ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 142
ตอนที่142 เครื่องบดเนื้อ
ผลงานของเมิ่งชวนในสนามรบนั้นดีกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้ เทพอสูรทั้งห้าคนรับรู้ได้ในทันทีว่าสหายที่แข็งแกร่งนั้นหมายถึงความสูญเสียที่น้อยลงในอนาคต
“กองทัพอสูรมากันแล้ว!” เพิ่งชวนเห็นพอดี หลังจากที่ราชาอสูรระดับสามรวมตัวกันหมดแล้วเหล่าอสูรและราชาอสูรธรรมดาพยายามข้ามประตูพิภพเข้ามาสู่โลกมนุษย์อย่างบ้าคลั่ง
ราวกับน้ําป่าที่ซัดโถม
“น้องเมิ่ง เตรียมตัวให้ดี ได้เวลาใช้ท่าเด็ดของเจ้าแล้ว” จางหวินอู่กล่าวผ่านกระแสเสียง
“รับทราบ” เมิ่งชวนและเทพอสูรคนอื่นๆป้องกันการโจมตีขณะรอโอกาส
ราชาอสูรธรรมดากว่า 200 ตนและอสูรจํานวนนับไม่ถ้วนเข้ามาสู่โลกมนุษย์อย่างบ้าคลั่งพวกอสูรนั้นรวมตัวกันอย่างหนาแน่นและมุ่งหน้าเข้ามา พวกมันเหยียบลงน้ําที่ลึกเพียงสื่อครึ่งบางตัวถึงกับเดินบนน้ําและพุ่งเข้าใส่กําแพงเลยด้วยซ้ํา! อสูรที่บินได้หลายตัวบินขึ้นพวกมันแบกอสูรที่ตัวเล็กกว่าอยู่บนหลัง
พวกมันพุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง
พวกอสูรรู้ว่าการออกไปจากด่านเปยเหอเท่านั้นคือทางรอด! ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันจะได้รับแต้มด้วยซ้ํา เป็นโอกาสที่หาได้ยากสําหรับพวกอสูรธรรมดาเหล่านี้
พวกมันปีนขึ้นไปบนกําแพงและดึงกันขึ้นไป อสูรจํานวนนับไม่ถ้วนปืนขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ สามสิบปิ้งสี่สิบปิ้ง ห้าสิบปิ้ง พวกมันพยายามอย่างเต็มที่ในการปีนขึ้นไป
“บุก”
ราชาอสูรระดับสองกว่า 200 ตัวพร้อมกับอสูรธรรมดาเป็นหัวหอกในการบุก
พวกมันมาจากทั่วทั้งแดนอสูร สําหรับราชาอสูรระดับสองแล้วนั้น พวกมันทําได้แค่ต้องรับคําสั่งของผู้ดําแดนอสูรเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงแปดร้อยปีที่ผ่านมา มีราชาอสูรจํานวนนับไม่ถ้วนที่ทําผลงานได้มหาศาลและแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ส่วนมากได้ขึ้นเป็นราชาอสูรระดับสามและสี่ในขณะที่บางตัวขึ้นไปได้ถึงระดับห้าเลยด้วยซ้ํา
การเป็นราชาอสูรที่มีชื่อเสียงนั้นก็เพียงพอแล้วสําหรับแรงจูงใจของพวกมัน
“โอกาสนี้แหละ!” จางหวินอู่ส่งสัญญาณ “เอาเลย!”
เพิ่งชวนชี้นํากระแสไฟฟ้าที่ก่อตัวในร่างกายของเขาและส่งลงไปใต้เท้าของเขา!
ในสนามรบข้างในกําแพงนั้น เพิ่งชวนเปลี่ยนเป็นร่างสายฟ้าที่สว่างจ้า สายฟ้าจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมากระจายออกไปทั่วทิศทางจากเท้าของเขา!
