ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน - 42 กับดัก
ตอนที่ 42 กับดัก
ชุดาออกมาจากห้องหนังสือด้วยความตื่นเต้น ความรู้สึก ที่เคยมืดมนก่อนหน้านี้จู่ ๆ มันก็กลับชัดเจน กลับไปที่ห้อง พักแล้วล็อกประตูทันที แทบรอไม่ไหวที่จะโทรหาพ่อ
“ฮัลโหล พ่อคะ ฉันมีข่าวดีมาบอกพ่อค่ะ”
“ข่าวดีอะไร”
ธนวันไม่ได้สนใจ กับลูกสาวที่รักของเขาคนนี้ ตราบใดที่ เธอไม่สร้างปัญหา เขาก็จะขอบคุณพระเจ้ามากแล้ว
กับข่าวดีอะไรที่ว่า คงไม่กล้าที่จะคาดหวัง
“พ่อต้องการรู้เกี่ยวกับรายละเอียดแผนการประมูลครั้งนี้ใช่
ไหมคะ”
“ใช่แล้ว แกรู้ได้ยังไง”
“ฉันฟังมาจากที่ผลินพูดน่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินชื่อของลูกสาวคนโต ธนวันก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที ทันใด “พี่สาวของแกถามกับพี่เขยแล้วพี่เขยบอกกับเธอเห
รอ”
ชุดาพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เธอไม่ได้ดีขนาดนั้น หรอกค่ะ เธออยากให้เราล้มละลายต่างหาก”
“นี่ช่างเป็นข่าวดี มันทำให้พ่อตื่นเต้นจริง ๆ
น้ำเสียงของธนวันไม่สามารถซ่อนความผิดหวังเอาไว้
ได้
“พ่อคะ นอกจากผลินพ่อไม่คิดถึงฉันบ้างเลยหรือไง พ่อ ไม่คิดเลยเหรอว่าสิ่งที่เธอทำได้ฉันเองก็ทำได้เหมือนกัน และสิ่งที่เธอทำไม่ได้ มันจะเป็นไปไม่ได้เหรอว่าฉันจะทำมัน ได้น่ะ”
คนพ่อรู้สึกประหลาดใจ “อะไรคือทำได้ทำไม่ได้ ฟังแล้ว เวียนหัว”
“ฉันจะบอกคุณตรง ๆ การประมูลของบริษัทพี่เขยในครั้งนี้ คือวันที่ 13 กรกฎาคม ที่พิพิธภัณฑ์เวิ่นฟง เป็นการประมูล การกุศลเพื่อเลือกพันธมิตร ซึ่งหมายความว่าใครที่เสนอ ราคาประมูลสินค้าได้สูงสุดในพิพิธภัณฑ์เวิ่นฟงวันนั้น จะได้ รับสิทธิ์ก่อสร้างในโครงการครั้งนี้
ชุดาพูดรวดเดียวด้วยหนึ่งลมหายใจ จากนั้นโทรศัพท์ก็ เงียบไปนาน เธอคิดว่าพ่อของเธอไม่ได้ยินคำถาม จึงเอ่ย ถามด้วยความที่ไม่แน่ใจ “พ่อคะ พ่อได้ยินฉันไหม”
“ได้ยินแล้ว แต่ว่าแกได้ข่าวมาจากไหน”
ธนวันภามคำถามอย่างแปลกใจ แหล่งข้อมูลนี้สำคัญ มาก แล้วลูกสาวไปรู้มาได้อย่างไร
“พ่อไม่เชื่อฉันเหรอ”
ซุดาเกิดความไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะคิดว่าจะได้ คำชมจากผู้เป็นพ่อ
“ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย พ่อต้องยืนยันว่า แหล่งข้อมูลนี้เป็นจริงหรือไม่ มิฉะนั้นจะทำให้เกิดความเสีย หายทางการเงินได้
