พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 957 สิ่งที่ซ่อนอยู่ในตำหนักดับเซียน
ด้วยข้อมูลที่หลิงตู้ฉิงสืบเสาะมาหลายปีและใช้เวลาบินลัดเลาะอยู่ในเหวมรณะเกือบ 10 ปี ในที่สุดเขาก็เจอเข้ากับที่ซ่อนของตำหนักดับเซียน ซึ่งซ่อนอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของเหวมรณะแห่งหนึ่ง
หลิงตู้ฉิงมองไปที่หลุมดำขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าพลางส่ายหัว “ไม่เลวเลยจริง ๆ ที่สามารถหาที่ซ่อนดี ๆ แบบนี้ได้”
ในระหว่างที่เขาค่อย ๆ บินเข้าไปใกล้ปากหลุมดำมากขึ้น จู่ ๆ หลุมดำกลับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงพร้อมกันนั้นเสียงหนึ่งก็ดังออกมาจากหลุมดำ “แขกผู้มีเกียรติของข้า ข้าขอเชิญท่านเข้ามาได้เลย”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและเดินเข้าไปในหลุมดำด้วยสีหน้ามั่นใจพร้อมกับตอบกลับ “การมาของข้าไม่ใช่เรื่องดีอย่างที่เจ้าคิดหรอก”
เมื่อเขาเดินผ่านหลุมดำเข้าไป หลิงตู้ฉิงก็รู้ว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่อยู่ในหลุมดำคือโลกจำลองขนาดใหญ่อีก 1 ใบ ซึ่งมีผู้คนอาศัยอยู่ไม่น้อย
เมื่อเข้าไป หลิงตู้ฉิงก็ได้พบว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ด้านในนั้นมีจำนวนมากที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด และยิ่งไปกว่านั้นยังมีพวกอสูรขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน ทั้งคนและอสูรเหล่านี้ต่างมีกลิ่นอายสังหารที่รุนแรงเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตใด ๆ ในโลกจะมีได้ และตอนนี้พวกเขาต่างก็ออกมายืนรอหลิงตู้ฉิงกันอย่างพร้อมเพรียง
ทั้งคนและอสูรเหล่านี้ต่างจ้องมาที่หลิงตู้ฉิงอย่างไม่วางตา ในกลุ่มคนเหล่านี้มีคนที่หลิงตู้ฉิงคุ้นหน้าเช่นกัน ซึ่งก็คือหยูฮ่าวหลงเทพมรณะคนที่ 9 หรือบรรพบุรุษตระกูลหยูที่หลิงตู้ฉิงเคยใช้ให้เป็นคนส่งข้อมูลให้กับเขา และอีกคนก็คือเทพมรณะคนที่ 5 ผู้ที่หลิงตู้ฉิงเคยปล่อยให้รอดชีวิตไปก่อนหน้านี้
“ไม่เลว ไม่เลวเลยจริง ๆ!” หลิงตู้ฉิงมองสำรวจกลุ่มผู้คนที่มายืนรอเขาพร้อมกับพยักหน้าหลายครั้ง “เอาล่ะ เจ้าที่หลบอยู่ก็จงออกมาได้แล้วไม่ต้องซ่อนตัวอีกต่อไปหรอก ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ และข้ารู้ด้วยว่าตอนนี้เจ้ากลายร่างไปเรียบร้อยแล้ว ข้ารู้ว่าจริง ๆ แล้วเจ้าอยากจะทำอะไร มันไม่มีประโยชน์อีกต่อไปที่เจ้าจะซ่อนตัว!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นทันที “เจ้าผู้ครองตำหนักดับเซียนเทพแห่งการปลดปล่อยเสด็จแล้ว!”
กลุ่มคนและอสูรขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดไม่จ้องหลิงตู้ฉิงอีกต่อไป พวกเขาต่างพากันไปเดินเรียงแถวตามลำดับตำแหน่งเพื่อรอต้อนรับการปรากฏกายของผู้นำพวกเขา
กลางอากาศเหนือศีรษะของทุกคน จู่ ๆ ร่างของชายผู้หนึ่งที่มีสัดส่วนเป็นคนร่างเตี้ยปรากฏกายขึ้น แต่ตอนนี้ด้วยร่ายกายของเขาที่ถูกขยายขึ้นถึงแม้ว่าจะมีสัดส่วนเป็นคนร่างเตี้ย แต่ความสูงที่หลิงตู้ฉิงเห็นในตอนนี้คือไม่ต่ำกว่า 100 เมตรแน่นอน
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ชายผู้ที่เพิ่งปรากฏขึ้นใหม่ จากนั้นเขาพูดว่า “ข้าเคยเห็นเจ้ามาก่อน เจ้าคงจะเป็นผู้นำของตำหนักดับเซียนสินะ ว่าแต่เจ้าชื่อว่าอะไร?”
