ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 130
ตอนที่ 130 อาวุธศักดิ์สิทธิ์ยอมรับเจ้าของ
ศิษย์ที่มาที่ถ้ําส่วนใหญ่นั้นยังเป็นเพอสูรระดับแดนอมตะอยู่
ส่วนเทพอสูรระดับมหาสุริยันอย่างเมิงชวน เชวเฟิง และหลิวซีเยวที่เข้าถึงระดับจิตวิญญาณขั้นสูงแล้วนั้นมีน้อยมาก! มีเพียงหนึ่งในร้อยเท่านั้น พวกเขานั้นคือเหล่าหัวกะทิแห่งเขาหยวนชูอย่างแท้จริง ทุกๆคนนั้นต่างมีอนาคตที่กว้างไกล อาวุธศักดิ์สิทธิ์โบราณเหล่านี้ที่หลงเหลืออยู่ในถ้ํามาหลายปีสามารถรับรู้พลังของพวกเขาได้
อัจฉริยะเหล่านี้นั้นหายากมาก แต่คนที่เข้ากับอาวุธพวกนี้ได้นั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่า! อย่างเพิ่งชวนก็ใช้กระบี่เรียว หลิวชีเยวใช้เกาทัณฑ์ เชวเฟิงใช้ดาบ
เมื่อพลาดอัจฉริยะเช่นนี้ไป อาวุธเหล่านี้อาจจะต้องเฝ้ารออีกนับร้อยปีกว่าพวกมันจะเจอคนที่เข้ากันได้อีกครั้ง
ดังนั้นแล้วเหล่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์จึงลอยขึ้นมา
ฟูม!
เพิ่งชวนมองดูภาพตรงหน้า ในโถงถ้ํากว้างใหญ่อาวุธศักดิ์สิทธิ์กําลังลอยขึ้นมา เพียงชั่วพริบตาก็มีอาวุธกว่าร้อยชิ้นที่ลอยขึ้น
อาวุธศักดิ์สิทธิ์เองก็แข่งขันกันเช่นกัน โลกของพวกมันนั้นเถรตรงมากกว่ามาก อาวุธที่แข็งแกร่งปล่อยพลังอันน่าเกรงขามออกมา อาวุธที่อ่อนแอกว่าก็ได้แต่ถูกกดดันไม่สามารถลอยขึ้นมาได้พวกมันร่วงลงสู่พื้นในทันที
ไม่นานก็เหลืออาวุธเพียงสิบสองชิ้นที่ยังคงลอยอยู่
ทั้งสิบสองชิ้นนี้หรือ?” เมิ่งชวนสัมผัสได้ถึงพลังของพวกมันในระยะหนึ่งลี้ได้เลยด้วยซ้ํา เขาสัมผัสได้ว่ามีอยู่สามชิ้นที่แข็งแกร่งที่สุด อีกเก้าชิ้นที่เหลือนั้นอ่อนแอกว่ามาก พวกมันแทบจะร่วงลงไปแล้วด้วยซ้ํา
เพิ่งชวนเดินไปดู
อาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสวรรค์สามชิ้นและระดับโลกาเก้าชิ้น เมิ่งชวนพยักหน้าเล็กน้อย ไม่มีอาวุธระดับสรรค์สร้างอยู่ในนี้
ในฐานะที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังที่สุด อาวุธระดับสรรค์สร้างไม่น่าจะยอมรับเทพอสูรระดับมหาสุริยันเป็นเจ้าของก่อนที่มันจะอ่อนพลังลง กลับกัน เทพราชันเทพอสูรที่อาวุธถูกทําลายในการต่อสู้ด้วยเหตุผลบางอย่างสามารถเข้ามาที่ถ้ํานี้และรับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสรรค์สร้างไปได้
“ที่ข้าได้เลือกอาวุธระดับสวรรค์ก็เป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว” เมิ่งชวนค่อนข้างพึงพอใจ เขาเลือกอาวุธทั้งสามอย่างระมัดระวัง