“ฉันเห็นมันในห้องหนังสือของพี่เขยค่ะ เป็นแผนการ ประมูลของจริง”
ธนวันถามอีกไม่กี่คำถามก่อนที่จะวางสายไป เมื่อ ลองคิดทบทวนดูแล้วมันเป็นไปไม่ได้ เวลานี้บริษัท เจ.เอส.ทรัพยสานต้องการสร้างโรงเรียนประถมแห่งความ หวัง ซึ่งนั่นเป็นโครงการการกุศล ดังนั้นมันจึงเป็นความลับ กลัวว่าการแข่งขันการประมูลในวันนั้นจะไม่มีผู้ชนะหรือแพ้
ต้องยอมรับว่าลูกเขยเป็นคนฉลาดมากที่ใช้วิธีนี้ในการ ประมูล มันเป็นประวัติการณ์ ในสมัยโบราณ เนื้อส่วนชั้นไข มันจะตกอยู่ในมือของผู้ที่มีจิตกุศล
ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสาวนำเรื่องนี้มาบอกเขาโดยบังเอิญ เขาก็คงไม่ได้รับโอกาสในโครงการนี้จริง ๆ แต่เดิมพระ โพธิสัตว์นั้นไม่มีชีวิต ตามธรรมชาติแล้วคนเราจะไม่ทิ้งเงิน ลงไปในที่ซึ่งไร้ความหมาย
หลังจากคิดทบทวนทั้งคืน ในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะต่อสู้ ในตลาดที่โหดร้าย ถ้าทิ้งสิ่งเล็กน้อยไม่ลง ก็ไม่สามารถจับ หมาป่าได้
ถ้าได้โครงการนี้มาอยู่ในมือ แน่นอนว่ากำไรนั่นมันต้อง เกินกว่าจินตนาการได้ และที่สำคัญที่สุดคือได้ร่วมธุรกิจกับ บริษัท เจ.เอส.ทรัพยสาน หลังจากนี้เงินทองก็มีแต่จะไหล มาเทมา
เช้าตรู่ที่สดใสของวันที่ 13 กรกฎาคม ธนวันมาที่พิพิธ ภัณฑ์เวิ่นฟงด้วยความตื่นเต้น
คิดว่าตัวเองมาเร็วแล้ว แต่เมื่อเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ กลับเพิ่งรู้ว่ามีคนมากันเยอะแล้ว ยกเว้นคนที่อยู่ในวงการ เดียวกัน คนอื่น ๆ ก็เป็นคนใหญ่คนโตที่ไม่รู้จัก
ดูเหมือนว่าจะมีคู่แข่งไม่มากนัก เขาหาที่นั่งของเขาและ นั่งลง เต็มไปด้วยความมั่นใจ
การประมูลเริ่มต้นขึ้นในเวลาเก้าโมงเช้า มันเป็นแค่วัตถุ โบราณธรรมดา การเสนอราคามีอย่างต่อเนื่อง ธนวันจำเป็น ต้องชนะ จึงต้องติดตามอย่างกระชั้นชิด
“หนึ่งล้าน”
“หนึ่งล้านห้าแสน
“สองล้าน”
“สี่ล้าน”
“สี่ล้านห้าแสน”
ราคาประมูลพุ่งไปถึงหกล้าน โดยทั่วไปแล้วก็ไม่มีใคร ตาม แต่มีคนหนึ่งที่ไม่ยอมแพ้ ซึ่งเป็นคนที่เขาไม่รู้จักและ แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อนร่วมวงการ แต่ผู้ชายคนนั้นก็เหมือน เช่นเขา มีความปรารถนาในการประมูล
“แปดล้าน”
