ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน - 68 ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ (6)
ตอนที68 ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ (6)
“คุณร้องไห้ ? ”
ปยุตมองแว๊ปเดียวก็ดูออกว่าเธอมีร่องรอยคราบน้ำตาที่ หางตาของเธอ จึงจับหัวไหล่ของเธอไว้แน่นอย่างแปลกใจ ถามว่า “ใครรังแกคณ ? ”
ผลินมองที่ปยุตอย่างตื่นตระหนก ใจคิดอยากจะพูด ว่า เป็นคุณ เป็นคุณนั้นแหละ นอกจากคุณแล้ว ไม่มี ใครเลยที่สามารถทำให้ฉันต้องเจ็บช้ำใจได้ แต่ว่าเธอกลับ พูดไม่ออก เพียงแค่ดึงมือของปยุตออกเบาๆ พูดออก มาอย่างอ่อนเพลียว่า “ฉันเหนื่อยเหลือทน ไม่อยากพูด อะไรขณะนี้”
ปยุตเข้ามาอาบนห้องอาบน้ำในภายหลัง พบเสื้อผ้า สกปรกที่ผลินได้ลืมเก็บให้เรียบร้อยทิ้งไว้ในห้องอาน้ำ เพิ่ง จะได้รู้ว่าเธอถูก รังแกอะไรมาบ้าง และเขาถึงกับ ตกตะลึงเมื่อมองไปยังมือที่เปื้อนซอสมะเขือเทศจากเสื้อ ของเธอ เขาจึงรีบเดินไปที่หน้าประตูห้องนอนลับของ ผลินในทันที เคาะประตูเสียงดัง ประตูเปิดออกมาเป็นช่อง ผลินสอบถามออกมาทางช่องของประตูว่า “ทำอะไร ? ”
เสื้อผ้าของคุณเกิดอะไรขึ้น ? ”
ผลินนิ่งสงบลงสักครู่ พูดออกมาตรงๆว่า “เป็นผลงาน
อันยอดเยี่ยมของภรรยาเก่าคุณนั้นแหละ
“โรสนีสร้างความเดือดร้อนให้กับคุณใชมัย
“คุณคิดว่าอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นแหละ
เธอปิดประตู ไม่คิดจะโต้เถียงกับเขาในเรื่องนี้อีก ปยุต ยกเสื้อที่อยู่บนมือ ค่อยๆบีบเค้นกันจนเป็นก้อนกลมๆ
วันที่สอง เป็นวันที่น่าตกตะลึงประหลาดใจอีกวัน หนึ่ง อย่างแรกเมื่อคืนวานผู้ปกครองของนักเรียนหลาย คนเดินทางมาที่โรงเรียนเพื่อต่อว่าต่อขานเธอ ไวภพซึ่ง เป็นครูใหญ่ คิดหาวิธีพยายามที่จะปลอบใจพวกเขายาก ที่จะปลอบใจให้พวกเขาดีขึ้น และแล้วแขกที่ไม่ได้รับเชิญ อย่างโรศนีมาอีกแล้ว เธอพูดอย่างคุกคามในห้องธุรการว่า ต้องการพบผลิน ผลินกำลังสอน ชื่นใจวิ่งมาบอกข่าวให้ กับผลินในทันที เพื่อให้เธอรีบไปหลบเสียก่อน เธอขมวด คิ้ว และเดินกลับไปห้องธุรการอย่างกล้าหาญ
“คุณคิดจะทําอะไรอีก ? ”
เธอสอบถามด้วยใบหน้าถมึงตึง
โรศนีชี้มือไปทางด้านนอก “ออกไปข้างนอก มีเรื่องคุย”
ฟังคําพูดของนางว่าต้องการไปด้านนอกคุยธุระ ผลินจึง คลายความวิตกกังวล อย่างน้อยในวันนี้หญิงคนนี้ไม่ได้มา หาเรื่องชวนทะเลาะ
