ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 109
ตอนที่ 109 เรื่องน่าประหลาดใจ 1
เมิ่งชวนเดินลงบันได้ตามขอบหลุมแห่งความพิศวงไปทีละก้าว ยิ่งเขาเข้าใกล้ก้นหลุมมากเท่าไหร่ ความยั่วยวนมันก็มากขึ้นเท่านั้น
มันช่างยั่วยวนมากเสียจนเมิ่งชวนยังแอบตกใจ แต่เขาก็อดทนและเดินลงไปอย่างช้าๆ
สติของเขารู้สึก “หนักๆ” ยิ่งเขาลงไปลึกเท่าไหร่ มันก็หนักมากขึ้นตาม
และเมื่อตอนที่เขาผ่านรอบที่สองไปได้นั้น เขาก็รับรู้ได้ว่าแก่นสารแห่งจิตนั้นถูกสกัดกั้น พลังของมันถูกปิดกั้น เขาจะไม่สามารถป้องกันการยั่วยวนด้วยมันได้อีกแล้ว
มันปิดกั้นพลังของแก่นสารแห่งจิตได้อย่างนั้นรึ? เมิ่งชวนตกใจมาก เขาพยายามจะใช้แก่นสารแห่งจิตแต่ก็ไร้ประโยชน์ ตอนที่ข้าขึ้นไปบนแท่นบูชาแห่งความมืด แก่นสารแห่งจิตของข้าไม่ถูกปิดกั้นแม้จะไปถึงสุดทางก็ตาม แต่ว่าตอนนี้พอมาที่ชั้นที่สามพลังของแก่นสารแห่งจิตถูกปิดกั้นโดยสิ้นเชิงเลยรึ?
หลุมแห่งความพิศวงนั้นลึกลับกว่าแท่นบูชาแห่งความมืดอย่างเห็นได้ชัด เพราะสุดท้ายแล้ว ราชาเทพอสูรและขุนนางเทพอสูรก็มักจะมาที่นี่เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของจิตใจตน
เมิ่งชวนเดินต่อไป จิตสำนึกของเขาหนักอึ้ง เขาทนความยั่วยวนนั้นเอาไว้ได้ก็เพราะจิตใจของเขา
เมื่อเขาไปถึงขั้นที่ 50 ของวงแหวนชั้นที่สาม ในใจของเมิ่งชวนมีแต่ความต้องการจะกระโดด เขาคิดอะไรอย่างอื่นไม่ออกอีกแล้ว ที่ทำได้ก็มีแค่จ้องมองลงไปที่หมอกหนาตรงก้นหลุม เขารู้สึกราวกับว่ามันเป็นที่ที่งดงามที่สุดในโลก เขารู้สึกอยากกระโดดลงไปเหมือนกับแมงเม่าที่บินเข้าหาไฟ ทุกๆอย่างในโลกนี้ รวมไปถึงความตาย ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งไม่ให้เขาตามความรู้สึกยั่วยวนนั้นไปได้
ต้านมันไว้ ถ้าหากว่าทนต่อความต้องการเพียงเท่านี้ไม่ได้ เจ้าจะขัดเกลาหกประสงค์วินาศได้อย่างไร? สติของเมิ่งชวนยังคงร้องคำราม ราวกับมังกรที่ถูกตรึงและดิ้นรนด้วยพลังทั้งหมดที่มี
เขาพยายามดิ้นรนเป็นอิสระจากการควบคุมของหมอกสีดำ สีหน้าของเมิ่งชวนเริ่มบิดเบี้ยว
‘เทียบกับสิ่งที่ข้าเคยพบเจอมาแล้ว การยั่วยวนแค่นี้มันไม่มีอะไรเลยซักนิด! ย่าห์!’ สติของเมิ่งชวนเริ่มบ้าคลั่ง ‘หายไปซะ!’
