ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน - 49 จูบฉับพลัน
ตอนที่ 49 จูบฉับพลัน
แน่นอนว่าชื่นใจรู้ว่าเขาไล่ตามมา ดังนั้นทันทีที่เข้าบ้าน จึงตะโกนเสียงลั่น “ผลิน ออกมาเร็ว เธอออกมาเร็ว ๆ”
“เกิดอะไรขึ้น เจอผีหรือไง”
ผลินเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ผูกเชือกของเสื้อคลุมอาบน้ำ เดิน เข้าไปในห้องนั่งเล่น
“ไม่ใช่แค่ผี มันแย่กว่าผี คุณปยุตมา”
ร่างกายแข็งเกร็ง ดวงตามืดลง “เธอบอกเขาเหรอ”
ชื่นใจยกมือขึ้น “ฟ้าดินเป็นพยาน ถ้าบอกเขา ออกไปขอ
ให้ถูกฟ้าผ่าตาย”
“แล้วเขาจะมาที่นี่ได้ยังไง”
“ฉันก็ไม่รู้ ฉันเจอเขาที่ประตูโรงเรียน แล้วพูดอย่างที่เธอ บอกให้พูด ไม่คิดเลยว่าทั้งไวภพและทุกคนต่างก็เชื่อ แต่ เขากลับไม่เชื่อ เป็นนักธุรกิจที่ไม่ดี ฉลาดเกินไป”
ผลินไปที่หน้าต่าง เปิดม่านออก เห็นรถแปลก ๆ คันหนึ่ง จอดอยู่ผ่านรอยแยก แต่คนที่พิงประตูเป็นคนที่รู้จักดี
“ดูเหมือนว่าเขาจะเชื่อว่าเธออยู่ที่นี่นะ พร้อมที่จะเฝ้าใต้ ต้นไม้รอคอยกระต่าย”
ชื่นใจนอนคว่ำหน้าทับแขนของเธอ ยืนยันอย่างมั่งคง
ผลินคิดทบทวน แล้วหมุนตัวเข้าไปในห้องนอนเปลี่ยน เสื้อผ้าแล้วออกมา ก้าวเดินลงไปตามทางเดิน
“เฮ้ เธออย่าเป็นคนไร้หัวใจอย่างนี้สิ ให้อภัยเขาแล้วเห รอ…เฮ้ ผลิน เธอลืมสิ่งที่เขาทำกับเธอแล้วเหรอ….
ชื่นใจตะโกนไล่หลังเธอ เธอเดินออกไปอย่างคนหู หนวก
ปยุดจ้องมองผู้หญิงที่เข้ามาหาเขาอย่างมีความหมาย ค่อย ๆ ยึดตัวขึ้นตรง ดับมวนบุหรี่ในมือที่เหลือครึ่งหนึ่ง
ผลินยืนอยู่ต่อหน้าเขา เหลือบมองเศษบุหรี่บนพื้น เอ่ย ถามด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ “คุณต้องการอะไร
“มือของคุณดีขึ้นแล้วหรือยัง”
“ดีไม่ดีมันสำคัญกับคุณยังไงเหรอคะ ฉันเป็นใคร
พูดอะไรไม่ออกเพราะคำพูดอันคมกริบของเธอ ปยุตจุด บุหรี่สูบอีกครั้ง
“บอกเหตุผลที่คุณมาที่นี่
“มีบางอย่างที่กังวลเกี่ยวกับคุณ”
เขาพูดความจริง ดึงดูดรอยยิ้มแดกดันของเธอ “กังวลเห รอคะ ตบใครบางคน จากนั้นก็ยื่นน้ำตาลให้คนคนนั้น คิดว่า คนคนนั้นจะลืมเหรอว่าการถูกตบหน้ามันเจ็บแค่ไหน”
“ผมรู้ว่าตอนนี้คุณกำลังโกรธมาก…
“แล้วยังไงคะ”
ผลินขัดจังหวะเขา ในใจคิดหวังจะให้เขาพูดสามคำนั้น
“ผมเสียใจ ผมไม่ได้คาดคิดเกี่ยวกับโรคกลัวที่แคบของ
คุณ”
“ไม่ได้คาดคิด คุณสามารถเอาฉันเป็นเดิมพันกับเพื่อน ของคุณ แล้วคุณจะจำได้ยังไงว่าฉันมีความผิดปกติอะไร
“คุณพูดเอง ศักดิ์ศรีมันไร้ค่า
“มันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่ต้องการมัน มีไม่กี่อย่างที่ ฉันเป็นเจ้าของ เพราะฉะนั้นจึงไม่ฟุ่มเฟือยพอที่จะทิ้งสิ่งที่ ไร้ค่า”