ทั้งสองคนเดินตามกันมาถึงข้างสนามกีฬา หลังจากรอจนปลอดคน โรศนีเปิดปากพูดออกมาว่า “เรืองเมื่อวาน ขอโทษด้วย ยกโทษให้ฉันด้วยนะ
ผลินตกตะลึงจนตาค้าง
คิดว่าตาเองหูฝาดไป
“ถ้ายังฟังไม่ชัด ฉันจะพูดอีกครั้งก็ได้นะ “เรื่องเมื่อวาน ขอโทษด้วย ยกโทษให้ฉันด้วยนะ
เพิ่งผ่านไปแค่คืนเดียว ไฉนเธอจึงเปลี่ยนเป็นคนละ
คนหน้ามือเป็นหลังมือ ผลินรู้สึกผิดปกติ
“โอเค พูดจบหรือยัง ? พูดจบแล้วฉันไปก่อนนะ”
“เดี๋ยวก่อน”
โรศนีรั้งเธอให้อยู่ก่อน ” เธอยังไม่บอกว่า เธอยกโทษให้ ฉันมั้ย ? ”
“เพียงเธอไม่มาระรายหาเรื่องแล้ว ฉันยังไงก็ได้ จะยก โทษหรือไม่ยกโทษ”
“นั้นไม่ได้ เธอต้องยืนยันให้ฉันรู้ว่าเธอยกโทษให้ฉัน
เหอะ ผลินยิ้มออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าฉันไม่ยก โทษให้เธอล่ะ ? ”
“อย่างนั้นฉันจะมาหาเธอที่โรงเรียนทุกวัน จนกว่าเธอจะ ยกโทษให้ฉัน
เธอบ้าไปแล้วจริงๆ อารมณ์เปลี่ยนในวันเดียว ผลน
โบกมือปัดอย่างรำคาญพูดว่า “ได้ ฉันยกโทษให้คุณ ต่อ
ไปก็อย่าให้ฉันเห็นอีกก็แล้วกัน”
“ฉัยยังพูดไม่จบ”
โรศนีรีบเดินไปฉุดมือเธอที่กลังเดินกลับ ส่งโทรศัพท์ มือถือในมือให้ผลินแล้วพูดว่า “โทรศัพท์ไปหาปยุตให้ หน่อย บอกกับเขาว่า คุณยกโทษให้ฉันแล้ว”
ผลินตกตะลึงยืนนิ่ง “เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา ? ”
“เธออย่ามาทำเสแสร้ง ไม่ใช่เธอที่กลับไปออดอ้อน
หยอดคำหวานให้สามีหลงเชื่อ เขาจึงโกรธเป็นฟืนเป็น
ไฟมาขู่ฉัน หากไม่ไปขอโทษเธอแล้วล่ะก็ จะทำให้บริษัท
ของพ่อฉันล้มละลาย
ถึงเวลานี้ผลินถึงได้เข้าใจสาเหตุที่โรศนี้มีท่าทาง เปลี่ยนไปจากเดิม ที่แท้เป็นปยุคนั้นเองที่คืนความยุติธรรม ให้กับเธอ
ผลินรับโทรศัพท์มาจากมือโรศนี กดเบอร์โทรศัพท์ไปหาป ยตในทันที ประเดี๋ยวเดียวก็มีคนรับสาย “ฮัลโหล ? ”
“ฉันยกโทษให้เขาแล้วนะ”
ผลินพูดหัวนๆเพียงแค่ ห้าคำ จากนั้นนิ่งเงียบ ปยุตพูด ต่อว่า “หากเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นอีกครั้ง คุณต้องบอกผมทันทีนะครับ อย่าโง่อย่างนี้ แอบร้องห่มร้องไห้คนเดียวเงียบๆ
เนื่องด้วยเหตุที่โรศนียังอยู่ ผลินจึงพูดอะไรได้ไม่
สะดวกจึงตอบรับเบาๆว่า “โอเค ฉันวางสายแล้วนพค่ะ” “แค่นี้พอใจหรือยังล่ะ” ผลินวางสายโทรศัพท์แล้วหันมา