แต่ใบหน้าของเขานั้นกลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ ตอนนี้สติของเขานั้นอ่อนแอ เขาไม่สามารถที่จะขยับร่างกายหรือเปลี่ยนสีหน้าได้เลยด้วยซ้ำ
จู่ๆความยั่วยวนอันมหาศาลก็โถมเข้าใส่จิตใจของเมิ่งชวน เขาร้องคำรามในใจอ่อนๆ แต่เสียงคำรามเบาๆนั้นก็ถูกความเงียบเข้ากลืนกิน
เมิ่งชวนคิดอะไรไมไ่ด้อีกต่อไปแล้ว
สิ่งเดียวที่เขาคิดได้คือที่ที่ดีที่สุดในโลกนั้นอยู่ใกล้แค่ข้างๆเขาแค่นั้นเอง เขาเกิดมาเพื่อที่จะลงไปที่นั่น! ไม่มีอะไรหยุดเขาได้
ฟิ้วว
และเพียงก้าวเดียว เขาก็ร่วงลงไป
เขาเข้าใกล้ก้นหลุมแห่งความพิศวงมากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดข้าก็มาถึง ในตอนที่เขาไปถึงก้นหลุมนั่นเอง จิตใจของเขาก็ว่างเปล่าพร้อมกับความรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก มันสบายมาก เหมือนกับทารกที่กลับมาอยู่ในครรภ์มารดา
‘โอ๋?’ เมิ่งชวนสะดุ้งตื่นขึ้นมา
เขาพบว่าตัวเองยืนอยู่ตรงทางออกอุโมงค์ หลิวชีเยว่อยู่ข้างๆเขา เธอตื่นขึ้นมาแล้วและตะโกนออกมา “อาชวน”
“ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่” เมิ่งชวนมองไปรอบๆ
“พอข้าตื่นขึ้นมาข้าก็ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว” หลิวชีเยว่ากล่าว เธอชี้ไปที่อุโมงค์ด้านหลัง “หลังจากที่รอพักนึงข้าก็เห็นเจ้าเดินมาแบบไม่มีสติ แล้วก็หยุดลงก่อนจะตื่น”
“ข้าเดินมาแบบไม่มีสติ?” เมิ่งชวนดูตกใจ “ข้าจำไม่ได้เลย”
ความรู้สึกที่สูญเสียความเป็นตัวเองนั้นน่ากลัวมาก ศิษย์ของเขาหยวนชูส่วนมากจึงไม่ชอบที่จะหมดสติ ที่พวกเขายอมฝึกฝนที่นี่ก็เพราะพวกเขามั่นใจในนิกายของตนเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น หลุมแห่งความพิศวงนี้ก็อยู่มาเป็นหมื่นปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีอะไรร้ายๆเกิดขึ้นกับเหล่าศิษย์เลย
“นายท่านเมิ่งชวน” มีผู้ดูแลสองคนอยู่ตรงทางเข้า “ท่านร่วงลงไปตอนไปถึงขั้นที่หนึ่งของรอบที่สี่ขอรับ”
เมิ่งชวนพยักหน้า จิตใจของเขาแกข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตอนที่เดินขึ้นแท่นบูชาแห่งความมืด เหมือนว่าประสบการณ์จะช่วยหล่อหลอมจิตใจของเขาไป
“ข้าหล่นลงไปตอนไปถึงขั้นที่สองของวงที่สาม ข้ายังแย่กว่าเจ้ามากเลยอาชวน” หลิวชีเยว่กล่าว
“นั่นก็เท่ากับห้าสิบก้าวบนแท่นบูชาแห่งความมืดแล้ว” เมิ่งชวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มันดีมากแล้วล่ะ”
ผู้ดูแลร่างอ้วนกล่าวเสริม “นายท่านเมิ่งชวน นายหญิงหลิวชีเยว่ พวกท่านต้องพักผ่อนอย่างน้อยสิบวันถึงจะลงไปในหลุมแห่งความพิศวงนี้ได้อีกรอบขอรับ ในแง่ของการฝึกฝนจิตใจ ในสองเดือนแรกจะมีผลดีที่สุดขอรับ และยิ่งฝึกที่นี่นานเท่าไหร่ก็จะยิ่งขัดเกลาได้ช้ามากขึ้นเท่านั้นขอรับ และหลังครึ่งปี มันก็แทบจะไร้ประโยชน์ในการลงไปในหลุมแห่งความพิศวงขอรับ”
“ข้าเข้าใจ” เมิ่งชวนพยักหน้าและจากไปพร้อมกับหลิวชีเยว่
ทั้งคู่เดินตามทางบนภูเขาไป พูดคุยกันเกี่ยวกับหลุมแห่งความพิศวง
“มันมีอะไรอยู่ก้นของหลุมแห่งความพิศวงกันนะ? ทำไมมันถึงยั่วยวนได้ขนาดนั้น?” หลิวชีเยว่ถาม
“มันทรงพลังมาก” เมิ่งชวนพยักหน้า เขาไม่สามารถใช้แก่นสารแห่งจิตในรอบที่สามได้ ช่างน่าสะพรึงอะไรอย่างนี้! การที่ไปถึงก้นหลุมได้ ก็จะหมายความว่าจิตใจของคนๆนั้นแข็งแกร่งเป็นหนึ่งในสิบของมนุษย์ทุกคน หลุมแห่งความพิศวงมันคืออะไรกันแน่?
