พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 988 ผู้อาวุโสอีกาทองคำ
หลิงตู้ฉิงเหล่มองไปที่กุยไห่หนานชาน ซึ่งกำลังแสดงสีหน้าไม่ยินยอม จากนั้นเขาหันไปพูดกับกุยไห่เหรินหวาง “เจ้าคงสังเกตเห็นว่าข้าในตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนจริงไหม?”
กุยไห่เหรินหวางพยักหน้า “ข้าเห็นแบบนั้นเช่นกันผู้อาวุโส”
เขาเคยเจอกับหลิงตู้ฉิงมาก่อน ดังนั้นเขาจึงบอกได้ทันทีว่าหลิงตู้ฉิงเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคน
ในตอนนี้หลิงตู้ฉิงดูเป็นคนมีเหตุผลแถมยังมีภรรยาอีกตั้งมากมาย
“ไม่เพียงแต่ข้าจะมีภรรยามากมาย แต่ข้ามีลูกหลายคนเช่นกัน” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “และหนึ่งในลูกชายของข้าคือราชันแห่งมวลมนุษย์”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของกุยไห่เหรินหวางเปลี่ยนเป็นตกตะลึง “ราชันแห่งมวลมนุษย์จากโลกเบื้องล่างที่เพิ่งขึ้นมาเป็นลูกของท่านงั้นเหรอ?”
อย่างไรก็ตาม กุยไห่เหรินหวางก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับการที่ลูกของเขาต้องตาย?
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ถูกต้อง ชื่อของเขาคือหลิงยี่เทียนและเขาคือลูกชายของข้า! ต่อให้ชีวิตนี้ของข้าไม่มีสายเลือดของมนุษย์อยู่ในร่างกาย แต่ในเมื่อลูกชายของข้าเป็นราชันแห่งมวลมนุษย์ ดังนั้นข้าจำเป็นต้องลงโทษลูกของเจ้าในฐานะที่เขาสร้างความเสียหายให้กับเผ่ามนุษย์ และยิ่งไปกว่านั้นชีวิตนี้ของข้า ข้าบ่มเพาะเต๋าแห่งอารมณ์ ข้าจึงสามารถจับความรู้สึกของลูกเจ้าได้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกสำนักผิดอะไรเลย กลับกันเมื่อเขารู้ว่าข้าเป็นใครแทนที่เขาจะยินยอมสำนึกผิดแต่โดยดี ในใจของเขากลับรู้สึกทั้งอาฆาตและโลภมากยิ่งขึ้น”
“ข้าคิดว่าเจ้าคงพอจะเดาได้ว่าความรู้สึกโลภของเขามันมาจากสาเหตุอะไร เจ้าลองคิดดูดี ๆ ถ้าหากตัวตนของข้าถูกเปิดเผยออกไปในตอนนี้มันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตระกูลของเจ้าและต่อเผ่ามนุษย์บ้าง และอีกอย่างต้นเรื่องทั้งหมดนี้มันมาจากคนในตระกูลของเจ้าที่เปิดเผยข้อมูลของภรรยาข้า ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงให้เจ้าลงมือด้วยตัวเองเพื่อสะสางหนี้กรรมที่ตระกูลของเจ้าก่อขึ้นกับข้า”
กุยไห่เหรินหวาง กุยไห่ไป๋ฉวน กุยไห่หนานชาน ครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด
ตอนนี้เมื่อพวกเขาลองคิดกันดี ๆ พวกเขาก็เริ่มมองเห็นภาพรวมหากข้อมูลของหลิงตู้ฉิงถูกเผยออกไปเผ่าอื่น ๆ จำนวนมากที่เป็นศัตรูของหลิงตู้ฉิงจะต้องกรูกันมาที่ตระกูลของพวกเขา ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อถึงเวลานั้นตระกูลของพวกเขาจะเหลือแต่ซาก และยิ่งไปกว่านั้นลูกชายของหลิงตู้ฉิงคือราชันแห่งมวลมนุษย์ เมื่อพ่อของตัวเองถูกโจมตีมีหรือที่ลูกชายจะทนดูอยู่เฉย ๆ ได้?
