ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน - 59 งานอดิเรกของผู้หญิงคือมองดาว
ตอนที่ 59 งานอดิเรกของผู้หญิงคือมองดาว
ปยุตหัวเราะเยาะ สายตาเหล่มองเธอ “คุณคิดว่ามันเป็น ไปได้งั้นเหรอ”
“ฉันคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้”
“แล้วทำไมคุณถึงถามแบบนั้น”
ผลินหลุบตาลง “ฉันไม่สามารถคิดถึงเหตุผลอื่นได้ คุณเคยแกล้ง แต่จู่ ๆ ก็มาทำดีกับฉัน ฉันจึงคิดว่ามันต้องมี เหตุผล”
“ล่าสุดที่ผมบอกคุณว่าผมจะดูแลคุณ ผมไม่ได้บอกเหรอ ว่าจะไม่แกล้งคุณด้วย”
“เมื่อคืนเกือบตายในสระว่ายน้ำเพราะคุณ
ปยต ยิ้มจนเห็นฟัน “มันก็แค่เรื่องตลก ถ้าผมต้องการที่จะ
ฆ่าคุณ คุณคงจะตายไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งไปแล้ว”
ประโยคนี้ทำให้ผลินเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม
“จริงสิ ทำไมคุณถึงป่วยเป็นโรคกลัวที่แคบล่ะ”
ผลินขนตาสั่นเล็กน้อย “คุณอยากรู้เกี่ยวกับฉันด้วย ดู เหมือนไม่ใช่สิ่งที่คุณจะทำเลย”
“ที่ช่วยให้คุณเอาชนะความกลัวของการขึ้นลิฟต์ มันก็ดู เหมือนไม่ใช่สิ่งที่ผมจะทำด้วยเหรอ” ปยุตเอ่ยถาม
เธอส่ายหน้า “มันไม่เหมือนกัน”
“งั้นก็หมดเรื่องแล้ว แสดงว่าคุณไม่รู้จักผม ไม่มีอะไรที่ เหมือนไม่ใช่สิ่งที่ผมจะทำ เพียงแต่ว่าสิ่งเดียวที่ผมจะไม่ทำ ก็คือผมไม่อยากทํ
“ฉันไม่รู้จักคุณจริง ๆ มันเหมือนกับว่าฉันไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมบางครั้งคุณก็ทำดีกับฉัน และนั่นมันก็แย่สำหรับฉัน”
ผลินยักไหล่ เอาทาร์ตไข่ออกมาแล้วกัดมัน
“อ๊ะ อร่อยจัง ฉันไม่เคยทานอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”
“ ทำไมล่ะ”
“ฉันไม่เทิดทูนอะไรที่เป็นของชาวต่างชาติ”
เขายกริมฝีปากอย่างไร้อารมณ์ “ที่ถามไปยังไม่ตอบ
เลย”
“ถามอะไรคะ”
ผลินแกล้งโง่
“ทำไมคุณถึงป่วยเป็นโรคกลัวที่แคบ”
“ตั้งแต่เกิด”
“เป็นไปได้ยังไง ไม่มีใครเกิดมาพร้อมกับโรคประหลาด แบบนี้หรอก”
“หรือคุณคิดว่ามันเป็นเพราะอะไร ไม่ใช่ทุกคนที่มีเหตุผล เหมือนคุณ คุณได้รับความเจ็บปวดจากบาดแผลทางอารมณ์ แต่ฉันยังไม่เคยมีความรักเลย”
เมื่อพูดถึงความเจ็บปวดของปยุต เธอก็ไม่พูดต่อ ใน พื้นที่แคบ มีความเงียบเกิดขึ้นชั่วครู่
เมื่อใกล้ถึงด่านเก็บค่าผ่านทาง ปยุตก็โยนกระเป๋า สตางค์มาให้ “หยิบเงินออกมา”
ผลินหยิบออกมาสองร้อยดอลลาร์แล้วกำลังจะปิด กระเป๋าลง เหลือบมองบัตรประชาชนของปยุต “ว้าว ทำไม รูปที่ถ่ายถึงได้สวยแบบนี้ล่ะ
“คุณหมายถึงอะไร มันเก่าแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ไม่เลย ตอนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่ แต่ในรูปเหมือนนักเรียนมัธยม ต้นที่ฉันสอนอยู่เลย
