พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 952 ผู้ชนะย่อมได้ทุกอย่าง
เมื่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิขั้นต้นก้าวออกมา หลิงยู่ชานออกหมัดธรรมดา ๆ อัดใส่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิขั้นต้นผู้นั้นทันที
แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิขั้นต้นผู้นั้นไม่อาจต้านทานหมัดของหลิงยู่ชานได้แม้แต่น้อย ร่างของเขากระเด็นลอยไปไกลราวกับว่าวที่สายป่านขาด
หมัดนี้ หลิงยู่ชานออกแรงเพียงแค่ห้าในสิบส่วนเท่านั้น ไม่เช่นนั้นหากเขาออกแรงเต็มที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิขั้นต้นคงร่างระเบิดไปแล้ว ต้องรู้ไว้ว่าตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของหลิงยู่ชานเพิ่มขึ้นมาอีกระดับ ซึ่งถึงแม้เพียงระดับเดียวแต่ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มมากขึ้นกว่าตอนสู้กับเทียนเก๋อหลายเท่าตัว
ทางด้านของกลุ่มผู้สนับสนุนเทียนเก๋อ เมื่อเห็นเช่นนี้บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิขั้นต้นก็ไม่กล้าเสนอหน้าออกมากันอีก เพราะผลลัพธ์มันเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิขั้นต้นนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงยู่ชานเลย
จากนั้นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิขั้นสูงผู้หนึ่งก้าวออกมา และพูดกับหลิงยู่ชานว่า “ข้าขอเป็นคนต่อไป หากเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ ในอนาคตข้าจะยอมทำตามคำสั่งของเจ้าทุกอย่างโดยไม่มีเงื่อนไข แต่ข้าขอเตือนเอาไว้ก่อนว่าข้าจะไม่ออมมือให้เจ้าแม้แต่น้อย!”
หลิงยู่ชานหัวเราะและตอบกลับ “คนที่จะออมมือมีแต่ข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น ไม่ใช่เจ้า เข้ามาได้เลย!”
แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิขั้นสูง ในตอนนี้หลิงยู่ชานก็มีความมั่นใจว่าเขาสามารถเอาชนะได้
เนื่องจากหมัดที่สองที่เขาบรรลุ หมัดทลายสรรพสิ่ง นั้นทำให้เขามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ทางด้านของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิขั้นสูง ถึงแม้ว่าเขาบอกว่าจะไม่ออมมือ แต่เขาก็ไม่ได้ใช้พลังอื่น ๆ ของเขา เขาทำแค่โคจรพลังวิญญาณของเขาไปที่หมัดของตนเองและเข้าปะทะกับหลิงยู่ชานตรง ๆ โดยไม่ใช้ลูกเล่นใด ๆ
ไม่ว่าจะเป็นยังไงพวกเขาก็คือคนตระกูลเดียวกัน ดังนั้นหากไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นเขาก็ไม่ต้องการจะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บล้มตาย
อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิขั้นสูงโจมตี หลิงยู่ชานตะโกนขึ้นทันที “หมัดทลายสรรพสิ่ง!”
เมื่อเผชิญกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิขั้นสูง หลิงยู่ชานไม่กล้าประมาทเช่นกัน เขาเลือกใช้หมัดทลายสรรพสิ่งในการเข้าต่อกรทันที
ในสายตาของคนภายนอกมันดูเหมือนว่าหลิงยู่ชานปล่อยหมัดออกไปเพียงหมัดเดียว แต่จริง ๆ แล้วหลิงยู่ชานปล่อยหมัดออกไปถึง 9 หมัดติดต่อกัน
เมื่อหมัดของคนทั้งคู่ปะทะกัน เสียงระเบิดดังสนั่นก็ดังขึ้นพร้อมกับพื้นดินบริเวณรอบ ๆ ก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยง ๆ ราวกับกระจก
ผลลัพธ์หลังจากการปะทะก็คือร่างของทั้งสองฝ่ายต่างกระเด็นถอยออกไปพร้อม ๆ กัน
เมื่อได้เห็นผลลัพธ์เช่นนี้ บรรดากลุ่มคนที่สนับสนุนเทียนเก๋อก็เงียบลง
คนที่มีระดับการบ่มเพาะแค่ระดับสวรรค์สมบูรณ์ แต่สามารถสู้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิขั้นสูงได้โดยที่ไม่เสียเปรียบ คนเช่นนี้ยังมีคุณสมบัติไม่พอให้พวกเขาติดตามอีกงั้นเหรอ?
แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิขั้นสูงที่เพิ่งปะทะกับหลิงยู่ชานไปหมาด ๆ เมื่อเขาพลิกตัวกลับมาตั้งหลักได้ สีหน้าของเขาไม่เพียงแต่ไม่มีร่องรอยของความขุ่นเคืองแต่เขากลับแสดงสีหน้าพึงพอใจและพูดว่า “สมแล้วจริง ๆ ที่เจ้าสามารถเอาชนะนายน้อยของข้าได้ สามารถปล่อยหมัดได้ในพริบตาถึง 18 หมัด เจ้าช่างมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ข้า เทียนเก๋า ขอรักษาคำพูดของข้าเอง นับจากนี้ข้าจะสนับสนุนเจ้าทุกทางเพื่อให้เจ้าได้เป็นผู้นำของสันเขาทรราชคนต่อไป ว่าแต่ข้ามีเรื่องสงสัยอยากถามสักข้อหนึ่ง 18 หมัดนี้ถึงขีดจำกัดของเจ้ารึยัง?”
หลิงยู่ชานยิ้มและตอบกลับ “หมัดนี้เมื่อตอนที่ข้าใช้กับเทียนเก๋อ ข้าสามารถปล่อยออกไปได้ 72 หมัด แต่สำหรับผู้อาวุโสทั้งความเร็วที่ท่านใช้โจมตีข้าและแรงกดดันของท่านที่มีต่อข้านั้นแตกต่างกับของเทียนเก๋อมาก ดังนั้นข้าคงปล่อยหมัดสวนได้ไม่ถึง 72 หมัดแน่ อย่างมากที่สุดถ้าข้าทุ่มแรงจนเกินขีดจำกัดมันอาจจะอยู่ที่ราว ๆ ไม่เกิน 15 หมัด ซึ่งมากกว่าเดิมอีก 6 จากที่ปล่อยไปเมื่อครู่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เทียนเก๋าและคนอื่น ๆ ต่างอึ้งไปตาม ๆ กัน
ขนาด 9 หมัดยังผลักดันให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิขั้นสูงถอยไปขนาดนี้แล้ว 15 หมัดมันจะเป็นยังไงกัน?
เมื่อเห็นเช่นนี้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดผู้หนึ่งก็ทนไม่ไหว เขาก้าวออกมาและพูดว่า “ยู่ชาน ข้าจะขอลองความรุนแรงของหมัดเจ้าสักหน่อย ข้าจะไม่ตอบโต้เจ้า ส่วนเจ้าเองก็ปล่อยหมัดของเจ้ามาที่ข้าอย่างเต็มที่ได้เลย ให้ข้าได้เห็นว่าขีดจำกัดของเจ้าจริง ๆ แล้วมีมากถึงขนาดไหนและเจ้าไม่ต้องห่วงความปลอดภัยของข้า ร่างของข้าในตอนนี้ข้าได้ขัดเกลาจนมันกลายเป็นร่างระดับศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว หากเจ้าสามารถต่อยข้าจนตายได้ ต่อให้อยู่ในยมโลกข้าก็จะหัวเราะด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขที่สันเขาทรราชของข้ามีอัจฉริยะอย่างเจ้าเป็นผู้นำ!”
หากหลิงยู่ชานต่อยเขาให้ตายได้ มันจะหมายความว่าในโลกเบื้องล่างนี้ไม่มีใครที่สามารถต่อกรกับหลิงยู่ชานได้แน่นอน ขนาดระดับสวรรค์สมบูรณ์ยังแข็งแกร่งขนาดนี้แล้วเมื่อกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิจะแข็งแกร่งขนาดไหน?