แน่นอนว่าเผ่ามนุษย์จะถูกลากเข้าสู่สงครามด้วย ซึ่งต่อให้ในตอนแรกตระกูลของเขาจะรอดพ้นจากการถูกรุมยำโดยเผ่าอื่น ๆ แต่สุดท้ายในฐานะที่พวกเขาเป็นมนุษย์ก็ต้องเข้าร่วมสงครามอยู่ดี และนี่ยังไม่รวมไปถึงถ้าความจริงถูกเปิดเผยว่าแท้จริงแล้วมันเป็นพวกเขาเองที่เปิดเผยข้อมูลและเป็นต้นชนวนของสงคราม พวกเขาก็จะถูกคิดบัญชีจากราชันแห่งมวลมนุษย์อีกรอบในท้ายที่สุด
นี่คือเหตุการณ์สมมุติที่ดีที่สุดเท่าที่พวกเขาจะคิดได้ เพราะอันที่จริงแล้วถ้าหากเผ่ามนุษย์ถูกเผ่าอื่น ๆ รุมโจมตี มนุษย์ก็คงจะถึงกาลอวสานไปตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งพวกเขาก็คงจะตายไปตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ถูกคิดบัญชีจากราชันแห่งมวลมนุษย์ด้วยซ้ำ
“ตอนนี้เจ้าพอจะยอมรับกับโทษที่เจ้าต้องรับได้แล้วรึยัง?” กุยไห่เหรินหวางหันไปถามลูกชายของเขา “เอาล่ะ ข้าจะส่งเจ้าไปเกิดใหม่ เมื่อความทรงจำเจ้ากลับมาเมื่อไหร่และข้าเห็นว่าเจ้าสำนึกผิดในสิ่งที่เจ้าก่อเอาไว้จริง ๆ ข้าจะกลับไปรับเจ้ามาเป็นลูกของข้าเหมือนเดิม ข้าหวังว่าชีวิตหน้าของเจ้า เจ้าจะเป็นคนที่ดีกว่านี้คิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลักไม่คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตนเพียงอย่างเดียว เจ้าคือส่วนหนึ่งของเผ่ามนุษย์ การกระทำของเจ้าล้วนส่งผลต่อเผ่าของเราทั้งหมด”
กุยไห่หนานชานเงียบไปพักใหญ่ ท้ายที่สุดเขาพยักหน้าและพูดว่า “ข้าหวังว่าชีวิตหน้าท่านคงรับข้ากลับมาอยูที่ตระกูลกุยไห่อีกครั้ง!”
กุยไห่เหรินหวางมองไปที่ลูกชายของตนเองด้วยแววตาเจ็บปวด จากนั้นเขาหันไปเอ่ยกับหลิงตู้ฉิง “ผู้อาวุโส ข้ารบกวนท่านส่งเขาไปยังยมโลกที”
ตัวเขาเองไม่อาจส่งกุยไห่หนานชานลงไปยมโลกได้โดยตรง แต่เขารู้ว่าหลิงตู้ฉิงทำได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ขอให้หลิงตู้ฉิงเมตตาส่งลูกของเขาไปแบบไม่เจ็บปวด
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขาโบกมือเรียกประตูยมโลกให้เปิดออกเหนือร่างของกุยไห่หนานชาน “จงถอดวิญญาณและเข้าไปซะ!”