สายฟ้าพุ่งผ่านน้ําใต้เท้าไปและโดนเข้ากับเหล่าอสูรและราชาอสูรที่อยู่ในน้ํา! ขนาดตัวที่กําลังปีนกําแพงอยู่ก็ยังโดนสายฟ้าเลย!
แม้ว่าจะใช้เวลานานในการอธิบายสิ่งนี้ แต่อันที่จริงแล้วมันเกิดขึ้นในพริบตา
สายฟ้าสว่างจ้าปกคลุมไปทั่วทั้งสนามรบ! เมิ่งชวนและเทพอสูรคนอื่นๆค้างอยู่กลางอากาศเขตแดนผ้าไหมกันพวกเขากับสายฟ้าได้อย่างสมบูรณ์
ทั้งสนามรบเงียบสงัดในทันที!
อสูรบางตัวที่อยู่ใกล้กับเมิ่งชวนสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน ส่วนที่ห่างออกไปนั้นก็ทรุดลงอย่างเงียบงัน
ฟุบๆๆๆๆ ราวกับต้นข้าวที่โดนเกี่ยว อสูรจํานวนมากล้มลงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม พวกอสูรที่อยู่ห่างจากเมิงชวนไปหนึ่งนั้น อสูรธรรมดาส่วนมากต่างตัวสั่นสะท้านบางตัวกระอักเลือดออกมา แต่พวกมันไม่ตาย แม้ว่าอสูรจํานวนนับไม่ถ้วนที่ปีนกําแพงอยู่จะร่วงลงมาแต่มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่ตาย ส่วนมากก็เพียงแค่บาดเจ็บ
ส่วนราชาอสูรระดับสองและสามน่ะเหรอ? สายฟ้าพวกนั้นมันก็แค่คันๆเท่านั้น
สายฟ้าแลบไปทั่วผิวน้ํา เพราะธรรมชาติของมันที่จะกระจายไปทั่ว สายฟ้าจึงอ่อนลง เมิ่งชวนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้ว่าสายฟ้าของเขานั้นทรงพลัง แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาปล่อยมันใส่กองทัพอสูรที่ใหญ่ขนาดนี้! เขารู้ว่าหากมีอสูรมากพอ แม้จะปล่อยสายฟ้าที่มีทั้งหมดออกไปเขาก็คงสังหารมันได้เพียงแค่สามตัว
” เยี่ยมมาก” จางหวินอู่ดูมีความสุข
“ทําได้ดี!” ฉีฉิว มู่ฉิง หยูจีหยาน และหยางจึงอู่นั้นก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
เหล่าเทพอสูรและทหารก็ต่างตื่นใจ
“ท่านี้เพียงท่าเดียวก็สังหารอสูรไปได้ถึงสามหมื่นตัว แถมยังทําให้อสุรอีกสองถึงสามหมุนตัวบาดเจ็บหนัก” จางหวินอู่มีความสุขมาก “ งดงามมาก ทําได้ดีกว่าที่ข้าคิดเอาไว้อีก”
เขาอยู่ในสนามรบมามากมายหลายปี จํานวนอสูรที่เพิ่งชวนสังหารโดยสายฟ้านั้นมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้อีก
อันที่จริงแล้ว ตอนที่เพิ่งชวนก้าวข้ามขอบเขตความเป็นตายนั้น เขาต้องใช้อัสนีสวรรค์ถึงเก้าเส้นในการสร้างร่างอสูรตัดสายฟ้านี้ขึ้นมา สายฟ้าที่อยู่ในร่างของเขานั้นทรงพลังมากยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ฝึกฝนร่างกาย มันก็ทําให้ร่างของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก ไม่ว่าจะเป็นในแง่ประสิทธิภาพหรือปริมาณของสายฟ้าในร่างของเขาก็เพิ่มขึ้นดังนั้นแล้วมันจึงได้ผลมหาศาล
“อะไรกัน?” เกิดความวุ่นวายในหมู่ราชาอสูรระดับสาม สีหน้าของอสูรชุดสีดําเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“สายฟ้านี่มันทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?” ราชาอสูรระดับสามตัวอื่นเองก็ตื่นตระ หนกเช่นกัน
“มันสังหารอสูรธรรมดาไปได้เยอะมาก” อสูรในชุดสีดํายังคงสงบนิ่ง มันไม่สนใจอสูรธรรมดาแม้แต่น้อย ทุกๆครั้งที่มันบุกเข้ามาจะมีอสูรเป็นหมื่นเป็นแสนตัวที่ต้องตาย ราชาอสูรในชุดสีดํานั้นเป็นชนชั้นสูงและมีเชื้อสายของปราชญ์อสูร มันรู้ว่าแดนอสูรนั้นยิ่งใหญ่ ถึงอสูรพวกนี้จะตายไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ในอนาคตหากพวกมันยึดโลกมนุษย์ได้ แม้ว่ามันจะไม่กว้างใหญ่เท่าแดนอสูร แต่มันก็จะสามารถเพิ่มจํานวนอสูรให้มากขึ้นได้
แม้ว่าการโจมตีนี้จะเกินคาดสําหรับราชาอสูร แต่พวกมันก็ยังคงโจมตีต่อไป
“ฆ่ามัน!”