หลิงยู่ชานสูดหายใจเข้าลึกจากนั้นเขาพูดว่า “ถ้างั้นผู้อาวุโสโปรดระวังตัวด้วย!”
เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าขีดจำกัดของเขาเองมันอยู่ตรงไหน
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดพยักหน้า “ถ้าเจ้าพร้อมเมื่อไหร่ เจ้าลงมือได้เลยไม่จำเป็นต้องยั้งมือใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าเจ้าทำให้ข้าตายได้ข้าจะยินดีเป็นที่สุด!”
หลิงยู่ชานพยักหน้า จากนั้นเขารวบรวมสมาธิอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะค่อย ๆ ปล่อยหมัดของเขาอัดเข้าไปที่ร่างของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดจนเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องดังออกไปหลายร้อยกิโลเมตร
ผลลัพธ์หลังจากการปะทะก็คือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แต่ที่หน้าอกของเขามีรอยยุบจากหมัดลึกลงไปเกือบ 1 นิ้ว
“84 หมัด!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดพยักหน้าให้กับหลิงยู่ชานด้วยสีหน้าพึงพอใจ และพูดว่า “ถ้าหากเจ้าทะลวงขึ้นไปอยู่ขอบเขตราชันเมื่อไหร่ และสามารถปล่อย 84 หมัดนี้ใส่ข้าได้เหมือนเดิม ร่างศักดิ์สิทธิ์ของข้าคงทนไม่ไหวและระเบิดออกแน่นอน”
อันที่จริงมีสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดไม่ได้เอ่ยออกมาอีกอย่างก็คือ ถ้าหากหลิงยู่ชานทะลวงขึ้นไปถึงขอบเขตราชันแล้วหมัดที่เขาจะปล่อยออกมาได้มันก็ต้องมากกว่าเดิมจริงไหม?
ในเวลานี้กลุ่มคนที่สนับสนุนเทียนเก๋อต่างมองไปที่เทียนเก๋อด้วยสายตาเวทนา
ตอนนี้มันเห็นได้อย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าระหว่างสองคนนี้ ใครขึ้นเป็นผู้นำของสันเขาทรราชมันจะดีกว่ากัน
ทางด้านของเทียนเก๋อ เมื่อเขาเห็นสายตาของผู้คนที่มองมายังเขา เขาก็ทำได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น
มีพรสวรรค์แล้วยังไง? มีรากฐานการบ่มเพาะขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 14 แล้วยังไง? ถึงแม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์ขนาดนี้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์ประหลาดเช่น หลิงยู่ชาน เขามันก็ไม่มีค่าอะไรเลย
ฝั่งตรงข้ามของเขานั้นแข็งแกร่งเกินไปจนเขามองไม่มีหวังที่จะเทียบเคียงอะไรได้
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะมั่นใจว่าตัวของเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่คิดว่าเขาจะสามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดมีรอยยุบที่กลางอกแบบที่หลิงยู่ชานทำได้
เทียนเก๋อยืนครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนที่เขาจะถอนหายใจและพูดว่า “ข้าหวังว่าอนาคตของสันเขาทรราชนับจากนี้จะมีแต่ความรุ่งเรืองยิ่งขึ้น ส่วนตัวข้านั้นขอไปเกิดใหม่เพื่อมีโอกาสของตนเองในยุคหน้าก็แล้วกัน”
หลังจากพูดจบ เทียนเก๋อก็ฆ่าตัวตายทันที
เทียนซ่งส่ายหัวด้วยสีหน้าเศร้าหมองเมื่อเห็นว่าสุดยอดอัจฉริยะของเขาต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้ จากนั้นเขาถอนหายใจและพูดกับหลิงยู่ชานว่า “นับจากนี้อนาคตของสันเขาทรราชอยู่ในมือของเจ้าแล้ว!”