กุยไห่หนานชานพยักหน้า จากนั้นเขาถอดวิญญาณของตัวเองทันที ในขณะเดียวกันหลิงตู้ฉิงก็วาดอักขระประทับลงไปที่ดวงวิญญาณของกุยไห่หนานชาน เพื่อผนึกความทรงจำของชายหนุ่มเป็นเวลา 50,000 ปี
เมื่อเห็นว่าลูกชายของตัวเองถูกส่งไปยังยมโลกแล้ว กุยไห่เหรินหวางก็ถอนหายใจ “มันเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ดูแลสั่งสอนลูกให้ดี ไม่งั้นเขาคงไม่มีความคิดเช่นนี้! แต่ว่าไอ้พวกเผ่าอีกาทองคำก็มีส่วนผิด หากพวกมันไม่ล่อลวงเขาเรื่องแบบนี้มันก็ไม่เกิดขึ้น หลังจากนี้ข้าจะต้องไปที่เผ่าอีกาทองคำเพื่อให้พวกมันชดใช้ในสิ่งที่พวกมันได้ทำกับข้า รวมไปถึงไอ้สารเลวที่เปิดเผยข้อมูลของภรรยาผู้อาวุโสด้วยหากไม่เป็นเพราะมันเรื่องทั้งหมดนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น!”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ไม่ต้องห่วงเรื่องคนที่เผยข้อมูลข้า มันคืออีกาตัวหนึ่งเท่านั้น หลังจากนี้ข้าจะได้เจอมันอีกแน่นอน”
“ผู้อาวุโส ท่านจะให้ข้าแจ้งข่าวไปให้คนของท่านทราบไหมว่าท่านอยู่ที่นี่?” กุยไห่เหรินหวางถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เจ้าไม่จำเป็นต้องบอกใคร ข้าต้องการเข้าไปด้านแม่น้ำมหาดาราอย่างสงบ จากนั้นเมื่อข้าออกมา ข้าจะกลับไปที่ตำหนักไร้หทัยด้วยตัวของข้าเอง แต่ว่าในระหว่างนี้ข้าคงต้องอาศัยอยู่ในตระกูลของเจ้าไปก่อน”
กุยไห่เหรินหวางพยักหน้า “ถือว่าเป็นเกียรติของตระกูลข้าที่มีโอกาสได้ปรนนิบัติท่านผู้อาวุโส ต่อจากนี้ท่านสามารถพักผ่อนอย่างสบายใจได้เลย ข้ารับประกันว่าจะไม่มีใครกล้ามารบกวนท่านแน่นอน”
แต่แล้วในเวลาเดียวกับที่กุยไห่เหรินหวางพูดจบ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดทันทีพร้อมกันหันออกไปมองที่ด้านนอกคฤหาสน์
“ไอ้พวกอีกาทองคำมันคงมองว่าเรื่องนี้สำคัญมากจริง ๆ ไม่งั้นไอ้แก่นั่นมันคงไม่ส่งร่างแยกของมันมาแบบนี้!” กุยไห่เหรินหวางพูดขึ้น “ไป๋ฉวน เจ้าออกไปคุยกับมันที”
ในเวลานี้ ตี๋ฮ่าวได้พาผู้อาวุโสของเขา ตี๋เมิ่งมายืนรอที่หน้าคฤหาสน์ตระกูลกุยไห่
ทั้งสองคนต่างเปล่งประกายแสงเจิดจรัสออกจากร่างกายราวกับว่าพวกเขาเป็นดวงอาทิตย์ 2 ดวง
กุยไห่ไป๋ฉวนเดินออกมาจากคฤหาสน์และถามขึ้นทันที “ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสตี๋เมิ่งที่มาเยือน ไม่ทราบว่าท่านมีอะไรให้ข้าช่วยงั้นเหรอ?”
ตี๋เมิ่งยิ้มและพูดว่า “ข้าได้ยินว่ามีหญิงสาวนางหนึ่งที่มีร่างจันทราศักดิ์สิทธิ์อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของเจ้า ซึ่งหลานของข้าจำเป็นต้องใช้นางในการบ่มเพาะ เจ้าพูดเงื่อนไขของเจ้ามาได้เลย หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงข้ายินดีตกลงกับเจ้าเพื่อแลกกับผู้หญิงคนนั้น”
ในฐานะที่เขาแข็งแกร่งกว่ากุยไห่ไป๋ฉวนมาก ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้วิธีพูดตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม เขาไม่จำเป็นต้องเกรงใจกับคนที่อ่อนแอกว่าเขา
กุยไห่ไป๋ฉวนพ่นลมหายใจ “ผู้อาวุโส ท่านหมายความว่าท่านต้องการให้ข้ามอบตัวมนุษย์เผ่าเดียวกับข้าให้กับเผ่าของท่านงั้นเหรอ?”
ตี๋เมิ่งขมวดคิ้วแน่นทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ ถึงแม้ว่าประโยคมันจะคล้ายกันแต่คำพูดบางคำเมื่อเปลี่ยนไป ผลลัพธ์ที่สื่อออกมามันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“พวกข้าแค่ต้องตัวการตัวหญิงคนนั้นคนเดียว ทำไมเจ้าต้องทำให้เรื่องมันใหญ่โต?” ตี๋เมิ่งถามกลับ
กุยไห่ไป๋ฉวนแสดงสีหน้าเย้ยหยัน “ผู้อาวุโส ข้าคงไม่ว่าอะไรหรอกหากผู้หญิงคนที่ท่านต้องการไม่ใช่เผ่ามนุษย์เหมือนกันกับข้า จู่ ๆ ท่านมาที่บ้านของข้าเพื่อมาขอตัวเผ่ามนุษย์เอาไปบ่มเพาะ ท่านคิดว่าเรื่องแบบนี้ข้าควรจะรับได้งั้นเหรอ? ท่านคิดว่าเผ่ามนุษย์ของข้าอ่อนแอขนาดนั้นเลยรึไง?”