ถามกับโรศนี
อย่าคิดว่าคุณจะเป็นผู้ชนะ ถ้าไม่เป็นเพราะกังวลถึง ธุรกิจของครอบครัวฉัน ฉันไม่มีทางยอมศิโรราบให้กับผู้ หญิงอย่างคุณ”
เพื่อไม่ให้น้อยหน้าผลินตอบกลับอย่างทันควัน “ถ้า ไม่ใช่เป็นเพราะว่าฉันไม่อยากจะเห็นหน้าเธออีก ฉันไม่มี ทางที่รับคำขอโทษจอมปลอมของเธอหรอกนะ
“เธอชอบปยุตใช่มั้ย
โรศนีถามจี้ใจดำผลินอย่างทันทีโดยไม่คิดมาก
“ฉันไม่คิดว่าฉันมีความจำเป็นต้องรายงานชีวิตส่วนตัวให้ กับเธอนะ”
“ชีวิตส่วนตัวของเธอฉันไม่น่าสนใจแม้แต่นิดเดียว มี เพียงจะเตือนสติเธอสักหน่อยว่า “ถ้าหากว่าเธอชอบเขา นั้นเธอก็เตรียมตัวช้ำใจเสียเนิ่นๆเถอะ เพราะว่าปยุต ไม่มีทางจะชอบใครหน้าไหนได้อีกแล้วนอกเสียจากจันทร เท่านั้น จันทรคนนี้เธอรู้มั้ยว่าเป็นใคร ? เขาเป็นหญิงสาวที่ปยุตเฝ้าคิดถึงทั้งวันทั้งคืน ฉันเคยถูกปยุตตบหน้าอย่าง โกรธเคืองเข้าอย่างจังเพียงเพราะว่าไปเปิดดูอัลบั้มรูป ภาพของนาง ถึงเวลานี้ฉันยังไม่เคยลืมเลือนแววตาที่รัก อย่างสุดซึ้งมองดูอัลบั้มรูป และขณะที่มองฉันด้วยสายตา รังเกียจ
“เธอนับได้ว่าเข้าใจในอดีตของเขา ”
ผลินยิ้มกลบเกลื่อน “แต่ว่าฉันไม่แคร์ ที่ปยุตไม่ลืมเลือน เฝ้าคิดถึงแต่รักครั้งแรก นั้นแสดงว่าเขาเป็นคนที่มีหนัก แน่นในความรัก เขาเคยรับปากฉันว่าจะลืมอดีตที่ผ่านมาเพื่อ เริ่มต้นใหม่
ฮ่าฮ่าฮ่า——
โรศนีหัวเราะเยาะเย้ยออกมาคำโต “ลืมอดีตที่ผ่านมา เพื่อเริ่มต้นใหม่รึ ? ผลินเธอช่างไร้เดียงสาจริงๆ สามปีที่ ผ่านมาไม่เคยลืม เพราะว่ามีเธอปรากฏตัวออกมาทำให้ เขาลืมไดอย่างนั้น ? เธอช่างประเมิณค่าตัวเองมากเกินไป แล้วล่ะ ขอเตือนเธอไว้สักคำว่า อย่าลืมกำพืดของตนเอง ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดิน มิฉะนั้นคงมีสักวันจะต้องร้องไห้เป็น สายเลือด”
เสียงหัวเราะถากถางค่อยๆเลือนหายไป ผลินยืนนิ่งอยู่ ที่เดิมจนเวลาผ่านไปนาน สายลมพัดผ่านมา ความโศรก เศร้าของเธอ กลายเป็นดอกแดนดิไลออนที่อ่อนนุ่มเบาบาง ล่องลอยไปตามสายลมลอยไปสถานที่ห่างไกล
เลิกงานช่วงบ่าย ปยุตไม่ได้โทรศัพท์บอกกับเธอ เดินทางไปรับผลินด้วยตนเอง สองวันนี้ เกี่ยวกับเสียง เล่าลือของเธอ ได้กระจาบไปทั่วทั้งโรงเรียน แตะละ คนก็มีเรื่องเล่าลือเป็นของตนเอง เธอมีสามีรวยและหล่อ เหลาเสียด้วยช่างเป็นรักครั้งแรกของเธอ ต้องการ ทอดทิ้งเธอ เธอพบรักครั้งใหม่กับหัวหน้าใหญ่ภายใต้ ความโกรธเคือง และ ความรักครั้งใหม่จึงอดรนทนไม่ได้ที่ จะมาถึงโรงเรียนตาต่อตาฟันต่อฟัน ดังนั้นจึงเกิดละครฉาก น่าตื่นเต้นการสาดซอสมะเขือเทศ