เธอมองอย่างพินิจพิจารณาอีกครั้ง จู่ ๆ ก็ถามขึ้นมาอีก “เฮ้ วันเกิดของคุณใกล้เข้ามาแล้วนี่ใช่ไหม”
มันเป็นคำพูดธรรมดา แต่ใบหน้าของเขาก็กลับบึ้งตึง“พอเถอะ ถ้าดูพอแล้วก็เก็บมันให้ผมด้วย
ผลินกัดริมฝีปาก ปิดกระเป๋าสตางค์ และถามเขาต่อ “วัน เกิดคุณต้องการอะไร เดี๋ยวฉันจะซื้อให้คุณ”
“ไม่ต้อง ผมไม่ฉลองวันเกิด”
ผู้ชายคนนั้นเป็นอะไรไปอีกแล้ว เธอหันใบหน้าร้อนให้ เขาแต่เขากลับหันบั้นท้ายเย็นให้เธอ ดูเหมือนว่าเธอจะไป พูดอะไรที่เขาไม่ชอบฟังเข้า
เวลาเย็น ในที่สุดก็ถึงเมือง B พวกเขาเข้าบ้านทีละคน การต้อนรับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม่สามีจับมือเธอด้วย ความอบอุ่น แต่ไม่สนใจลูกชายของตัวเองเลย
จากนั้นผลินก็คิดเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจ วันเกิดของป ยุต ไม่ใช่ว่าเขามีความบาดหมางกับครอบครัวหรอกเหรอ หรือว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของแม่สามี เธอคิดแล้วคิดอีก จน ในที่สุด ก็คิดว่าเขาคงจะพบกับเรื่องน่าเศร้าเหมือนกันกับ เธอ ต้องเป็นเพราะเขาเป็นลูกที่พ่อไปมีกับผู้หญิงคนอื่นข้าง นอก…
หลังจากมื้อเย็นผลินก็คุยกับพ่อแม่ที่ห้องนั่งเล่น
ในขณะที่กำลังพูดคุยอย่างสนุกสนาน น้องสามีก็กลับ เข้ามาอย่างรวดเร็ว กรีดร้องพร้อมด้วยสองมือเท้าสะเอว “พี่ ชายอยู่ไหนคะ”
ผลินตกใจกับท่าทางของเธอ ชี้ขึ้นไปข้างบนอย่างไร้ ความรู้สึก “คงจะทำงานในห้องหนังสือน่ะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ คะ”
“เดี๋ยวจะบอกคุณที่หลัง!” น้องสามีวิ่งขึ้นบันไดไปอย่าง รวดเร็ว ถึงมีฝาปิดก็ไม่สามารถครอบเพลิง
“เดี๋ยวฉันจะไปดูค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น”
ผลินไม่สบายใจ อยากตามไป พ่อแม่สามีบอกอย่างไม่ แปลกใจ โบกมือให้ “ไม่เป็นไร ๆ พวกเขาทั้งสองก็แบบนี้ แหละ”
“ก็คืออะไรนะ พูดต่อสิ เมื่อกี้เธอจะพูดว่าอะไรนะ
ปาณีรีบขึ้นไปข้างบน เตะเปิดประตูห้องหนังสือเปิด แล้ว ร้องไห้เสียงดัง “พี่คะ พี่ทำแบบนี้กับหนูได้ยังไง”
ปยุตตกใจ ลุกขึ้นแล้วถามว่า “พี่ไปทำอะไรเธอ”
“ชนัยไม่ได้เดินทางไปติดต่องานกับพี่เพราะพี่บอกให้เขา ไปนัดบอดใช่ไหม”
“เธอไปได้ยินมาจากใคร”
“พี่ไม่ต้องสนใจหรอกว่าหนูได้ยินมาจากใคร พี่พูดอย่าง นั้นถูกไหม”
ป ตรูปหน้าผากและถอนหายใจ “ใช่ แต่ว่า…”
“พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง พี่ไม่รู้เหรอว่าหนูชอบเขา พี่กลับให้ เขาไปนัดบอดได้ยังไง”
ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น แล้วร้องไห้หนักขึ้น