บรรยากาศหยุดนิ่งเหมือนถูกแช่แข็ง ทั้งคู่ต่างนิ่งเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก
หลังจากผ่านไปเป็นระยะเวลานาน ปยุตก็ทำลายความ เงียบขึ้นมาก่อน “กลับไปกับผม”
“เมื่อไหร่ที่คุณตระหนักถึงความผิดพลาดของคุณ ค่อยมา พูดกับฉันอีกครั้ง”
หันหลังแล้วเดินจากไป ชั่วแวบที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ริมฝีปากมีรอยยิ้มเศร้า เธออยากฟังแค่ประโยคเดียว คำว่า ผมขอโทษ แต่ผู้ชายที่หยิ่งยโสคนนั้น กลับไม่พูดอะไรเลย
ไวภพมาหาผลิน จากระยะเวลาที่ปยุตมาตามหาเธอ มัน แค่สองวันถัดมา
ซึ่งไม่รู้ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเธอไม่ได้ไปเที่ยว อย่างไร ก็ตามไม่มีใครบอกเขา แต่เขาก็มาแล้ว
ผลินเตรียมที่จะออกไปพบเขา ชื่นใจนั่งอยู่บนโซฟา และพูดแซวออกมาประโยคหนึ่ง “ความนิยม ไม่ได้ลดน้อย ลงเลย…”
เมื่อก่อนผลินเป็นดอกไม้ที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย ปรานต์ เด็กผู้ชายต่างไล่ตามเธอ คนแล้วคนเล่า
ในค่ำคืนกลางฤดูร้อน ลมอ่อนโยนในอากาศปะทะ ใบหน้าของผู้คน ทำให้สดชื่นเย็นสบาย
“คุณครูใหญ่ไวภพ ดึกขนาดนี้มีอะไรกับฉันเหรอคะ”
ไวภพยิ้มอย่างไร้อารมณ์ “คุณไม่ได้อยู่ข้างนอก เราอย่า เป็นคนแปลกหน้าต่อกันเลย” เมื่อเห็นผ้าพันแผลที่มือของ เธอก็คว้ามันและเอ่ยถาม “มือเป็นอะไร
ผลินมองไปที่หน้าต่างบนชั้นสอง เห็นร่างของชื่นใจ จึง ค่อย ๆ ดึงมือกลับ แล้วตอบเบา ๆ “ไม่มีอะไร
“ทะเลาะกับคุณปยุตเหรอ”
“เปล่าค่ะ”
“แล้วทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่”
เธอถอนหายใจ “ไวภพ ฉันรู้ว่าคุณรักฉันมาก แต่ฉันเป็น ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว การที่คุณดูแลฉันมันไม่ได้ช่วยอะไร เลย แทนที่จะเสียเวลากับคนที่เป็นไปไม่ได้ ทำไมคุณถึงไม่ มองวิวทิวทัศน์อื่นรอบตัวคุณ”
“ในโลกของผม ผลิน คุณเป็นเพียงวิวทิวทัศน์เดียว”
หัวใจของผู้หญิงนั้นเปราะบาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลัง จากถูกทำร้ายโดยผู้ชายคนอื่น
ผลินไม่ปฏิเสธคำพูดของไวภพที่ประทับใจเธอ แต่ก็ไม่ หวั่นไหว “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉัน…
“ไปดินเนอร์กับผม คุณติดหนี้ผมอยู่”
เธอตกใจมาก มองดูนาฬิกาบนข้อมือ “มันไม่ดึกเกินไป เหรอคะ”
“จะทำยังไงดี ผมมาหาคุณในตอนท้องว่าง คิดว่าตัวเองไม่ได้โชคร้ายขนาดนั้น แต่ก็กลับถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า”
“ฉันชวนชื่นใจไปด้วยได้ไหม”
เขาส่ายหน้า “ผมอยากอยู่กับคุณ”
ขณะที่ผลินยังคงยุ่งยากใจ ไวภพก็เปิดประตูออกแล้ว “ถ้าคุณปฏิเสธมันวันนี้แล้วผมก็จะได้รับดอกเบี้ยอาหารเพิ่ม ขึ้นเป็นสองเท่า ถ้าคุณไม่อยากต้องทานข้าวกับผมอีกก็จ่าย ปิดหนี้ของคุณซะตอนนี้”