เขาจ้องมองไปทางชายวัยกลางคนตรงมุมนั้นด้วยความ ประหลาดใจ อะไรคือจุดเริ่มต้นที่มาปล้นเขา นั่นมันก็แค่ วัตถุโบราณที่แตกหัก มันคุ้มค่าราคาขนาดนี้อย่างนั้นเห รอ ถ้ามันไม่ใช่เพื่อการได้งานประมูลก่อสร้างของบริษัท เจ.เอส.ทรัพยสาน เขาก็ไม่ได้ต้องการมัน
“แปดล้านครั้งที่หนึ่ง”
“แปดล้านครั้งที่สอง”
ฝ่ามือของเขาเริ่มมีเหงื่อออกอย่างหงุดหงิด ถ้าตามต่อ ไปแม้ว่าจะได้รับสิทธิในการก่อสร้างของโครงการนี้ก็ไม่ แน่ว่าจะได้กำไรมากขนาดนั้น เกิดการต่อสู้ภายในจิตใจ ใน ที่สุดก็ตาม “สิบล้าน
ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ตามต่ออีกแล้ว ดังนั้นจึงถือว่าเขา ประสบความสำเร็จในการประมูลที่ราคาสิบล้าน และเมื่อเขา มาถึงบริษัทของลูกเขยกับวัตถุโบราณ ก็ได้รู้ข่าวสารที่เป็น ดั่งฟ้าผ่า
ปยุตจ้องเครื่องปั้นดินเผาทองเหลืองเก่าที่เขาวางไว้บน โต๊ะ แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “นี่มันเพื่ออะไรครับ”
“นี่ไม่ใช่เงื่อนไขในการชนะประมูลเหรอ”
“เงื่อนไขในการชนะประมูล?” ปยุตขมวดคิ้ว “หมายถึง อะไรครับ”
ธนวันตกใจมากและรีบพูด “ไม่ใช่ว่าถ้าชนะการประมูลที่ พิพิธภัณฑ์เวิ่นฟงวันนี้ก็จะได้รับสิทธิ์ก่อสร้างกับบริษัทของ คุณหรอกเหรอ”
“ใครบอกครับ มันไม่มีอะไรแบบนั้นนะ
“เป็นไปไม่ได้” ธนวันเริ่มอยู่ไม่สุข “ลูกเขย คุณอย่ามาก ลับกลอกแบบนี้นะ ถึงแม้ว่าจะเป็นเงินที่ไม่มากนัก แต่ สำหรับธุรกิจขนาดเล็กเช่นเรา มันเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อย เลย!”
ปยุตมีสีหน้าไม่พอใจ “อะไรคือสิ่งที่พ่อตาพูดเหรอครับ ผมกลับกลอกอะไร ไหนคุณเอาหลักฐานออกมาดู”
พ่อสามีเห็นเขาไม่ยอมรับและต้องการให้เขาเอาหลักฐานออกมา จู่ ๆ ก็รีบหยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมา และ โทรหาลูกสาวคนเล็กให้เธอมาทันที
ทันทีที่ชดาได้รับโทรศัพท์ ก็มีก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิด ขึ้นในใจ เปลือกตากระตุกไม่หยุด ถึงแม้ว่าพ่อจะไม่ได้บอก รายละเอียดทางโทรศัพท์ แต่สัญชาตญาณก็บอกว่าต้อง ไม่ใช่เรื่องดี อย่างที่คาด ทันทีที่เธอปรากฏตัวที่ห้องของ ประธานบริษัท พ่อก็พูดด้วยใบหน้าถมึงทึง “ชุดา ตอนนี้ พี่เขยของแกไม่ยอมรับว่าถ้าชนะการประมูลวัตถุโบราณใน พิพิธภัณฑ์เวิ่นฟงก็จะได้รับสิทธิ์งานก่อสร้าง ตอนนี้ต่อ หน้าเขา แกพูดความจริงมา แกได้เห็นแผนการประมูลด้วย ตาของตัวแกเองใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ ฉันเห็นมันด้วยตาของฉันเอง พี่เขย คุณทำได้ยัง