เขามองไปที่อาวุธระดับสวรรค์ทั้งสาม
เนื่องจากอาวุธทั้งสามนั้นกําลังลอยอยู่ พวกมันจึงเข้ากันได้กับเมิ่งชวน พวกมันต่างเป็นกระบี่เรียวกระบี่แข็งและกระบี่อ่อนไม่ตอบสนองต่อจิตวิญญาณกระบี่ของเมิ่งชวนแม้แต่น้อย
อาวุธชิ้นแรกเป็นสีดําสนิท ตัวกระบี่เปล่งพลังอันมืดมิดออกมา ทําให้มันดูปกติที่สุด
กระบี่เล่มที่สองนั้นเป็นกระบี่สีขาวเงิน มันปล่อยไอเย็นมหาศาลออกมาปกคลุมโดยรอบทําให้รอบข้างนั้นหนาวจนถึงกระดูก
กระบี่เล่มที่สามนั้นเป็นสีแดงเหมือนเลือดทั้งเล่ม มันปล่อยพลังสีเลือดและความเคียดแค้ นจนทําให้จิตใจต้องสั่นไหว อาวุธชิ้นอื่นๆพยายามไม่อยู่ใกล้มัน ไม่แม้แต่จะเข้าใกล้
เขาแตะนิ้วลงบนกระบี่ ประกายปราณก็ลอยออกมาและหลอมรวมเข้ากับกระบี่สีดํา
เขาเห็นชายชราตาบอดคนหนึ่งถือกระบี่สีดํานี้โดยเลือนราง และภายในความมืดนั้นเขาก็ฟันออกไป ลําแสงกระบี่วาบขึ้นและสังหารศัตรูไป
“กระบี่นี้เหมาะแก่การลอบโจมตี มันสามารถทําให้มิติบิดเบี้ยวได้ ทําให้คววามเร็วในการโจมตีเพิ่มมากขึ้นและมันก็คมมากเช่นกัน” เมิ่งชวนรู้สึกพึงพอใจ “มันเข้ากับข้าดีเลย”
ยิ่งเขาวาดกระบี่ได้เร็วเพียงใด กระบี่มันก็จะคมมากขึ้นเท่านั้น เรียกได้ว่ากระบี่นี้นั้นเหมาะสมแก่เขามาก
เพิ่งชวนปล่อยประกายปราณเข้าไปในอาวุธชิ้นที่สอง กระบี่สีขาวเงิน เขารู้สึกได้ถึงพลังไอเย็นที่กักเก็บอยู่ในตัวกระบี่ในทันที “ตราบใดที่ข้าใช้พลังปราณ ไอเย็นนั้นก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อใช้กระบี่นี้แล้ว มันสามารถแช่แข็งรอบข้างได้เลย เมื่อข้าต่อสู้กับศัตรู ข้าสามารถแช่แข็งศัตรูก่อนจะสังหารมันได้ เรียกได้ว่ามีประโยชน์ แต่ว่าร่างเทพอสูรของข้านั้นไม่ได้เชี่ยวชาญในด้านน้ําแข็งและการแช่แข็ง ข้าได้แต่ใช้พลังของอาวุธเพียงเท่านั้นในอนาคตพลังของมันคงจะอ่อนลงไปเรื่อยๆ
เขาเองก็สามารถ “เห็น” ความทรงจําที่ขาดหายที่อยู่ในอาวุธศักดิ์สิทธิ์นี้ได้เช่นกัน
เป็นภาพของชายผมเงินที่ใช้กระบี่สีเงินนี้ เมื่อเขาวาดกระบี่ รอบข้างก็ถูกแช่แข็ง
“เป็นกระบี่ที่ดี แต่มันไม่เหมาะกับข้า”
เพิ่งชวนมองไปที่กระบี่เล่มที่สาม กระบี่สีเลือดที่เปล่งกระแสพลังอันกระหายเลือดและ ความเคียดแค้นทําให้มันดูน่าสะพรึง
เขาส่งประกายปราณเข้าในนั้น
สังหาร! สังหาร! สังหารให้สิ้น!
เพิ่งชวนเห็นกองซากศพที่ทับกันเป็นภูเขา คนมากมายต้องตายเพราะกระบี่เล่มนี้! เทพอสูรหลายคนเองก็ถูกกระบี่เล่มนี้สังหาร!