เหล่าเทพอสูร รวมไปถึงหลิวชีเยว่ โจมตีอย่างเต็มกําลัง
เปลวไฟโหมกระหน่ําลงมา เผาอสูรจํานวนมากจนตาย ฝนกรดเองก็ทําให้อสูรมากมายต้องตายเช่นกัน ใบมีดลมสีเหลืองที่คมกริบเองก็เชือดเฉือนร่างของเหล่าอสูรจนมันเลือดไหลจนตาย
การโจมตีขนาดใหญ่ถูกปล่อยออกมา เหล่าเทพอสูรไม่ปราณีอสูรพวกนี้แม้แต่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าอสูรก็ยังคงพุ่งเข้ามาใส่ พวกมันเริ่มที่จะปีนกําแพงกันอีกครั้ง
ในหมู่พวกมันมีราชาอสูรระดับสองเกือบสองร้อยตัว พวกมันเองก็เริ่มปีนกําแพงขึ้นมาเช่นกัน
“สกัดพวกมันเอาไว้”
หลิวชีเยว่และคนอื่นๆเบนความสนใจไปจัดการกับพวกอสูรธรรมดาพักหนึ่ง แต่เป้าหมายหลักของพวกเขาคือจัดการกับราชาอสูรระดับสอง!
โชคยังดีที่การบินกําแพงชั้นในนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย! ในตอนที่มันเริ่มปีนขึ้นมา มันก็โดนเทพอสุรเล็งเอาไว้แล้ว
ฟื้วๆๆๆ! หลิวชีเยวและเทพอสูรนักเกาทัณฑ์อีกสองคนยิงลูกศรใส่ราชาอสูรระดับสองอย่างต่อเนื่อง
การจะสังหารราชาอสูรระดับสามที่ร่วมมือกันห้าสิบกว่าตัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ว่าเธอสามารถทําให้ราชาอสูรระดับสองต้องบาดเจ็บสาหัสในทุกการโจมตีได้แม้มันจะไม่ตายก็ตาม ในการสังหารราชาอสูรระดับสองหนึ่งตัวนั้นต้องยิงใส่ประมาณสองลูก! ในสนามรบนั้นนี้เป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพมาก ในแง่ของความร้ายแรงนั้น หลิวซีเยวนั้นเทียบได้กับเทพอสูร 20 คนเลยด้วยซ้ําเมื่อราชาอสูรระดับสองปีนขึ้นมา เธอสังหารมันไปได้ 17 ตัว ในขณะที่เทพอสูรคนอื่นๆบนกําแพงสังหารไปได้รวมกันแค่ 16 ตัวเท่านั้น
เพียงเท่านี้ก็น่าจะนึกออกว่าเทพอสูรนักเกาทัณฑ์นั้นทรงพลังมากแค่ไหน
“กันพวกราชาอสูรเอาไว้” ฟานเฉิงสั่งการ เทพอสูรคนอื่นๆเข้าไปร่วมโจมตีใส่ราชาอสูรระดับสองที่พึ่งปีนขึ้นมาในทันที
ส่วนพวกราชาอสูรที่บินอยู่น่ะเหรอ?
