ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน - 5 การเป็นมาย
ตอนที่5 การเป็นมาย
ช่วงเวลากลางคืนคืบคลานเข้ามาลบแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ ม่านความ มีดแห่งค่ำคืนเหมือนดั่งม่านกำมะหยี่ในโรงละครที่ค่อย ๆ โรยตัวลงมาช้า ๆ
งานแต่งงานยังไม่ทันจบ ผลินก็ถูกปยุตพาตัวออกจากโรงแรม ซึ่งแน่นอนว่า เธอถูกฉุดกระชากออกมา
“คุณจะพาฉันไปไหน”
ผลินยืนอยู่ข้างรถของเขาและเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“กลับบ้าน”
“แต่แขกยังไม่ได้…”
เธอชี้ไปที่โรงแรมข้างหลังเธอ แต่ก็ถูกขัดจังหวะขึ้นเสียก่อนที่เธอจะพูดจบ “คุณชอบที่จะเห็นสายตาเห็นอกเห็นใจจากผู้คนในนั้นงั้นเหรอ”
ผลินตื่นตะลึง เขาพูดต่อ”ผมไม่ได้ต้องการให้ใครเห็นด้วยกับการเลือกของ
ผม”
“การแต่งงานกับผู้ชายอย่างผม ถูกลิขิตให้คนอื่นรู้สึกสมเพชเวทนา”
ปยุตเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา ดวงตาคมไร้แววเมตตาสงสาร แต่กลับดูพึง พอใจในความโชคร้ายเหล่านั้น
รถแล่นมาถึงหน้าประตูของคฤหาสน์ตระกูลทรัพยสาน คนเฝ้าประตูทั้งสอง ด้านเปิดประตูรั้วเหล็กแกะสลักอย่างช้า ๆ ผลินมองไปทางด้านซ้ายของประตูซึ่ง มีป้ายเขียนว่าคฤหาสน์นภา ก็พลันนึกถึงสุภาษิตโบราณขึ้นมาได้ เมื่อประตูเปิด สู่ทะเลลึก ตั้งแต่นั้นเชียวหลางก็กลายเป็นทางสัญจรไปมา
แม้ว่านี่จะเป็นการแต่งงานครั้งแรกของเธอ แต่เธอก็เคยไปงานแต่งหลายงาน ไม่เคยเห็นงานไหนที่แขกเหรื่อยังไม่ทันจะกลับ แต่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวออกจาก งานไปก่อน เธอถอนหายใจกับตัวเองว่าเธอนั้นได้แต่งงานกับผู้ชายที่สูงส่งเสีย จริง เมื่อเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ ปยุตเดินขึ้นไปชั้นบนโดยที่ไม่สนใจ เธอเลย ราวกับว่าไม่มีผลิตอยู่ด้วย แต่ถึงเขาจะไม่สนใจเธอ ก็ไม่ได้หมายความ ว่าเธอจะไม่พิสูจน์รัการมีตัวตนของตัวเอง
เธอเดินตามเขาไปติด ๆ จนมาถึงโซนที่เป็นที่อยู่ของเราทั้งสองคน ในช่วง เวลาที่ประตูถูกเปิดออก ผลินก็ต้องตกตะลึง นี่คือบ้านใหม่หรือ นี่มันสุสานชัด ๆ นี่คือที่ที่คนอยู่อาศัยอย่างนั้นหรือ มีแต่ฝีเท่านั้นแหละถึงจะอยู่ที่นี่ได้ เมื่อมองไป โดยรอบ ที่นี่ไม่มีสีอื่นเลยยกเว้นสีขาวและสีดำ
“เข้าห้องของคุณไปสิ”
ปยุตถอดสูทออกอย่างเกียจคร้านแล้วโยนมันลงไปบนเตียง ความหล่อเหลา ของเขาไม่สามารถปกปิดความเหนื่อยล้าได้เลย
ห้องของเธออย่างนั้นหรือ
เมื่อผลินนึกถึงประโยคนี้ก็พลันเอ่ยถามขึ้นด้วยความไม่แน่ใจ “เราไม่ได้อยู่ ด้วยกันเหรอคะ”
เขามองมาที่เธอ กอดอกแล้วเดินเข้ามาหาเธอพลางถามอย่างล้อเลียน “จาก การแต่งงานบ่อยครั้งของผม ถ้าหากต้องอยู่กับผู้หญิงทุกคน คุณคิดว่าผมต้อง นอนบนเตียงนี้กับผู้หญิงกี่คนกัน”
