พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 978 ไม่มีอะไรจะสอนให้อีก
เมื่อเห็นว่ามีฟีนิกซ์ร่างสีทองปรากฏกายขึ้น หลิงไช่หยุนรู้ได้ทันทีว่านางเป็นใคร
หลิงไช่หยุนรีบเดินไปหาฟีนิกซ์ยักษ์ จากนั้นนางคุกเข่าลงและพูดว่า “ท่านแม่ข้ากลับมาแล้ว!”
ฟีนิกซ์ยักษ์ค่อย ๆ กลายร่างเป็นหญิงวัยกลางคน จากนั้นนางมองไปที่หลิงไช่หยุนด้วยสีหน้าพึงพอใจ “ไอ้คนเลวนั่นเลี้ยงเจ้าได้ดีจริง ๆ! เอาล่ะเจ้าตามแม่กลับไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ของพวกเราก่อน เรื่องอื่นเอาไว้ว่ากันทีหลัง!”
“รับทราบท่านแม่!” หลิงไช่หยุนพยักหน้า
จากนั้นตัวตนระดับสูงสุดที่ผู้คนไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อมารับบุตรของตนเอง
ต้วนฉิงมองไปที่หลิงยู่ชานและหมิงจู้ จากนั้นเขาพูดว่า “พวกเจ้ากลับไปกับข้า นับจากนี้พวกเจ้าสามารถเรียกข้าว่าพี่ใหญ่ได้ ข้าจะพาพวกเจ้ากลับไปบ่มเพาะในระหว่างที่รออาจารย์ของข้ากลับมา”
การเกิดใหม่ของหลิงตู้ฉิงครั้งนี้ทำให้ลำดับอาวุโสของตำหนักไร้หทัยยุ่งเหยิงไปหมด
“รับทราบแล้วพี่ใหญ่!” หลิงยู่ชานและหมิงจู้รีบเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
ในตอนนี้หลิงยู่ชานและหมิงจู้รู้สึกตกตะลึงเหมือนกัน ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าหลิงตู้ฉิงไม่ธรรมดา แต่พวกเขาก็ไม่เคยนึกว่าหลิงตู้ฉิงจะโด่งดังมากขนาดนี้ในโลกเบื้องบน แถมลูกศิษย์ของพ่อพวกเขาผู้นี้ก็มีความรู้สึกที่ลึกล้ำจนพวกเขาไม่เข้าใจ จนพวกเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าในชีวิตที่แล้วหลิงตู้ฉิงแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่?
จากนั้นไม่นานทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับไปยังสถานที่ของตนเอง ปล่อยให้ผู้คนของเมืองเทียนเหลียงยืนแสดงสีหน้าโง่งมกับสิ่งที่พวกเขาเพิ่งเห็นและคิดในใจ
‘โชคดีจริง ๆ ที่ข้าไม่ได้ทำอะไรลงไป ไม่งั้นข้าตายแน่!’
อันที่จริงมีหลายสายตาที่แอบมองเหตุการณ์นี้อยู่เช่นกัน และเจ้าของสายตาส่วนใหญ่นั้นมีจุดประสงค์ไม่ได้ต่างอะไรกับคุนเป๋งเลย
ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายต่างไม่เข้าใจว่าเมื่อหลายพันปีที่แล้วทำไมเหล่าตัวตนระดับสูงของเจ็ดฝ่าย เช่น ราชันแห่งมวลมนุษย์ จักรพรรดินีฟีนิกซ์ เจ้าแห่งพรตเต๋าและคนอื่น ๆ ไปรวมตัวกันที่ตำหนักไร้หทัยเพราะอะไร
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ พวกเขาจึงปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทั้งหมด บรรดาลูก ๆ ของตัวตนเหล่านี้ถูกส่งลงไปอยู่เบื้องล่าง แถมจากกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างเด็ก ๆ เหล่านั้นมันเห็นได้ชัดว่าพวกเขามีสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับหลิงตู้ฉิง!