เธอถอนหายใจอย่างหมดหนทาง จําต้องก้าวเข้าไปใน
รถ
หลายวันมานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างปยุตกับพ่อเริ่ม บรรเทาลง แต่อารมณ์ก็ยังไม่ได้ดีขึ้น
ในช่วงเย็น แม่ตั้งใจถอนหายใจต่อหน้าเขา “นี่ วันที่ลูก สะใภ้ไม่อยู่ กับข้าวไม่อร่อยเลยนะ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หนูลินจะ กลับมา”
ลูกสาวตอบทันที “แม่คะ อย่าหวังเลย ไม่แน่ว่าพี่สะใภ้ จะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้วตลอดชีวิตก็ได้”
“ไร้สาระอะไร พี่สะใภ้ของแกเป็นภรรยาของพี่ชายแก เธอ จะไปที่ไหนถ้าเธอไม่กลับมา”
แผ่นดินกว้างใหญ่มีที่ไหนบ้างไม่สามารถไปได้ ฉันหวังว่าพี่สะใภ้จะทนได้ แต่ถ้าเป็นฉันจะตบกันก่อนแล้วค่อยออก ไป”
แม่และน้องสาวร้องเพลงและดื่ม เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่ ในเหตุการณ์มีสีหน้าที่ไม่ค่อยดี จึงเพิ่มน้ำมันและน้ำส้ม สายชูเพื่อกระตุ้นเขา
ปยุตกระแทกตะเกียบลงบนโต๊ะ “ผมอิ่มแล้ว” หันหลัง เดินขึ้นไปข้างบนด้วยความหงุดหงิด
ตกกลางคืน หลังจากที่คนในครอบครัวหลับไปแล้ว เขา หยิบกุญแจรถและออกจากบ้านไปท่ามกลางแสงจันทร์สีเงิน ยวง รถวิ่งไปยังจุดหมายปลายทางและหยุดลง หยิบเอา โทรศัพท์มือถือออกแล้วกำลังกดโทรไปแต่ก็ลังเลเล็กน้อย ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างชัดเจนเมื่อครั้งที่แล้ว ต้องการให้เขา ตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง และกลับมาหาเธออีก ครั้ง ความหมายของคำพูดเขาไม่ได้ไม่เข้าใจ มันคือการขอ ให้เขาขอโทษเธอ คำขอโทษที่ไม่สามารถพูดได้ และถึง ต้องการที่จะพูด แต่มันก็ยาก
ในขณะที่เขากำลังลังเล รถยนต์เมอร์เซเดสเบนซ์สี บรอนซ์เงินแล่นผ่านเข้ามาในระยะสายตาของเขา หยุดที่ ระยะห่างตรงหน้าไปห้าสิบเมตร คิ้วขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ ตัว เขาจ้องมองคนสองคนที่ลงมาจากรถ
คืนนี้ไวภพดื่มไวน์ และดูตื่นเต้นมาก เขายืนอยู่ตรงหน้า ผลิน พูดออกมาอย่างไม่เต็มใจ “เมื่ออยู่กับคุณเวลามันผ่าน ไปอย่างรวดเร็วจริง ๆ ผมหวังว่าจะสามารถหยุดเวลาในวินาทีนี้เอาไว้ได้”
ผลินหัวเราะ “ฟังดูเหมือนคุณกำลังจะตาย”
“เพราะคุณปฏิเสธที่จะอยู่ตามลำพังกับผมเสมอ มันจึง ทำให้ผมรู้สึกว่าทุกนาทีที่ผมใช้เวลากับคุณนั้นมีค่ามาก
“สิ่งที่คุณไม่เคยได้รับคือสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ หากฉันสัญญา กับคุณทุกครั้งที่คุณถามฉัน โดยธรรมชาติแล้วจะไม่มีความ รู้สึกหวงแหนเช่นนี้เลย