ไง…”
“คุณเห็นมันที่ไหน สามารถเอามันออกมาแสดงให้ผมดูได้
หรือเปล่า
”
“ในลิ้นชักกลางที่ห้องหนังสือของคุณ ถ้าคุณบอกว่าไม่ได้ เอามันไป งั้นเราก็กลับบ้านไปดูด้วยกัน”
เพื่อที่จะให้พ่อกับลูกสาวคู่นี้ตายลงโดยสมบูรณ์ ปยุต อดทนและกลับบ้านไปกับพวกเขา ขึ้นไปข้างบน ทั้งสามคน เข้าไปในห้องหนังสือด้วยกัน แต่เมื่อเปิดลิ้นชักกลับไม่พบ อะไรเลย หลักฐานหายไปแล้ว
“แปลกจัง ฉันเห็นมันอยู่ที่นี่เมื่อสองวันก่อนนี่! ” ชุดาหน้าบึ้ง “พี่เขย คุณเอามันไปใช่ไหม”
“กี่ครั้งแล้วที่ผมต้องพูดแบบนี้ ผมไม่ได้เอาเอกสาร แผนการประมูลมาไว้ที่นี่ ผลสรุปของเงื่อนไขวิธีการการ เสนอราคาสำหรับโครงการนี้ยังอยู่ภายใต้การพิจารณา ถ้า คุณไม่เชื่อสามารถไปขอคำยืนยันกับผู้บริหารบริษัทของเรา ได้”
“แล้วที่ผมถามคุณก่อนหน้านี้ ทำไมคุณถึงไม่พูดอะไรสัก คําเลยล่ะ”
ใบหน้าของธนวันเป็นสีเทา ข้อเท็จจริงอยู่ตรงหน้า แต่ก็ ยังคงต่อสู้กับความตาย
“มันยังไม่มีอะไรที่แน่นอนครับ คุณถามผม แล้วผมจะตอบ คุณยังไง”
บรรยากาศภายในห้องตอนนี้ไม่สามารถบรรยายได้
หลังจากผ่านไปครึ่งวันกับความโง่เขลาของชดา ทันใด นั้นก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คำรามด้วยความโกรธ “เป็นเธอ มัน ต้องเป็นเธอ!”
เธอคว้าจับแขนพ่อของเธอ “พ่อ มันต้องเป็นผลิน ต้อง เป็นกับดักที่เธอใส่ร้ายเรา ฉันจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้ ฉันจะไม่ ปล่อยเธอ!”
“หยุดเดี๋ยวนี้”
ปยุตตวาดเสียงดัง “เมื่อไหร่คุณจะพอ คุณคิดว่าที่นี่เป็น ที่ไหน ผมยังไม่ได้ถามเลยว่าทำไมคุณถึงเข้ามาในห้อง หนังสือของผม คันของของผม แล้วคุณยังจะมีปัญหากับ ภรรยาของผมอีก เธอไม่ใช่พี่สาวของคุณหรือไง ทำไมคุณ ถึงดูถูกทุกคน พี่สาวของคุณเป็นเพียงครูธรรมดา เธอไม่รู้ เรื่องอะไรเกี่ยวกับธุรกิจ แล้วเธอจะสามารถทำให้คุณติดกับ ด็กได้งั้นเหรอ”
หลังจากตำหนิแล้วก็หันไปทางธนวันแล้วเอ่ยขึ้น “พ่อตา ครับ ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะสอนลูกสอนแบบนี้ น่าผิดหวัง จริง ๆ
“พอ ฉันเห็นเอกสารนั่นจริง ๆ นะ พ่อเชื่อฉันสิ ฉันเห็นมัน
เพียะ!