“เธอฟังพี่พูดให้จบก่อน ที่พี่ให้เขาไปนัดบอดน่ะมันด้วย เหตุผลบางอย่าง เป็นวิธีการแข่งขันในตลาดธุรกิจ ก็คือมัน เป็นกลยุทธ์”
เขาอธิบาย แต่ปาณีก็ไม่ยอม “พี่ทำเกินไปแล้ว ชนัยไม่ เคยทำผิดต่อพี่เลย ตั้งแต่อายุสิบแปดก็มาทำงานหนักให้พี่ เขามักจะทําตามคำสั่งพี่เสมอ ตอนนี้พี่ยังจะให้เขาเสียสละ ภาพลักษณ์ของเขาอีก พี่ไม่มีมโนธรรมเลย ฮือฮือออ…”
ปยุตมองเธอสะอึกสะอื้นจนหัวสั่นหัวคลอน ก็อดทน อธิบายต่อ “ไม่ได้ให้เขาเสียสละภาพลักษณ์ของเขา แค่ใช้ วิธีนัดบอดเพื่อให้การเซ็นสัญญาราบรื่นเท่านั้น”
“ถ้าไม่ใช่การเสียสละภาพลักษณ์แล้วมันคืออะไร เพราะ ชนัยครอบครัวของหนูหล่อ พี่ก็เลยบังคับให้เขาไปเหรอ”
“ใช่ ชนัยครอบครัวของเธอหล่อ หล่อกว่าพี่ หรือจะให้พี่ ทําเองล่ะ”
“ไม่ต้องเลย พี่รังแกครอบครัวของฉัน พี่รังแกชนัยเพราะ ไม่มีพ่อไม่มีแม่เลยต้องพึ่งพาพี่ หนูขอบอกพี่ จากนี้ไปหนูจะเป็นที่พึ่งของชนัย ถ้าพี่แกล้งชนัยที่เป็นครอบครัวของหนู อีก หนูไม่ยอมพี่แน่ ฮีย!”
ปาณีลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไป ชนเข้ากับผลินที่เพิ่งเข้ามา ในห้องหนังสือ ผลินจับไหล่เธอและถาม “เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมร้องไห้แบบนี้”
เมื่อได้พบกับพี่สะไภ้ที่น่ารักและน่านับถือ ปาณีก็เช็ด น้ำตาแห่งความขมขื่นแล้วพูดอย่างจริงจัง “ทำไมถึง แต่งงานกับพี่ชายฉัน รีบหย่าเดี๋ยวนี้ ใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายคน นั้นไม่ไหวหรอก…
ผลินมีเส้นสีดำวิ่งพาดผ่านศีรษะ หลังจากปาณีวิ่งหนี ไป เธอก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกแล้วถามปยุต “เด็กคนนั้นเป็น อะไรเหรอคะ”
“ได้ยินว่าชนัยไปนัดบอดก็เลยมาสอบสวนผมน่ะ
“คุณหมายถึงอะไร
“ไม่ใช่นัดบอดจริง ๆ มันเป็นแค่วิธีการทางธุรกิจน่ะ ผมบอก คุณไปคุณก็ไม่เข้าใจหรอก”
“คุณไม่ไปง้อเธอเหรอ”
“ไม่ล่ะ อย่างมองเหมือนว่าเธอกำลังจะตาย ผ่านคืนนี้ไป ความคั่งแค้นที่มีเดี๋ยวก็ลืม
ผลินยิ้มบางเบา “นิสัยแบบนี้ก็ดีนะ ห่างไกลจาก
ความเครียด”
“อิจฉาเธอเหรอ”
ปยุตถามอย่างมีความหมายแฝง
“ก็นิดหน่อย”
ผลินมีประกายความเศร้าโศกเข้ามาในดวงตาแวบหนึ่ง แต่ริมฝีปากก็ยังคงมีรอยยิ้มบาง ๆ “ฉันจะมีความสุขได้ไหม ล่ะ แต่งงานกับผู้ชายที่หย่าร้างมาแล้วหกครั้ง แถมยังทอด ทิ้งฉันและชอบรังแกฉันทั้งวัน มันคงจะดีถ้าฉันได้มีชีวิตแบ บน้องณี”
“ในที่สุดคุณก็ยอมรับแล้วว่าผมทอดทิ้งคุณ”
เธอพูดอย่างไร้อารมณ์ “ในที่สุดฉันก็ยอมรับอะไร มัน เป็นความจริง ฉันไม่เคยปฏิเสธนี่”