ทุกคนต่างนำข่าวนี้ไปแจ้งกับต้นสังกัดของตนเอง ส่งผลให้ทั้งโลกเบื้องบนสั่นสะเทือน
การที่ลูก ๆ และศิษย์เอกของฝ่ายใหญ่ทั้งเจ็ดนี้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับหลิงตู้ฉิง มันก็หมายความว่าทั้ง 7 ฝ่ายนี้อยู่ฝั่งเดียวกับตำหนักไร้หทัย
โลกเบื้องบนนี้หลายฝ่ายคานอำนาจกันมานานจนทุกอย่างสมดุล แต่ตอนนี้เมื่อมีการรวมกันของ 8 ฝ่ายที่ยิ่งใหญ่ มันจึงส่งผลให้สมดุลอำนาจโลกเบื้องบนเปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลัน และทำให้หลาย ๆ กองกำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย ยกตัวอย่างเช่นพวกเผ่าอสูร
พวกมันจำเป็นต้องหาทางแก้ไขสถานการณ์นี้ทันที ไม่เช่นนั้นพวกมันจะต้องเดือดร้อนเป็นพวกแรก ๆ แน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงยอดเขาเต๋าเทวะหรือฝ่ายอื่น ๆ เช่นเผ่าเทพมิติ เผ่าเงานิรันดร์นั้นไม่ได้มีความคิดที่จะร่วมวงเป็นพันธมิตรกับตำหนักไร้หทัย เรื่องทั้งหมดมันก็แค่ลูกและศิษย์ของพวกเขาโดนลักพาตัวไปอยู่กับหลิงตู้ฉิงก็เท่านั้น และวันนี้พวกเขาก็แค่มารับตัวคนของพวกเขาคืน
แต่แน่นอนว่าถ้าเด็ก ๆ เหล่านี้โตขึ้นเมื่อไหร่ สถานการณ์มันคงจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน
บนยอดเขาเต๋าเทวะ เจ้าพรตเค๋ามองไปที่หลิงว่านถิง และพูดว่า “ศิษย์ตัวน้อยของข้า ไหนลองเล่ามาให้อาจารย์ฟังสักหน่อยว่าชีวิตของเจ้าที่โลกเบื้องล่างเป็นยังไงบ้าง และไอ้เฒ่าสารเลวนั่นมันสอนอะไรให้เจ้า?”
หลิงว่านถิงขมวดคิ้ว และตอบกลับเสียงดังทันที “ท่านอาจารย์ ท่านอย่าเรียกพ่อของข้าแบบนั้นข้าไม่ชอบ!”
เจ้าแห่งพรตเต๋าอดไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิด “เจ้าไม่รู้อะไร ไอ้พวกคนของตำหนักไร้หทัยมันสารเล…เฮ้อช่างเถอะ ๆ เอาเป็นว่าตอนนี้เจ้าเล่ามาให้อาจารย์ฟังสักหน่อยก็แล้วกันว่าเจ้าได้ฝึกฝนอะไรไปบ้าง อาจารย์จะได้ชี้แนะเส้นทางที่เจ้าจะต้องเดินต่อไปในอนาคตได้ถูก”
อันที่จริงด้วยระดับของเขาแค่มองเพียงปราดเดียวก็รู้แล้วว่าหลิงว่านถิงบ่มเพาะอะไร แต่สิ่งที่เขาอยากจะรู้ก็คือหลิงตู้ฉิงได้วางแผนอะไรไว้ในอนาคตให้กับลูกศิษย์ของเขา
เขาได้รู้มาว่าหลิงตู้ฉิงที่เกิดใหม่นั้นเปลี่ยนเต๋าของตัวเองจนทำให้กลายเป็นเหมือนคนละคน ดังนั้นเขาจึงเดาทางไม่ออกว่าหลิงตู้ฉิงสั่งสอนแนวทางอะไรให้กับลูกศิษย์ของเขาไปบ้าง
หลิงว่านถิงหัวเราะ จากนั้นนางเอ่ยขึ้นทันที “อาจารย์ พ่อของข้าได้ให้ข้าบ่มเพาะวิชาเก้าอักขระมนตราและพอศิษย์พี่ลงมาโลกเบื้องล่างเขาก็อธิบายวิชาเก้าอักขระมนตราให้ข้าฟังอีกรอบ แต่ข้าไม่ได้เอาคำอธิบายของเขามาทำตามแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่เขาอธิบายมานั้นมันตื้นเขินมากกว่าที่พ่อของข้าสอนอย่างเทียบกันไม่ได้ และยังมีอีกอย่างพ่อของข้ายังได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาเทวะลอกเลียนให้กับข้า ซึ่งข้าเคยได้ยินว่าเคล็ดวิชานี้ท่านอาจารย์เคยอยากได้มัน”
ดวงตาของเจ้าแห่งพรตเต๋าเปล่งประกายทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ “นี่เขาถ่ายทอดเคล็ดวิชาเทวะลอกเลียนให้กับเจ้าด้วยงั้นเหรอ? เคล็ดวิชาเทวะลอกเลียนนั้นเหมาะกับพวกเราพรตเต๋ามากที่สุดแล้ว แต่น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของข้าตอนนี้มันไม่จำเป็นต้องฝึกฝนเคล็ดวิชาเทวะลอกเลียนอีกต่อไป ต่อให้ฝึกไปมันก็ไม่ได้ช่วยทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิม แต่ถ้าเจ้าถ่ายทอดเคล็ดวิชาเทวะลอกเลียนนี้ให้กับพวกเราคนอื่น ๆ มันจะเป็นผลดีต่อส่วนรวมทั้งหมด แถมยังเป็นการสืบทอดเคล็ดวิชาไม่ให้สูญหายและมันจะถือว่าเจ้าได้ทำคุณประโยชน์ให้กับสวรรค์”
คำพูดนี้มันหมายถึงว่ายอดเขาเต๋าเทวะยังคงต้องการเคล็ดวิชาเทวะลอกเลียน
หลิงว่านถิงเข้าใจความหมายของอาจารย์นางเช่นกัน นางพยักหน้าและพูดว่า “ถ้างั้นข้าขอรอให้พ่อของข้าขึ้นมาโลกเบื้องบนก่อน จากนั้นข้าค่อยถามว่าเขาอนุญาตให้ข้าถ่ายทอดให้กับคนของเราหรือไม่ ถ้าเขาอนุญาตข้าจะถ่ายทอดมันให้กับพวกเราทุกคนทันที!”