ไวภพมองเห็นปยุตและไม่สบายใจอย่างมาก จึงไม่ เข้าไปทักทายกับเขารับเดิน หายตัวไปทันที
ผลินเดินเข้ามาหา สอบถามเขาเบาๆว่า “คุณมาได้
ยังไง”
“มารับคุณ
ไปทานข้าวด้วยกัน
“กลับไปกินข้าวที่บ้านดีกว่ามั้ย
เธอยังคงไม่มีกะจิตกะใจออกไปทานข้าวกับเขาข้างนอก ดังนั้น จึงไม่ตื่นเต้นอะไรในข้อเสนอของเขาอย่างเห็นได้ชัด
“กลับไปกินข้าวที่บ้านไม่มีความหมายอะไร วันนี้จะพา คุณไปกินอาหารที่บ้านไม่มี รีบขึ้นรถเถอะ”
เมื่อวานเพื่อร่วมงานหลายต่อหลายคนพูดเรื่องตลก มองเห็นความอ่อนโยนของปยุตที่ทำเพื่อให้ผลินมีรอยยิ้ม
อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ เห็นสีหน้าของผลิน หงหวง ริษยา เกลียดชังต่างๆนานา
ผลินถอนหายใจจากปากที่พูด คำเยาะเย้ยถากถาง ซินเดอเรล่าที่ทำเรื่องที่ผิดมากที่สุดก็คือให้บุตรสาวใน ครอบครัวที่ยากจนทั้งหลายมีความหวัง
ปยุตขับรถยนต์มาถึงร้านอาหารทะเลริมหาด ชี้ไปยัง ป้ายร้านค้าพูดกับผลินว่า “ดูซิ ผมไม่ได้โกหกคุณ”
ผลินยิ้มเจื่อนเงื่อน เขายังจําได้ว่าเธอชื่นชอบกินปูมาก หาได้ยากจริงๆ
ทั้งสองคนลงจากรถยนต์ เดินเข้าไปในร้าน เลือกบริ เวรที่นั่งติดทะเล ปยุตเรียกบริกรมาสั่งอาหาร “ปูนึ่ง ปูอบ ปูเผา ปูน ปูผัด ทุกอย่างมาอย่างละจาน
ผลินมองเขาอย่างประหลาดใจ “สั่งมาเยอะแยะ จะ
กินกันหมดมั้ยค่ะ ? ”
“กินไม่หมดก็ห่อกลับบ้านไปกินต่อ
“ทำอะไร ทารุณไปหรือเปล่า ? ”
ปยุตมองดูเธออย่างอ่อนโยน พูดว่า “ ไม่ใช่ทํา
ทารุณ แต่ต้องหาทางออก คุณนึกถึงคนที่ทำให้คุณ เกลียดชังเหล่านั้นเปลี่ยนพวกเขาเป็นปูแต่ละตัว จาก
นั้นกลืนพวกมันลงไปในท้อง แม้แต่กระดูกก็กินลงไปให้หมด”
บริกรเสริฟนิ่งมาก่อน จากนั้นก็เสริฟน้ำแดง ตาม มาด้วยปูเผา แพล๊บเดียวเสริฟมาจนเต็มโต๊ะ ปูต่างๆกอง เต็มโต๊ะไปหมด และปูแต่ละอย่างที่วางอยู่ต่อหน้าผลิน หาก เปลี่ยนเป็นใบหน้าของปยุตแล้ว อารมณ์ดีบ้าง อารมณ์ไม บ้าง โกรธบ้าง วิตกกังวลบ้าง หมุนวนไปๆมาๆตัวแล้ว ตัวเล่า วนจนเธอตาลาย
“กินกันเถอะ”