แม้ว่าราชาอสูรที่บินได้เกือบจะหนีไปได้ แต่พวกมันก็ถูกสังหารโดยลูกศรสามลูกของหลิวชีเยว่ดอกแรกสังหารมันตัวแรกไป ในขณะที่อีกสองดอกที่เหลือทะลวงผ่านปีกของอีกสองตัว และเพราะมันไม่สามารถดับไฟได้ ราชาอสูรบินได้ทั้งสองตัวนั้นก็ได้แต่ร่วงลงสู่พื้นที่มีความตายรอมันอยู่
เมื่อต้องเจอกับนักเกาทัณฑ์ที่ทรงพลังเช่นนี้แล้ว มันก็เป็นเรื่องยากที่จะหลบหนีตราบใดที่จํานวนของราชาอสูรที่บินได้นั้นมีน้อย
“สังหารนักเกาทัณฑ์นั่นซะ” ราชาอสูรระดับสองรุดเข้าไปที่หอคอยทีละตัว พวกมันต่างมองไปที่ทางหลิวชีเยว่มันรู้ว่าสิ่งที่เป็นอันตรายที่สุดนั้นคือนักเกาทัณฑ์ หลิวชีเยว่ยิ่งไปกว่านั้นการที่สังหารมนุษย์ที่มีร่างเทพวิหคเพลิงได้นั้นจะทําให้พวกมันได้รับแต้มจํานวนมหาศาล
ในขณะที่เหล่าเทพอสูรและราชาอสูรเข้าน้ํานั่นกัน อสูรจํานวนมากก็ถูกสังหารอย่างต่อเนื่องอย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีบ้างบางตัวที่ปีนขึ้นกําแพงได้สําเร็จ พวกมันไม่กล้าเข้าปะทะกับเหล่าเทพอสูรระดับแดนอมตะเพราะมันไร้ประโยชน์ มันมีแต่จะตายเปล่าเท่านั้น!
พวกอสูรธรรมดาต่างกระโดดลงมาทีละตัวหลังจากที่ข้ามกําแพงชั้นในมาได้แล้ว มันกระโดดลงมาในพื้นที่โล่งๆที่กว้างประมาณหนึ่งลี้ เป็นพื้นที่ระหว่างกําแพงชั้นในและกําแพงชั้นนอก
มันเป็นทางโล่งยาวหนึ่งล้ําระหว่างกําแพงชั้นในและนอก มีเหล่าทหารมนุษย์คอยป้องกันเอาไว้อยู่! ยิ่งไปกว่านั้น ทางเข้าเองก็ยังมีเทพอสูรคอยคุ้มกันเอาไว้ด้วย! อสูรธรรมดาไม่มีทางที่จะผ่านทางนี้ไปได้
อสูรธรรมดาไม่สามารถพุ่งได้ไกลเป็นลี้ พวกมันทําได้แค่กระโดดลงมา เดินไปอีกหนึ่งลี้และปีนกําแพงสูงกว่า 30 จิ้งอีก! ที่แห่งนี้มีชื่อเรียกว่าถนนแห่งความตาย!
ฆ่ามัน!”
ทหารมนุษย์ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่ทัพมนุษย์กว่าสองหมื่นคนก็อยู่ในระดับชําระแก่นแท้แล้วพวกเขาส่วนมากเข้าถึงพลังและบางคนก็เป็นถึงจอมยุทธระดับควบแน่นแก่นแท้ด้วยซ้ํา
จอมยุทธแทบทั้งหมดของมนุษย์นั้นต่างอยู่ในสนามรบ! นั่นก็เพราะพวกเขาจะรับแต้มได้จากสนามรบเพียงเท่านั้น พวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนแต้มนั้นเพื่อเข้าสู่บ่อโลหิตเทพอสูรได้อย่างกลุ่มเล็กๆของเมิ่งเซียนกูตอนยังสาวเองก็เช่นกัน ส่วนหวินฟูเฉิงจากตระกูลหวินนั้นก็กลับสู่บ้านเกิดหลังจากที่รู้ว่าไม่มีหวังที่จะได้เป็นเทพอสูรหลังจากบาดเจ็บ
“ฆ่ามันซะ!”