กระบี่เล่มนี้สามารถดูดเลือดและเนื้อเพื่อทําให้มันทรงพลังขึ้นไปกว่าเดิมได้! มันค มมากๆเช่นกัน!มันสามารถซึมซับกระแสพลังวินาศที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นและเกลียดชังเข้าไปได้เลยด้วยซ้ํา
เมื่อฟันออกไปกระแสพลังวินาศก็จะระเบิดออกไปทั่วทุกทิศทาง สติของศัตรูก็จะ นสะท้านไปด้วยแรงกระแทกจากนั้นมันก็จะถูกสังหารโดยไร้การตอบโต้ใดๆ! ศัตรูที่ทรงพลังสามารถถูกผ่าออกเป็นสองส่วนได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียวเลยด้วยซ้ํา! จากนั้นเลือดเนื้อของพวกมันก็จะถูกกระบี่เล่มนี้ดูดซึมเข้าไปกลายเป็นอาหารของมัน เช่นเดียวกันกับความเคียดแค้นและจิตอาฆาตก็จะถูกมันดูดซึมเข้าไปด้วยเช่นกัน
ช่างเป็นกระบี่ที่ชั่วร้ายอะไรอย่างนี้ น่าสะพรึงมาก” เมิ่งชวนจ้องมองกระบี่สีเลือดนี้ แต่ว่า มันก็แข็งแกร่งที่สุดและเติบโตได้ไวที่สุดแต่ว่ากระบี่เล่มนี้ มันสามารถย้อนกลับมาทําร้ายเจ้าของได้!”
ในความทรงจําของกระบี่สีเลือดเล่มนี้ เมิ่งชวนพบว่าเทพอสูรบางคนที่เคยใช้กระบี่เล่มนี้ก็ยังมีสติครบถ้วน ในขณะที่บางคนก็ถูกมันควบคุมไปโดยสิ้นเชิง! พวกเขากลายเป็นทาสของกระนี่กลายเป็นเครื่องจักรสังหาร
“ข้าควรเลือกอันไหน?” เมิ่งชวนมองไปที่กระบี่สีเลือดแล้วมองไปที่กระบี่สีดํา
ส่วนกระบี่สีเงินนั้นเขาไม่สนใจ
“อันหนึ่งไม่ซับซ้อนแต่เข้ากับข้า ส่วนอีกอันนั้นชั่วร้ายแต่ก็ทรงพลังกว่า” เพิ่งชวนคิดไต่ตรองอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจและหยิบกระบี่สีเลือดไป
ทันทีที่เขาหยิบมันไป กระบี่สีเลือดก็เปล่งเสียงที่ดังกระหึมไปทั่วทั้งถ้ํา
อาวุธอีกทั้งสิบเอ็ดชิ้นก็ร่วงลงสู่พื้น กลับไปนิ่งสนิทตามเดิม อาวุธเหล่านี้ต่างรู้ดีว่าศิษย์คนนี้ได้เลือกกระบี่อันแสนชั่วร้ายนั้นไป
พลังอาฆาตอันหนาแน่นของกระบี่สีแดงพุ่งเข้าใส่สติของเมิ่งชวนในทันที พยายามที่จะครอบงําเขา
“เหอะ
จิตวิญญาณกระบี่ของเขากดพลังอาฆาตนั้นลงในทันที โดยที่ไม่ต้องใช้พลังของแก่นสารแห่งจิตเลยด้วยซ้ํา
ในระยะเวลากว่าสิบเอ็ดบีบนเขาแห่งนี้ เพิ่งชวนไม่เคยหยุดขัดเกลาพลังใจของเขา เขาไม่ใช่คนที่จะถูกกระบี่อันแสนชั่วร้ายที่อ่อนพลังลงมาแสนเนิ่นนานนี้สามารถควบคุมได้
“นายท่านเพิ่งชวน” หญิงชราผมสีขาวนอกถ้ํายิ้มเมื่อเห็นเขาเดินออกมา แต่เมื่อเธอเห็นกระบี่ในมือของเมิ่งชวน สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป “นายท่านเมิ่งชวน ทําไมท่านถึงเลือกกระบี่ที่ชั่วร้ายเล่มนี้อย่างนั้นกัน? มันชั่วร้ายเกินไป! เขาหยวนชูให้โอกาสเลือกอีกครั้งหากท่านยอมทิ้งอาวุธชั่วร้ายในถ้ําไป”
“มันเลวร้ายมากขนานั้นเลยรึ?” เมิ่งชวนมองไปที่กระบี่สีเลือดในมือของเขา ” แต่ในเมื่อมันอยู่ในถ้ํา แสดงว่ามันก็มีไว้ให้พวกเราเลือกไม่ใช่รึ?”