“คิดไม่ถึงเลยนะคุณรักษาตัวขนาดนี้”
“มันไม่เกี่ยวกับการรักษาตัว แต่ผมไม่อยากให้เตียงของผมสกปรกต่างหาก”
เธอชะงักไปสองถึงสามวินาทีแล้วจึงพยักหน้า”อา..ฉันเข้าใจแล้ว แต่ฉันจะ ต้องอยู่ห้องไหนเหรอคะ
“ห้องนั้น”
เขาชี้นิ้วไปทางกำแพงฝั่งขวาของห้องนอน เมื่อผลินมองตามไปก็ให้เกิด ความสงสัย “นั่นไม่ใช่ภาพวาดหรอกเหรอคะ”
“เปิดภาพออกสิ ถึงแม้จะยังมีนงง แต่เธอก็ทำตาม ค่อย ๆ เตินไปที่ภาพวิวทิวทัศน์ขนาดใหญ่ นั่น เมื่อเปิดภาพออกเธอก็ต้องตกตะลึงเมื่อข้างหลังภาพวาดนี้มีประตูอยู่จริง ๆ เธอตกใจมากกับสิ่งที่เห็น แล้วเธอก็ตระหนักได้ว่าการจะเป็นสะไภ้ของตระกูล ทรัพยสานนั้นจะต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งอย่างมาก
เธอจินตนาการได้เลยว่าผู้หญิงที่มีจิตใจอ่อนแอจะต้องร้องไห้แน่เมื่อเห็น
ประตูบานนี้
“ต่อไปฉันก็ต้องอยู่ที่นี่เหรอคะ”
“โช่”
“ค่ะ ราตรีสวัสดิ์”
เธอส่งยิ้มให้เขาบางเบาแล้วจึงหันกลับเดินไปที่ประตูด้านหลังภาพวาดและ เข้าไปในห้องที่ดูเหมือนห้องลับนั่น
เมื่อประตูปิดลงเธอก็ผ่อนลมหายใจยาว เพราะไม่อยากให้เสียเรื่อง เธอจึง ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะบอกราตรีสวัสดิ์กับเขา
โชคยังดีที่ห้องของเธอไม่ได้มีเพียงแค่สีขาวกับดำ
หลังจากวันแห่งความรื่นรมย์ ชุดแต่งงานอันหรูหรานี้กดทับลมหายใจของ เธอไว้ราวกับภูเขา เธอเอื้อมมือไปด้านหลังเพื่อรูดซิปของชุดแต่งงานที่ละเอียด อ่อน ค่อย ๆ รูดมันลงอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่งดงามของหญิง สาว
ผิวเรียบเนียนสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งกว่าดอกบัว สวยงามยิ่งกว่าดอกกุหลาบ ผลิน เปิดตู้เสื้อผ้า ข้างในนี้เต็มไปด้วยเสื้อผ้าของผู้หญิง ครบถ้วนทุกแบบ เนื้อผ้า อย่างดี ที่สำคัญป้ายแบรนด์ก็ยังคงอยู่ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่ายังไม่เคยมีใครได้สวม ใส่มันมาก่อน เธอเลือกชุดนอนที่เป็นแบบทรงสมัยเก่าเล็กน้อย ในขณะที่กำลัง จะสวมใส่มันประตูก็เปิดออก
ดวงตาสองคู่ประสานกัน เธอสูดลมหายใจ เสื้อผ้าของเธอเกือบตกลงพื้น หากเธอไม่สงบพอก็คงกรีดร้องไปแล้ว
เธอรีบดึงผ้าห่มบนเตียงมาคลุมตัวเองไว้ กะพริบตาและเอ่ยถามว่า “ทำไมถึง เข้ามาโดยไม่เคาะประตูคะ”
“กลัวอะไร ผมไม่พิศวาสคุณหรอก ถึงคุณจะยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้า ผมก็ ไม่ได้อยากจะมองคุณแลยสักนิด”
เขาหยุดชั่วคราว รู้ไหมว่าทำไมภรรยาทั้งหกคนของผมถึงหย่า นี่คือเหตุผล หนึ่ง คุณว่าจะมีผู้หญิงคนไหนสามารถทนอยู่อย่างคนเป็นม่ายได้ล่ะ”