“อาชวน การฝึกที่หลุมแห่งความพิศวงสองเดือนแรกจะให้ผลดีที่สุด แล้วมันก็จะช้าลงในภายหลัง” หลิวชีเยว่กล่าว “เจ้าคิดว่าเจ้าจะผ่านรอบที่สี่ได้ภายในไม่กี่เดือนหรือเปล่า?”
เมิ่งชวนส่ายหน้าเบาๆ “ความแข็งแกร่งของจิตขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ประสบการณ์และสิ่งที่ได้พบเจอมาในชีวิตนั้นสำคัญ”
การเข้าไปในหลุมอย่างต่อเนื่องนั้นจะทำให้เกิดความเคยชินขึ้น หลังจากผ่านไปครึ่งปี การเข้าไปในหลุมก็จะเป็นเรื่องไร้ประโยชน์เลย
ตามที่หนังสือว่ามา การจะทำให้จิตใจของคนเราแข็งแกร่งขึ้นนั้นยากมากหากฝึกฝนในความสงบ แต่หากพวกเขาเข้าสู่สนามรบและอาบอยู่ในทะเลเลือด และได้ไปอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ที่ตัดสินความเป็นและความตาย
ความเศร้าโศกที่ได้เห็นสหายต้องตาย ความสุขจากการสังหารราชาอสูรได้สำเร็จ ความรู้สึกไร้กำลังที่ได้เห็นทหารธรรมดามากมายต้องตายในสนามรบ… ความสุขของการแต่งงาน ความตื่นเต้นของการมีลูก ความปวดร้าวที่การฝึกวิชาต้องติดขัดเป็นสิบยี่สิบปี และความรู้สึกยินดีหลังจากที่สามารถก้าวผ่านมันไปได้…
ประสบการณ์ชีวิตเหล่านี้จะทำให้ทั้งใจและจิตกล้าแข็งขึ้น
ดวงใจเหมือนกับวัตถุดิบ ส่วนจิตใจก็เหมือนกับอาวุธ
หากอยากจะสร้างอาวุธที่แข็งแกร่งก็ต้องมีวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยม
หากฝึกฝนอย่างสงบสุขโดยไม่มีประสบการณ์ชีวิตใดๆ พลังใจก็จะไม่เข้มแข็งขึ้นซักเท่าไหร่นัก เพราะไม่ว่าอย่างไร เทพอสูรที่ทรงพลังก็ต่างต่อสู้ในสนามรบมานับหลายปีก่อนจะลงไปที่หลุมแห่งความพิศวงเพื่อขัดเกลาจิตใจ นั่นจึงทำให้ประสิทธิภาพมันเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกับผลลัพท์
“เดี๋ยวข้าจะคิดหาหนทาง” เมิ่งชวนกล่าว
การจะทำให้จิตใจกล้าแข็งขึ้นนั้นเป็นเรื่องยากมาก
เช่นชี่หยวนถงที่จิตใจยังอ่อนแอ แม้ว่าเขาจะได้เป็นศิษย์นิกายในแล้ว แต่เมิ่งชวนกับคนอื่นๆก็ไม่เคยเห็นหน้าเขาเลย ทุกๆคนคาดเดาเอาว่าเขาหยวนชูคงจะจัดการอะไรสำหรับเขาเอาไว้