เมื่อพูดจบ เทียนซ่งกลับเข้าไปในเมืองด้วยสีหน้าเศร้าหมอง แต่ในใจของเขาก็รู้สึกปลอดโปร่งไปหลายส่วนเพราะเขารู้ดีว่าหลิงยู่ชานนั้นรักสันเขาทรราชเช่นกัน ดังนั้นภายใต้การนำของหลิงยู่ชาน สันเขาทรราชจะต้องมีอนาคตที่ดีแน่นอน
หลิงยู่ชานมองไปที่ศพของเทียนเก๋อพลางถอนหายใจ จากนั้นเขาสั่งให้ผู้ติดตามของเขาเองนำศพของเทียนเก๋อไปฝังให้สมเกียรติ
‘นับจากนี้ข้าจะทำให้สันเขาทรราชเท่านั้นที่มีสิทธิ์ใช้แซ่เทียน และสามารถเรียกตัวเองได้อย่างเต็มปากว่าเป็นทายาทแห่งสวรรค์อย่างแท้จริง!’ หลิงยู่ชานพูดกับตัวเอง
ด้วยสายเลือดของเขาที่เกิดจากสวรรค์ตามคำบอกเล่าของหลิงตู้ฉิง เขาจึงมั่นใจว่าในอนาคตเขาจะสามารถใช้สายเลือดของเขาเปลี่ยนทุกคนที่อยู่ในสันเขาทรราชให้กลายเป็นทายาทแห่งสวรรค์ที่แท้จริงได้แน่นอน
หลิงยี่เทียน ซึ่งกำลังดูอยู่ไม่ห่างเมื่อเห็นว่าหลิงยู่ชานกลายเป็นผู้นำของสันเขาทรราชได้อย่างเต็มตัวแล้ว เขาจึงเดินเข้ามาหาทันทีและพูดว่า “พี่ใหญ่ข้าขอแสดงความยินดีด้วย! ก่อนหน้านี้ท่านพ่อได้ฝากฝังข้าให้มอบบางสิ่งให้กับท่านหลังจากที่ท่านกลายเป็นผู้นำของสันเขาทราราชได้สำเร็จ ตอนนี้เมื่อท่านกลายเป็นผู้นำของสันเขาทรรราชแล้วข้าขอมอบมันให้กับท่านเลยก็แล้วกัน!”
“ท่านพ่อได้จับจองอาณาเขตขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอี้ซางไว้ให้ท่านเรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้ นับจากนี้หากท่านพร้อมเมื่อไหร่ ท่านสั่งให้คนของท่านใช้ประตูเคลื่อนย้ายของท่านเดินทางไปตามตำแหน่งนี้ที่อยู่ในภูมิภาคอี้ซางได้เลย ที่นั่นมีทรัพยากรบ่มเพาะจำนวนมหาศาลรอให้ท่านไปเก็บเกี่ยวอยู่และอีกอย่างท่านพ่อฝากให้ข้ามอบอาวุธชิ้นนี้ให้ท่านด้วย มันคืออาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด ค้อนเขย่าสวรรค์!”
เมื่อพูดจบ หลิงยี่เทียนมอบค้อนเขย่าสวรรค์และพิกัดที่ตั้งของอาณาเขตในภูมิภาคอี้ซางที่หลิงตู้ฉิงได้เลือกเอาไว้ให้หลิงยู่ชาน แถมยังสร้างประตูเคลื่อนย้ายเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
หลิงยู่ชานหัวเราะ “ขอบใจมากน้องหก นับจากนี้สันเขาทรราชขอบงข้าจะกลับมาเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรของเจ้าเหมือนเดิม!”
อันที่จริงหลิงยู่ชานรู้อยู่ว่าถ้าหากพ่อของเขาจะมอบอะไรบางอย่างให้กับเขา เขาคงจะไม่ต้องรอถึงตอนนี้ เขารู้ได้อย่างชัดเจนว่าหลิงยี่เทียนจงใจถ่วงเวลามามอบให้เขาตอนนี้เป็นเพราะต้องการทำมันต่อหน้ากลุ่มคนของสันเขาทรราช เพื่อทำให้ตำแหน่งผู้นำของเขามั่นคงยิ่งขึ้น