หลังจากนั้นหลิงฟ่างหัวก็เริ่มเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับนางในระหว่างที่นางอยู่โลกเบื้องล่างตั้งแต่นางจำความได้จนถึงปัจจุบัน
หลักจากฟังอยู่นานจนจบ เจ้าแห่งพรตเต๋าตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาล “ไอ้สารเลว! ไอ้แก่สารเลวจ้าทำกันเกินไปแล้ว!!!! เจ้าขโมยลูกศิษย์ของข้าไปไม่พอนี่เจ้าวางแผนจะทำให้ข้าโมโหจนตายด้วยรึไง!? ข้าไม่จบเรื่องกับพวกเจ้าแน่ตำหนักไร้หทัย ต่อให้ข้าฆ่าพวกเจ้าไม่ได้ข้าก็จะต้องขอทุบพวกเจ้าให้หายแค้น!”
หลิงว่านถิงรู้สึกงุนงง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ อาจารย์ของนางถึงโกรธอะไรนักหนา?
เจ้าแห่งพรตเต๋าสาบแช่งหลิงตู้ฉิงและตำหนักไร้หทัยอยู่พักใหญ่ จากนั้นเขามองไปที่ หลิงว่านถิงพลางถอนหายใจและพูดว่า “เฮ้อ ศิษย์รักของข้า ข้าคงไม่มีอะไรจะชี้แนะให้เจ้าอีกแล้ว เอาเป็นว่าจงเอาสมบัติแห่งชะตาชีวิตของเจ้าออกมา เดี๋ยวอาจารย์จะให้คนทั้งยอดเขามาช่วยหล่อหลอมมันให้กลายเป็นอาวุธเต๋าให้กับเจ้า ส่วนอนาคตของเจ้านับจากนี้มันจะขึ้นอยู่กับตัวของเจ้าเองล้วน ๆ”
“หะ? อาจารย์ท่านไม่มีอะไรจะชี้แนะข้าจริง ๆ งั้นเหรอ?” หลิงว่านถิงแสดงสีหน้าโง่งม
เจ้าแห่งพรตเต๋ายิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ไม่มี! ไอ้แก่สารเลวนั่นวางเส้นทางให้กับเจ้าไว้หมดแล้วจนข้าไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้อีก ข้าอุตส่าห์ได้เจ้ามาเป็นศิษย์แต่ไอ้แก่นั่นกลับชิงตัดหน้าสอนเจ้าไปหมดแล้ว แบบนี้มันทำให้ข้าโกรธจนอยากจะคลั่งตาย!”
เหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นที่อื่นเช่นกันไม่ว่าจะเป็นราชันแห่งมวลมนุษย์ จักรพรรดินีฟีนิกซ์ เจ้าแห่งเทพมิติ ผู้นำเผ่าเงานิรันดร์และจักรพรรดิมังกรต่างก็แสดงสีหน้าขมขื่น
ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดต่างตรวจสอบลูก ๆ ของพวกเขาหมดแล้ว และก็ได้รู้ว่าพวกเขาไม่มีอะไรที่สามารถไปสอนลูก ๆ ของพวกเขาได้ต่อ!
จักรพรรดินีฟีนิกซ์ถอนหายใจและเอ่ยขึ้นว่า “เฮ้อ…ช่างเถอะอย่างน้อย ๆ มันก็เป็นอนาคตที่ดีต่อเจ้า”
ผู้นำเผ่าเงานิรันดร์มองไปที่หลิงเทียนหยุน และเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ลูกของพ่อ เจ้านี่ช่างโชคดีจริง ๆ เจ้ามีโอกาสสูงมากที่จะก้าวข้ามความสำเร็จของพ่อไปได้ และนับจากนี้วิชาหมื่นดวงใจปีศาจจะเป็นเคล็ดวิชาระดับสูงสุดของเผ่าเรา!”
ถึงแม้ว่าพวกเขาบางคนจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ทุกคนต่างคิดเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งว่า หลิงตู้ฉิงนั้นเลี้ยงดูลูกพวกเขาได้ดีจริง ๆ ดีซะจนพวกเขาไม่มีอะไรจะสอน ดีซะจนพวกเขาเทียบไม่ได้!