คลื่นสุดท้ายของความอดทนกลายเป็นการตบหน้า นี่ เป็นครั้งแรกที่เขาทำร้ายลูกสาวของเขา ไม่ใช่แค่เพราะ ความอับอายแต่มันบวกกับสิบล้านของความเศร้าโศกด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้อยากที่จะตีลูกอันเป็นดวงใจ
ชุดากุมที่แก้มขวาด้วยความตกใจ น้ำตาแห่งความ อับอายไหลออกมาจากดวงตา เธอก้าวขาและวิ่งออกไป จากห้องหนังสือ รีบเก็บกระเป๋าด้วยความโกรธและเสียใจ ร้องไห้กลับบ้านอย่างขมขื่น
ในสถานที่ของตัวเอง เห็นแม่ที่รักเธอ ความรู้สึกหดหูก็ระเบิดออกมาทันที ร้องไห้จนขาดสติ ตะโกนฟูมฟายอย่าง ไม่มีหน้าที่จะมีชีวิตอยู่…
หลังจากที่ผลินได้รับสายจากพ่อก็ตรงไปที่บ้านแม่
ยังไม่ได้เข้าบ้านก็พลันได้ยินเสียงคนร้องไห้ เธอหายใจ เข้าลึก ๆ และก้าวเข้าไปอย่างใจเย็น
เมื่อศัตรูได้พบกัน ก็ตาแดงเป็นพิเศษ
ธนิดาวิ่งออกมาตรงหน้าเธออย่างขาดสติ และผลัก เธออย่างแรง คำรามออกมาด้วยความโกรธ “นังสารเลวได้ ยางอาย กล้าดียังไงมาปรากฏตัวต่อหน้า ที่ลูกฉันต้องกลับ มาแบบนี้มันยังไม่แย่พออีกเหรอ”
ทรงตัวและก้าวเดิน เอ่ยถามขึ้นอย่างไร้เดียงสา “ฉันทำ อะไรกับเธองั้นเหรอคะ”
ธนวันลุกขึ้นมา สีหน้าเศร้าหมองบอกเล่าเรื่องราว สุดท้ายก็ถามอย่างมีความหมาย “ยายลิน บอกพ่อมาตาม ตรง แกเป็นคนทำมันทั้งหมดนี้ใช่ไหม”
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ใช่คุณจะเชื่อไหมคะ ”
เธอหัวเราะกับตัวเอง ไม่เชื่อใช่ไหมคะ คุณไม่เชื่อทั้ง ๆ ที่มันก็เป็นเพียงแค่การคาดเดา”
“พูดอะไร ใช่ก็ใช่ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ถ้าแกไม่ใช่คนทำ ก็ไม่มีใครจะเอาผิดแก
“ก็ดีค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะบอกตามตรง ไม่ใช่
“เธอโกหก”
ชุดาคำรามอย่างประสาทเสีย “มันเป็นกับดักที่เธอตั้งใจ ทำไว้ ฉันมันโง่เองที่กระโดดเข้าไป!”
“เธอมีหลักฐานมาพิสูจน์เหรอว่ามันเป็นกับดักของฉัน”
“ถ้าเธอไม่แนะนำว่ามีเอกสารสำคัญในห้องหนังสือ ฉันก็ จะไม่เข้าไปที่นั่นแน่นอน เธอกล้าพูดไหมล่ะว่าเธอไม่ได้มี เจตนาร้ายน่ะ!”
“เธอทำตัวตามสบายเกินไป ฉันเดือนเธอแล้วว่าอย่า เข้าไปในห้องของคนอื่นและย้ายสิ่งของของคนอื่น แต่เธอ ไม่ฟัง พอมีเรื่องเกิดขึ้นมาก็มาโทษฉัน” เธอหยุดสักครู่และ มองไปรอบ ๆ “ฉันเป็นแค่คนที่ไม่ได้รับการยอมรับจากพวก คุณ อยู่ในกำมือแบบนี้คิดว่าจะทำอะไรพวกคุณได้ บอกว่า ฉันวางกับดักกับเธอ ชุดา เธอยกย่องฉันเกินไปแล้ว”