ปยุคหยิบคิมแกะปูนิ่งอันหนึ่งวางบนชามของเธอ เธอมองดูประเดี๋ยวเดียว คืบแกะเนื้อปูกินเข้าไปในปาก อย่างเอร็ดอร่อย แคะแกะปูกลืนลงไปในท้องทั้งเปลือก เปลือกสักชิ้นไม่คายออกมาเลย
“กินชิ้นนั้นเป็นหน้าผมหรือเปล่า”
สอบถามตัวบุคคลอย่างฉลาดมาก
ผลินไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ และถามกลับไปอย่าง เศร้าสร้อยว่า” คุณกำลังเฝ้ารอหรือเปล่า คนนั้นที่รักษาแผล ใจให้คุณมาถึง
บรรยากาศเริ่มอึมครึมขึ้นทันที ปยุดไม่ได้ตอบกับแต่
อย่างใด ผลิ่นพูดขึ้นมาอีกว่า” วันนี้โรศนีเยาะเย้ยฉันว่า ถ้าหากว่าการมีอยู่ของฉัน สามารถมาแทนที่คนที่คุณไม่
เคยลืมเลือนมาตลอดเวลาสามปี นั้นคือการไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดิน สักวันจะต้องร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด
“อย่าฟังคำพูดไร้สาระของนาง
สิ่งที่นางพูดไม่ใช่เรื่องจริงหรอก ? คุณไม่ยอมรับรักฉัน คุณไม่สามารถลืมจันทรได้เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องจริงเหรอ ค่ะ ? ”
ปยุตถอนหายใจพูดว่า พวกเราเลิกพูดคุยหัวข้อนี้ก่อนได้ หรือไม่ ? ”
ในใจของผลินโศรกเศร้ามากโศรกเศร้าจริงๆ เธอถอน หายใจ “โอเค คุณไม่อยากคุยนั้นก็ไม่ต้องคุย แต่ว่ามี ประโยคนึงที่ฉันต้องการเตือนคุณ อย่ามัวแต่รำลึกถึงแต่ ความหลัง เพราะว่าคนคนนั้นไม่แน่ว่าจะคิดถึงคุณเช่นกัน”
วันนั้น ผลินกินปูเข้าไปเป็นจำนวนมาก ทุกตัวล้วนเป็น เงาของปยุตลอยออกมาทั้งนั้น
พริบตาเดียว วันเดดไลน์ที่ชุดามอบให้กับผลินเหลือ อีกแค่สามวัน ชุดาได้โทรศัพท์มาเร่งรัดผลินว่า “คิด ดีแล้วหรือยัง เมื่อไหร่จะแยกทางซะที ?”
ผลินหลับตาพูดอย่างขมขื่นว่า “จะรีบไปไหน ยังไม่ถึง เวลาไม่ใช่”
“พูดอย่างนี้ เธอคิดรอบคอบที่จะแยกทางแล้วใช่มั้ย ?
ซานมันเป็นยังนัก
“รับจะแยกทางหรือไม่ ไม่มีประโยชน์กับเอแม่แต่น้อย ดังนั้นอย่าเพิ่งใจเร็วเกินไป มิฉะนั้นตั้งความหวังไว้สูงจะ มีหนังมากนะ
“นั้นเป็นเรื่องของฉัน เธอก็ไม่ต้องกังวล เพียงแค่ขจัดเ เป็นเสี้ยนหนามตำใจไม่ได้ ต่อไปฉันชดาจะได้มีชีวิตอย่าง ไร้อุปสรรคจากหนาม
ผลินเจ็บจากที่ปยุดได้ปฏิเสธความรักที่เธอมีให้ จึง ไม่มีกะจิตกะใจคิดหาวิธีรับมือกับชุดา มิหนำซ้ำยังไม่มี หนทางที่จะหลบหน้าหาด
ทำไมถึงต้องเป็นสองคนนี้ที่เกาะติดตัวเธอไม่ปล่อย เหมือนดั่งเงาปีศาจ