมาก็เป็นเว่ยกวน และต่อไปก็เป็นบรรผู้คนของสำนักวิญญาณโลหิตทั้งหลาย ซึ่งพบว่าทั้งร่างกายและวิญญาณของพวกเขาถูกลูกแก้วโลหิตดูดไปโดยที่พวกเขาจะไม่รู้ตัว
หลังจากผ่านไปไม่นาน ลูกแก้วโลหิตก็บินกลับไปหามือของหลิงตู้ฉิง ซึ่งทั้งสำนักวิญญาณโลหิตตอนนี้มีแค่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่
หลิงตู้ฉิงมองไปที่หนิงฉิง ซึ่งกำลังยืนอยู่คนเดียวกลางสำนักวิญญาณโลหิตด้วยอาการสั่นกลัวและพูดว่า “ที่เจ้ารอดได้นั้นเป็นเพราะเจ้าสาบานเอาไว้ว่าจะเชื่อฟังคำสั่งทุกอย่างของหมิงยู่แท้ ๆ ซึ่งนางก็สั่งให้เจ้าไม่ให้มีส่วนร่วมด้วย เจ้านี่ช่างโชคดีจริง ๆ เอาล่ะในเมื่อเป็นเช่นนี้ นับจากนี้ไปเจ้าก็จงติดตามหมิงยู่ต่อไป และช่วยนางสืบทอดมรดกของสำนักวิญญาณโลหิตให้คงอยู่สืบไปในอนาคต และจงจำภาพเหตุการณ์วันนี้เอาไว้ให้ดี ๆ ด้วยเพื่อที่ในอนาคตเจ้าจะได้เตือนคนในสำนักของเจ้าไม่ให้ทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้อีก”
หนิงฉิงรีบคุกเข่าคารวะทันทีโดยที่ไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำเพราะหมดแรงจากอาการหวาดกลัว
แน่นอนว่าสิ่งที่หลิงตู้ฉิงพูดเอาไว้ว่านางรอดได้เพราะคำสั่งห้ามของหมิงยู่นั้นเป็นเรื่องจริง เพราะถ้าหากนางไม่ได้ทำสัญญาสวรรค์กับหมิงยู่เอาไว้ว่าจะเชื่อฟังทุกอย่าง ป่านนี้นางก็คงได้เข้าไปอยู่ในลูกแก้วโลหิตเรียบร้อยแล้ว
ในตอนนี้เมื่อนางมองไปรอบ ๆ กาย ซึ่งไม่มีใครหลงเหลืออยู่เลย นางก็ได้เข้าใจว่าแท้จริงแล้วพวกนางนั้นอ่อนแอสักแค่ไหนเมื่ออยู่ต่อหน้าเทพมรณะผู้นี้
เมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงตู้ฉิง คนร่วมสำนักของนางก็ไม่ต่างอะไรกับเหล่าผู้คนธรรมดาที่พวกของนางฆ่าไป
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็กลับไปหาหมิงยู่พร้อมกับมอบลูกแก้วโลหิตให้นาง และพูดว่า “สิ่งนี้จะช่วยให้เจ้ากลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าเร็วขึ้น”
หมิงยู่ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ขอบคุณนายท่าน ข้าไม่นึกเลยว่าสุดท้ายสำนักของข้าจะกลายเป็นแบบนี้”
“ช่างเถอะนับจากนี้ต่อไปทุกอย่างมันจะขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ตอนนี้สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือกลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าให้เร็วที่สุดเพื่อที่เจ้าจะได้ย้ายสำนักไปอยู่ที่เขตแดนอุดรทมิฬได้ ไม่เช่นนั้นไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องถูกมนุษย์ทั้งหลายตามมาล้างแค้นแน่นอน”
“ทราบแล้วนายท่าน!” หมิงยู่พยักหน้า
หลิงตู้ฉิงทำลายม่านพลังที่ปิดล้อมทะเลโลหิตทั้งหมดก่อนที่จะพูดกับหมิงยู่ว่า “เอาล่ะข้าไปก่อนล่ะ”
“นายท่าน ท่านยังต้องการร่างโลหิตอมตะของข้าอีกไหม?” หมิงยู่รีบถามขึ้นรั้งเขาไว้
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “แบ่งมาให้ข้าร่างหนึ่งเพื่อที่เจ้าจะได้อยู่ข้างกายข้าตลอดเวลา”
จากนั้นหมิงยู่ก็ส่งร่างโลหิตอมตะของนางร่างหนึ่งหลอมรวมเข้าไปในร่างของหลิงตู้ฉิง จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็บินกลับไปที่สำนักกระบี่เอกภพเพื่อใช้ประตูเคลื่อนย้ายเดินทางไปที่ตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน ซึ่งจุดหมายถัดไปของเขาก็คือสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอยู่ไม่ไกล