เพราะจิตใจที่อ่อนแอของชี่หยวนถง เขาคงจะเป็นเทพอสูรระดับมหาสุริยันไม่ได้ตลอดทั้งชีวิตเลยด้วยซ้ำหากเขายังอยู่บนภูเขาอีกสิบปี การที่จะขัดเกลาจิตใจของเขานั้น เขาต้องลงจากภูเขาและเข้าสู่สนามรบ ประสบการณ์ในสนามรบจะช่วยทำให้จิตใจนั้นกล้าแข็งขึ้น
…
ยามกลางคืน
เมิ่งชวนที่กำลังหลับอยู่ได้ตกไปอยู่ในความฝัน
“กระโดดลงไปสิ”
เมิ่งชวนจ้องมองหมอกสีดำตรงหน้าเขาด้วยความมึนงง หมอกสีดำค่อยๆเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยจากทุกๆด้าน
เมิ่งชวนยิ้มแล้วกระโดดลงไปในหมอกสีดำ
ในตอนนี้หมอกสีดำคือสิ่งที่งดงามที่สุดในโลก เขามีชีวิตอยู่ก็เพื่อหมอกสีดำ
‘ไม่!’ จิตใจของเขาต่อต้านมันอย่างรุนแรง ‘ข้าไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อมัน ข้ายังมีชีวิตอยู่ ยังมีสิ่งอื่นที่ข้าต้องทำอยู่ ความคิดเหล่านี้เริ่มเข้ามาปกคลุมพร้อมกับเขาที่ต่อต้านความยั่วยวนของหมอกสีดำ’
“มาสิ” หมอกสีดำพุ่งตรงไปยังเมิ่งชวนและพยายามจะโอบล้อมเขา
‘ทำไมข้าถึงมีชีวิต’ จู่ๆสติของเมิ่งชวนก็ไปตั้งคำถามถึงความหมายของการมีชีวิต ‘ทำไมล่ะ?’
อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com
ในตอนนั้นเอง เขาก็จำเมิ่งต้าเจียง หลิวชีเยว่ และ…แม่ของเขาที่กำลังยิ้มให้เขาอยู่!
พ่อ แม่ ชีเยว่ เมิ่งชวนเข้าใจได้ในทันที ข้าคือเมิ่งชวน!
หลังจากที่จำได้ว่าเขาเป็นใคร ความฝันก็เริ่มบิดเบี้ยวไม่ชัดเจน
“ข้าคือเมิ่งชวน ข้าสาบานเอาไว้ว่าข้าจะสังหารอสูรทุกตัวบนโลกนี้ ข้าจะไปถูกเจ้าดึงดูดได้อย่างไร? หายไปซะ! เมิ่งชวนคำรามและทำลายความฝันให้หายไป สติของเขากลับมาจากฝันร้ายนี้ และเขาก็รู้สึกถึงร่างกายของตนได้ในที่สุด
ควั่บ
เมิ่งชวนดีดตัวลุกขึ้นมา หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ข้างนอกยังมืดอยู่
“นี่ข้าฝันร้ายรึ?” เมิ่งชวนพึมพำเบาๆ ว่ากันว่าศิษย์หลายคนหลังจากเข้าไปในหลุมแห่งความพิศวงแล้วจะมีฝันร้าย แต่เขาไม่คิดเลยว่าเขาเองก็จะมีฝันร้ายเช่นกัน หลุมนั่นส่งผลขนาดนี้เลยรึ? เขาส่ายหัว จากหนังสือแล้ว อีกสิบวันคงจะไม่เป็นไรแล้ว
นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมเขาหยวนชูจึงอนุญาติให้ศิษย์เข้าไปในหลุมแห่งความพิศวงได้ทุกๆสิบวันเท่านั้น