“มันอยู่ในถ้ําอาวุธศักดิ์สิทธิ์นี้มากว่า 2600 ปีแล้วเจ้าค่ะ มันไม่ได้ดูดกลืนพลังวินาศและเลีอดเนื้อมาเป็นเวลานาน มันจึงอ่อนกําลังลงอย่างมหาศาลแล้วเจ้าค่ะ” หญิงชรากล่าว “เจ้าของคนเก่าของมันเชื่อว่าสามารถควบคุมมันได้ แต่ว่าหลังจากนั้นกระบี่เล่มนั้นก็ย้อนกลับเข้าตัวเจ้าของและควบคุมเขาไป ท่านเพิ่งชวน โปรดรอตรงนี้ เดี๋ยวข้าจะนําเอกสารมาให้ท่านดูเจ้าค่ะ”
“ก็ได้” เมิ่งชวนยืนรอ
หลังจากที่ศิษย์ทุกคนเลือกอาวุธไปแล้ว เขาหยวนชูจะนําเอกสารที่เกี่ยวข้องมาให้ศิษย์อ่าน
ผ่านไปครู่หนึ่งหญิงชราก็เดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารและยื่นมันให้กับเยิ่งชวน “นายท่านเพิ่งชวนโปรดอ่านดูเจ้าค่ะ หลังจากที่อ่านจบแล้วท่านสามารถตัดสินใจได้ว่าจะใช้มันต่อไปหรือไม่”
ซุบ เพิ่งชวนแทงกระบี่สีเลือดลงไปในพื้นและหยิบเอกสารมาอ่าน
กระบี่สีเลือดนั้นมีฉายามากมายที่ถูกเรียกขานในประวัติศาสตร์ กระบี่ปีศาจ วิบัติสังหารล้มราชันย์
มันก่อให้เกิดภัยพิบัติต่างๆมากมาย
ในตอนที่เหล่าอสูรยังไม่ได้บุกเข้ามายังโลกนี้ ในตอนที่มนุษย์ยังต่อสู้น้ําหั่นกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด กระบี่เล่มนี้ได้สังหารผู้คนไปมากมายในหลายยุคหลายสมัย! ในศึกระหว่างนิกาย ชีวิตของมนุษย์และเทพอสูรมากมายต้องถูกสังเวยให้กับกระบี่เล่มนี้! วิธีการสังหารก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของของกระบี่ ดังนั้นพวกเขาจึงเก็บกระบี่เล่มนี้ไว้ให้เป็นกระบี่ที่ชั่วร้าย
ยิ่งกระบี่เล่มนี้กลืนกินเข้าไปมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้นและนั่นจึงทําให้ผู้ใช้ต้องมีพลังใจและแก่นสารแห่งจิตที่แข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น
ในตอนที่กระบี่เล่มนี้อยู่ในจุดสุดยอดของมัน มันต้องใช้พลังของแก่นสารแห่งจิตถึงระดับสามในการรับผลของมัน
ในตอนนี้มันอ่อนแอมาก แก่นสารแห่งจิตระดับแรกสามารถกดมันลงได้อย่างง่ายดาย หลังจากอ่านเอกสารแล้วเพิ่งชวนก็รู้สึกมั่นใจในการควบคุมมัน หากเขาใกล้จะถึงขีดจํากัดเมื่อไหร่เขาจะเปลี่ยนกระบี่ในทันทีดีกว่าปล่อยให้มันเติบโตต่อไป!เขาจะใช้มันก็ต่อเมื่อแก่นสารแห่งจิตของเขาสามารถกดมันลงได้
“ข้าจะรับมันไป” เมิ่งชวนมองไปที่กระบี่ “มันได้ดื่มเลือดผู้คนมากมายในประวัติศาสตร์ แต่นับจากนี้ไปข้าจะใช้มันเพียงเพื่อสังหารอสูร!ข้าจะใช้มันดื่มกินเลือดเนื้อของอสูรและสังหารอสูรให้จนสิ้นจากนี้ไปชื่อของมันคือกระบือสูรสังหาร!”
หญิงชราสัมผัสได้ถึงจิตสังหารในน้ําเสียงที่ราบเรียบของเมิ่งชวน “เจ้าค่ะ”เธอพูด “นายท่านเมิงชวนโปรดรอตรงนี้ฝักดาบจะถูกนํามาให้ในอีกไม่ช้า”
“ได้” เมิ่งชวนหยิบกระบี่ขึ้นมาและพิจารณามันอย่างละเอียดในอนาคตกระบี่เล่มนี้จะอยู่เคียงคู่กับเขาและสังหารศัตรูให้จนสิ้น