ก้าวไปข้างหน้าด้วยความประหลาดใจ พลางสอบถาม รายละเอียด “ถ้าอย่างนั้นที่คุณปฏิเสธผม ก็แค่เล่นตัวถูก ไหม ไม่ใช่ว่าในใจของคุณไม่อยากอยู่กับผมใช่ไหม”
ผลินจับหน้าผากตัวเองและถอนหายใจ ถ้าเธอไม่ได้เห็น ว่าปยุตอยู่ตรงนั้น เธอจะไม่พูดกับไวภพเช่นนี้เลย
“แน่นอนว่ามันไม่
“ไม่อะไร ใจคุณไม่อยากอยู่กับผมจริงเหรอ”
จงใจบิดเบือนความหมายโดยเจตนาของเธอเอง มองดู เหมือนเธอกำลังจะโต้แย้งอย่างกระตือรือร้น แต่ทันใดนั้น สีหน้าตลกของเขาก็เปลี่ยนไป พูดออกมาอย่างจริงจัง “โอ้ อยู่เฉย ๆ ดูเหมือนมีบางอย่างกำลังคลานอยู่บนหัวคุณ”
เธอตกใจมาก ยังไม่ทันได้ตอบกลับ เขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วกดจูบลึกลงบนหน้าผาก
ด้วยมีแอลกอฮอล์เป็นตัวช่วย ไวภพจึงทำในสิ่งที่ ต้องการจะทำ ถึงแม้ว่าต้องโดนตบ เขาก็จะไม่เสียใจ
ผลินกลายเป็นหินทันที ตกตะลึงเมื่อเขาจูบอย่างฉับ พลัน เมื่อเริ่มได้สติ ก็รู้สึกลำบากใจจนเกินบรรยาย
“ถ้าคุณไม่ตบหน้าผม งั้นผมไปแล้วนะ”
ริมฝีปากของไวภพยกยิ้มอย่างพอใจ ดูเหมือนว่ากลาย เป็นคนที่มีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม
บางคนกำลังมีความสุขแต่บางคนก็กำลังโกรธ ปยุตที่ นั่งอยู่ในรถตอนนี้ โกรธจนทนไม่ได้ เขากระแทกประตูเปิด กำหมัดแล้วเดินเข้าไปตรงหน้าไวภพอย่างรวดเร็ว ชกต่อย อย่างหนักหน่วง
ไวภพมึนเบลอ ล้มลงกับพื้น ผลินกรีดร้อง คำรามใส่ปยุต ด้วยความโกรธ “คุณเป็นบ้าเหรอ มาต่อยคนตอนกลางดึก แบบนี้!
“คุณรู้เหรอว่านี่มันกลางดึก แล้วเขาทำอะไรกับคุณตอน กลางดึกแบบนี้กันล่ะ”
เมื่อปยุตพูดจบ เขาก็ได้รับหมัดจากไวภพ สงครามเกิด ขึ้นโดยสมบูรณ์ ผู้ชายสองคนต่อสู้กันอย่างหนักเพื่อผู้หญิง คนเดียว ไม่ว่าผลินจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถหยุดพวกเขาได้
ผลินทนเห็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เมื่อเห็นช่องว่างจึง เข้าไปยืนขวางหน้าไวภพ กำปั้นของปยุตค้างอยู่กลาง อากาศจําต้องบังคับให้ถอยกลับ
“พอได้แล้ว คุณมีตำแหน่งอะไรที่จะมาตีกับใครที่นี่ คิด ทบทวนก่อนที่คุณจะตำหนิคนอื่น ก่อนที่คุณจะถามถึงสิ่งที่ คนอื่นทำกับฉัน คิดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำอะไรลงไปกับฉัน ก่อน!”
ผลินจงใจเข้าข้างไวภพ หลังจากตะโกน ก็ดึง ผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋า หันหลังกลับไปอย่างอ่อน โยนและเช็ดเลือดที่มุมปากของเขา
ปยุตมองดูภาพนี้อย่างเย็นชา หัวใจเกิดความเจ็บปวดที่ ไม่สามารถอธิบายได้ เกลียดเขามากแค่ไหน ถึงได้ยั่วเขา ต่อหน้าเขาแบบนี้
ความรู้สึกของความพ่ายแพ้รายล้อมรอบเขา หลังจาก สามปี นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องรู้สึกกังวลเกี่ยวกับผู้หญิง