“สรุปเจ้าจะมอบนางให้ข้าหรือไม่มอบ?” ตี๋เมิ่งเอ่ยถามย้ำอีกรอบ
“ในฐานะที่นางเป็นมนุษย์เหมือนกับข้า ข้าคงต้องขอปฏิเสธ ผู้อาวุโสหากท่านไม่มีเรื่องอื่นแล้วท่านก็กลับไปได้เลย” กุยไห่ไป๋ฉวนปฏิเสธทันที
ในตอนนี้ที่คฤหาสน์ของเขามีทั้งพ่อของเขาและหลิงตู้ฉิงอยู่ด้วย ดังนั้นเขาจะต้องไปกลัวอะไรอีก?
ตี๋เมิ่งพ่นลมหายใจ “แล้วถ้าหากข้าไม่ยอมกลับล่ะ?”
“ถ้าเจ้ายังดื้อดึง งั้นข้าจะเอาเรื่องนี้ไปทูลต่อองค์ราชันแห่งมวลมนุษย์ แล้วจากนั้นพวกเรามาดูกันว่าเผ่ามนุษย์หรือเผ่าอีกาทองคำ เผ่าไหนจะแข็งแกร่งกว่ากันในสงคราม!” กุยไห่เหรินหวางปรากฏตัวขึ้นพูดแทรกทันที “ไอ้แก่ตี๋เมิ่ง หากเจ้ายังคงดื้อดึงไม่ใช่แค่วันนี้เจ้าจะไม่ได้สิ่งที่เจ้าต้องการ แต่เจ้าจะต้องกลับไปพูดกับผู้นำของเจ้าเรื่องที่เจ้าทำให้เผ่าพันธุ์ของเจ้าเข้าสู่สงครามกับเผ่ามนุษย์!”
“ที่แท้เจ้าก็อยู่ที่ด้วยนี่เอง!” ตี๋เมิ่งมองไปที่กุยไห่เหรินหวางพลางพยักหน้าอย่างเข้าใจ
เมื่อกุยไห่เหรินหวางอยู่ที่นี่ ดังนั้นวิธีการใช้กำลังมันก็คงไม่ได้ผล เพราะพวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับเดียวกัน แถมถ้าหากเขาโจมตีไปจริง ๆ มันก็เท่ากับว่าเป็นการประกาศสงครามต่อเผ่ามนุษย์
ในโลกเบื้องบนความแข็งแกร่งของเผ่ามนุษย์นับว่าไม่ธรรมดา และเผ่าของเขาในตอนนี้ก็ยังไม่อาจเป็นคู่ต่อกรได้
ตี๋เมิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาพูดว่า “ลูกชายของเจ้ากุยไห่หนานชานไปไหน? ข้ามีบางเรื่องที่ต้องการจะคุยกับเขา!”
กุยไห่เหรินหวางแสดงสีหน้าเย็นชาและตอบกลับ “ข้าส่งเขาไปเกิดใหม่แล้ว! เขาทำผิดกฎร้ายแรงต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ โทษของการทรยศเผ่าพันธุ์เดียวกันมีอย่างเดียวคือประหาร! ในเมื่อเจ้าไม่มีอะไรแล้วก็จงรีบกลับไปซะ อย่ามายืนเกะกะหน้าบ้านของข้าแบบนี้!”
กุยไห่เหรินหวางจ้องเขม็งไปที่ตี๋เมิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาหันหลังเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์ทันทีพร้อมกับลูกชายของเขาเอง
ที่ด้านนอกคฤหาสน์ ตี๋เมิ่งและตี๋ฮ่าวต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าบึ้งตึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็จากไป
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าในตอนนี้ตระกูลกุยไห่ได้มองว่าพวกเขาเป็นศัตรูไปแล้วเรียบร้อย