“ฆ่าพวกมันให้ไว พอพวกอสูรพวกนี้ออกมาจากกําแพงได้ พวกเจ้าต้องใช้ทุกอย่างที่มีรวมไปถึงชีวิตเพื่อรั้งมันเอาไว้ ยิ่งเจ้าสังหารมันได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี” หัวหน้าของกองทัพมนุษย์สั่งการทหารหลายคนที่พึ่งเข้ารับราชการทหารนั้นยังคงกังวลที่ต้องเจอกับอสูร แต่ว่าการฝึกฝนของพวกเขาจึงทําให้พวกเขาเข้าโจมตีอย่างเป็นระบบ
ฝนลูกศรทะลวงผ่านอากาศ
น้ํามันเดือดถูกเทลงมาพร้อมกับเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ํา
สนามรบด้านหน้ากําแพงชั้นในคือนรก แต่ว่าพวกอสูรมีความอึดมหาศาล ร่างของพวกมันเทียบได้กับมนุษย์ในระดับก่อกําเนิด แม้จะถูกลูกศรที่มแทง แต่พวกมันก็ยังคงพุ่งเข้าใส่เปลวเพลิงและปืนกําแพงขึ้นไป
บางตนก็ตายไปในที่สุด แต่ก็ยังมีบางตนที่ยังคงปันกําแพงชั้นนอกขึ้นไป
จากนั้นการโจมตีระยะประชิดอันดุเดือดก็เริ่มขึ้น
แน่นอนว่ามีอสูรน้อยกว่าพันตัวที่สามารถปืนออกไปได้ พวกที่รอดนั้นต่างก็เป็นหัวกะทิของเหล่าอสูรธรรมดา! แม้ว่าเหล่าทหารจะร่วมมือกันได้อย่างดีเยี่ยม แต่พวกเขาก็ค่อยๆตายกันไปที่ละคน
ทหารเหล่านี้เข้าใจดีว่าการต่อสู้ในกําแพงชั้นในนั้นรุนแรงมากยิ่งกว่านี้อีก
“อย่าให้ราชาอสูรตัวไหนผ่านกําแพงชั้นในไปได้!” ฟานเฉิงคํารามด้วยความโกรธเกรี้ยว เขากระแทกโล่ขนาดใหญ่ลงบนพื้นจนเกิดเสียงดังลั่น แรงกระแทกนี้สังหารราชาอสูรระดับสองที่กําลังพุ่งเข้าใส่ไปเจ็ดตัวอีกหกตัวร่วงลงสู่สนามรบด่านล่าง
“รับทราบพี่ฟาน” เทพอสูรคนอื่นๆจัดกลุ่มเพื่อป้องกันไม่ให้พวกราชาอสูรขึ้นมาบนกําแพงได้
ตามแผนการแล้ว แม้พวกเขาจะต้องเอาชีวิตเข้าแลก แต่พวกเขาก็จะต้องกันราชาอสูรเอาไว้ให้ได้
เทพอสูรทั้งหกคนที่หน้าประตูพิภพนั้นต้องเจอกับการโจมตีที่หนักหน่วงเสียยิ่งกว่า แผนการของพวกอสูรต่างเป็นเช่นนี้ตลอด พวกมันเสียสละราชาอสูรระดับสามสิบตนเพื่อจะสังหารเทพอสูรมหาสุริยันของมนุษย์หนึ่งคน นั่นเป็นผลลัพธ์ที่เหล่าอสูรต่างต้องการ