ปยุตดูนาฬิกาที่ข้อมือ “ตอนนี้ยังไม่ดึกมาก ผมจะพาคุณ
ไปเดินเล่น”
“อะไร คุณละอายแก่ใจหรือไง รู้สึกผิดใช่ไหม”
“คุณอยากจะคิดอย่างนั้นก็ได้”
ผลินเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “ฉันจะให้โอกาสคุณเปลี่ยนแปลงตัวเอง”
ทั้งสองคนลงไปข้างล่างด้วยกัน คุณนายท่านถามอย่าง สงสัยว่า “นี่จะออกไปข้างนอกกันเหรอ”
“ใช่ค่ะคุณแม่ พวกเราจะไปเดินเล่นกันน่ะค่ะ”
“โอ้ดีเลย ไปเถอะจ้ะ ไปเถอะ”
คุณนายท่านพยักหน้าอย่างมีความสุข หลังจากที่ ลูกชายและลูกสะใภ้ก้าวออกไปเธอก็พูดกับสามีว่า “เห็น ไหมคะ อย่างที่พระท่านที่ภูเขาหลวงท่านทำนายไว้ หนูลิน จะได้ครอบครองหัวใจที่เย็นชาของลูกชายเราทั้งหมด”
แต่ธามันไม่คิดเช่นนั้น เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คุณ ไม่ควรคาดหวังมากเกินไป มันไม่ง่ายที่จะรักษาอาการบาด เจ็บที่จันทรทำไว้กับลูกชายของเรา ตราบใดที่บาดแผลยัง ไม่หายไป เขาก็ไม่สามารถเปิดรับความสัมพันธ์ใหม่ได้
“มีหนูลินอยู่จะกลัวอะไร วันนี้ไม่หาย งั้นก็รออีกวัน ฉันเชื่อ ว่าวันหนึ่งจะหายไป ไม่ว่าแผลจะลึกแค่ไหน”
“กลัวว่าถึงแผลจะหายไป แต่ความรู้สึกนั้นยังอยู่ ที่เป็นทั้ง จุดแข็งและจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของลูกชายเราก็คือความ ทุ่มเทมากเกินไป คุณไม่รู้หรอกว่าเขามีความรักต่อจันทร มากเพียงใด”
ผลินกับปยุตมาที่ทะเลเพียงแห่งเดียวที่มีในเมือง Bทะเลยามค่ำคืนน่าหลงใหลเสียยิ่งกว่าตอนกลางวัน คลื่น กระแทกกับโขดหินกระเซ็นเป็นละอองน้ำสีเงินยวง ลมทะเล พัดมากระทบใบหน้า มันทั้งเปียกชื้นจนเย็นฉ่ำและเค็มปา
ปยุตหาที่ว่างและนั่งลง คลายเกลียวขวดเครื่องดื่มและ ให้มันกับเธอ “ต่อไปอย่าดื่มอีกนะ”
ผลินเกินความงุนงง “ทำไมต่อไปต้องอย่าดื่ม”
“อย่าดื่มเยอะอีก”
เธอหน้าแดงเล็กน้อย นึกถึงเสียงที่ถูกปยุตบันทึกไว้ตอน เมาเมื่อคืนนี้ พยักหน้าสั้น ๆ “โอเค เลิกดื่ม
“มันนานมากแล้วที่ผมไม่ได้มาที่ชายหาด อย่างน้อยก็ใน
เวลากลางคืน
ปยุตมองตรงไป ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหมือนทะเลตรง หน้า มันสําลึกจนไม่อาจคาดเดาได้
“ ทำไมล่ะ คุณกลัวผีหรือไง”
เขาจ้องมองเธอ “สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดก็คือผี ไม่อย่าง นั้นโลกภายนอกจะมีข่าวลือว่าผมเป็นปีศาจเหรอ”
เธอหัวเราะ “มันก็จริง
“นอนลงไปสิ แล้วคุณจะได้เห็นดาวมากมาย
ผลินนอนลงบนชายหาด แล้วตบลงตรงตำแหน่งข้างตัว
ปยุตนอนลง ใช้สองมือหนุนแทนหมอน พูดเสียงเนือย “การมองดาวคืองานอดิเรกของผู้หญิง แต่ถ้าผู้ชายมองจะ ถือว่าเป็นเกย์”
“ใครบอก ถึงคุณไม่มองดาวฉันก็คิดว่าคุณเป็นเกย์”