ชายที่เพิ่งปรากฏขึ้นตอบกลับทันที “ข้า ตี้จ้าง!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เจ้าซ่อนตัวอยู่ที่ใต้โลกนี้มาเป็นล้านปี เจ้าเหมาะแล้วที่จะใช้ชื่อนี้!”
“เจ้าบอกว่าเจ้าเคยเจอข้า?” ตี้จ้างถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ที่ข้าเห็นในตอนนั้นไม่ใช่เจ้า แต่เป็นร่างที่เจ้าใช้อยู่ตอนนี้ ซึ่งร่างนี้แท้จริงแล้วเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเทพซึ่งตายลงด้วยอำนาจของเทพบรรพกาลผู้สร้างเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับในระหว่างที่กำลังสร้างโลกใหม่”
ถูกต้องแล้ว ตี้จ้าง คือศพผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักพรรดิเทพ แต่จิตสำนึกที่อยู่ในร่างตอนนี้คือจิตสำนึกที่กำเนิดใหม่ ซึ่งจะนับได้ว่าเขาเป็นคนเดิมก็ได้หรือไม่ใช่คนเดิมก็ไม่ผิด
ตี้จ้างยิ้มและพูดว่า “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าคือคนเดียวกับที่เจ้าเห็นนั่นล่ะ ถึงแม้ว่าข้าจะตายจากการต่อสู้ก็จริงแต่ในระหว่างที่ข้ากำลังจะตาย ข้าก็ได้เห็นทางสว่างในการพิสูจน์เต๋าของข้าเช่นกัน ในตอนนี้เมื่อข้ากลับมามีชีวิตใหม่แล้วมันจึงเป็นโอกาสที่ข้าจะได้พิสูจน์เต๋าและกลายเป็นนิรันดร์”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เจ้าไม่มีโอกาสพิสูจน์เต๋าสำเร็จหรอก”
“เพราะอะไร?” ตี้จ้างถามกลับทันที
“เพราะข้าไม่ยินยอมยังไงล่ะ!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “เห็นแก่ความพยายามที่เจ้าลงทุนมาทั้งหมด ข้าจะให้โอกาสเจ้า จงขึ้นไปอยู่โลกเบื้องบนซะ!”
“เจ้าคิดจะหยุดข้างั้นเหรอ?” ตี้จ้างถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา
คลื่นพลังแห่งความโกรธแผ่กระจายไปทั่วส่งผลให้ทั้งโลกจำลองที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ บรรดาคนของตำหนักดับเซียนทั้งหลายต่างก้มหน้าด้วยอาการสั่นกลัว ไม่มีใครในพวกเขาสักคนที่กล้าเงยหน้าขึ้นมองผู้นำของตัวเอง
พวกเขาทั้งหมดนั้นรู้เป็นอย่างดีว่าตี้จ้างนั้นน่ากลัวขนาดไหน
แค่ร่างกายของตี้จ้างเพียงอย่างเดียวที่เคยเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเทพมันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาไร้เทียมทานในโลกเบื้องล่างได้แล้ว และยิ่งไปกว่านั้นร่างกายนี้มันเคยเป็นร่างกายของเขาจริง ๆ ดังนั้นต่อให้มันเป็นร่างศพ ตี้จ้างก็ยังสามารถใช้อำนาจบางส่วนของขอบเขตจักรพรรดิเทพได้
เมื่อเห็นว่าตี้จ้างกำลังเดือดดาล หลิงตู้ฉิงส่ายหัวด้วยสีหน้าจนใจและพูดว่า “ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมทั้งเจ้าและไอ้พวกที่ข้าเจอก่อนหน้านี้ถึงได้อยากพิสูจน์เต๋าตนเองโดยการทำให้โลกแตกสลาย หรือไม่ก็ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายตายจนหมดโลกแบบนี้?”
ตี้จ้างจ้องหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาเย็นชา และพูดว่า “ในเมื่อเจ้าเข้าใจเช่นนี้ มันก็แปลว่าเจ้าเคยอยู่ในจุดสูงสุดมาก่อน เมื่อเจ้าเองก็เข้าใจดีทำไมเจ้าต้องหยุดข้าด้วย?”
หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ต่อให้ตอนนี้เจ้าจะมีจิตสำนึก แต่ท้ายที่สุดเจ้ามันก็เป็นแค่ศพ ถ้าเจ้าต้องการจะพิสูจน์เต๋าให้สำเร็จเจ้าจะต้องมีเลือดเนื้อและวิญญาณที่สมบูรณ์ ซึ่งการสร้างเลือดเนื้อใหม่ของเจ้าจำเป็นต้องใช้เลือดและเนื้อของสิ่งมีชีวิตทั้งโลก ส่วนวิญญาณเจ้าก็ต้องใช้ดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งโลกเช่นกันในสร้างดวงวิญญาณของเจ้าใหม่ให้สมบูรณ์ หากเป็นก่อนหน้านี้ข้าคงไม่ยุ่งอะไรกับเจ้า แต่ตอนนี้ข้าคงยอมไม่ได้”
“ในชีวิตนี้ข้ามีครอบครัวที่ต้องดูแล ข้ามีผู้ติดตามที่ต้องปกป้อง ข้าไม่ต้องการให้พวกเขาตายด้วยน้ำมือเจ้าหรือใครหน้าไหนก็ตาม ดังนั้นทางเลือกเดียวที่ข้ามีตอนนี้ก็คือการหยุดแผนการพิสูจน์เต๋าของเจ้า”
ตี้จ้างมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาเย็นชา เพราะเขารู้ดีว่าสิ่งที่หลิงตู้ฉิงพูดออกมามันไม่ผิดเลย
ตี้จ้างจ้องเขม็งที่หลิงตู้ฉิงอยู่นานก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “สิ่งมีชีวิตทั้งหมดนั้นมีค่าไม่ต่างอะไรกับมดแมลง ไม่ว่าจะยังไงพวกมันก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นมันนับว่าเป็นเกียรติด้วยซ้ำที่ชีวิตของพวกมันได้มีส่วนช่วยทำให้ข้าพิสูจน์เต๋าได้สำเร็จ!”
ชีวิตของผู้คนทั่วไปอย่างมากที่สุดก็ยืนยาวได้ไม่ถึง 100 ปีหรือต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิก็หลักหมื่นปี ไม่ว่าจะยังไงในสายตาของผู้ที่อยู่มานานกว่าล้านปีอย่างตี้จ้าง เขาก็มองว่าชีวิตของผู้คนทั่วไปนั้นมีค่าไม่ต่างอะไรกับมดเพราะยังไงสิ่งมีชีวิตพวกนี้ก็ต้องตายเหมือนกัน ต่างกับเขาที่อีกก้าวเดียวก็จะกลายเป็นนิรันดร์มีชีวิตคงอยู่ไปตลอดกาล
เขาไม่เข้าใจว่าหลิงตู้ฉิง ซึ่งน่าจะเคยอยู่จุดเดียวกับเขานั้นน่าจะเข้าใจเรื่องนี้ดีที่สุดทำไมต้องมาหยุดเขาด้วย?
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ข้าเห็นด้วยที่เจ้าพูดว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายต่างมีอายุขัยที่สั้นนักหรือถ้าให้เทียบกันจริง ๆ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายนั้นไม่ต่างอะไรกับมด แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นข้าก็ถอยให้เจ้าไม่ได้อยู่ดี”
“ทำไมกัน!?” ตี้จ้างถามกลับด้วยสีหน้าเดือดดาล
ตอนนี้ตี้จ้างโมโหมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ชายตรงหน้าเขารู้ทุกอย่างเป็นอย่างดีแต่ก็ยังไม่ยอมหลีกทางให้เขาหรือว่าชายผู้นี้ต้องการแค่อยากจะยั่วโมโหเขา?
หลิงตู้ฉิงตอบกลับช้า ๆ “ถึงแม้ว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายจะมีอายุที่แสนสั้นก็จริง และถึงแม้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายจะไม่ต่างจากมด แต่ทุก ๆ ชีวิตก็มีคุณค่าในตัวมันเอง ทุกชีวิตมีอารมณ์เป็นของตนเอง มีความนึกคิดมีความฝัน ต่อให้รู้ว่าจะตายในวันพรุ่งนี้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามมันก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนที่อยากจะตายด้วยการถูกเจ้ากลืนกิน และยิ่งไปกว่านั้นการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายคือเจตจำนงของสวรรค์ ดังนั้นการที่เจ้าใช้ชีวิตของสิ่งมีชีวิตในการพิสูจน์เต๋ามันจะถือว่าเป็นการขัดต่อกฎของสวรรค์ ซึ่งมันทำให้เจ้าไม่มีวันพิสูจน์ได้สำเร็จหรอก”
เมื่อพูดถึงประโยคนี้ หลิงตู้ฉิงหยุดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาพูดต่อ “อ๋อมีอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่ต่างกัน เจ้าคิดว่าสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ นั้นไม่ต่างอะไรกับมด อันที่จริงในสายตาของข้าเองเจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับมดเหมือนกัน ที่ข้าไม่ฆ่าเจ้าในทันทีที่เห็นหน้าแถมยังให้โอกาสเจ้าในการขึ้นไปสู่โลกเบื้องบนแบบนี้มันนับว่าข้าใจดีกับเจ้ามากเลยเจ้ารู้รึเปล่า?”