ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 153
ตอนที่ 153 ราชาอสูรสิงโต
5 ธันวาคม หิมะสีขาวปกคลุมไปทั่วด่านเปยเหอ
เพิ่งชวนยืนอยู่ในสวนและฝึกฝนกระบวนท่าหลักของวิชากระบี่ กระบี่จิตพิสุทธิ์ ทุกครั้งที่ชักกระบี่ออกมา เขาจะฟาดฟันออกไปนับสิบกว่าครั้งก่อนจะเก็บกระบี่ และด้วยขอบเขตการรับรู้ของเขา จึงสามารถทําให้เขาจัดความแม่นยําและความเร็วของทุกๆการโจมตีได้
เนื่องจากเขาได้รับมรดกของกระบี่จิตพิสุทธิ์มาและได้เห็นผู้อาวุโสเกาเค่อเป็นผู้สาธิตกระบี่จิตพิสุทธิ์ทั้งห้าแบบให้ดู เขาจึงรู้แล้วว่าวิชากระบี่นี้ต่อไปควรจะไปทางไหน การฝึกวิชานั้นเป็นเส้นทางที่ยาวไกล หากไม่มีเป้าหมายก็จะมีแต่หลงทางจนเสียเวลาไปนับหลายสิบปี
มันแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อมีเป้าหมายสําหรับการฝึกฝน นั่นเป็นเหตุว่าทําไมศิษย์ของเขาหยวนชูยอมแพ้ที่จะเรียนรู้โลหะทมิฬ นั่นเพราะพวกเขาอาจจะไม่ได้รับเจตจํานงไปตลอดชีวิต หากยังฝืนต่อ และอาจไม่ได้เป็นเทพอสูรมหาสุริยันไปตลอดชีวิตเลยก็ได้
แม้จะมีเจตจํานงของมรดกและขอบเขตการรับรู้ แต่วิชากระบี่ของข้าก็พัฒนาขึ้นช้าลงเรื่อยๆ ข้ายังไปไม่ถึงจุดสูงสุดของจิตวิญญาณกระบี่เลยแม้จะผ่านมาหนึ่งปีแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็พัฒนาขึ้นอยู่เรื่อยๆ หากหนึ่งปีไม่เพียงพอ ก็ใช้เวลาสองถึงสามปี ตราบใดที่ข้ายังคงพัฒนา สุดท้ายแล้ว ข้าก็จะบรรลุวิถีกระบี่ในที่สุด และเมื่อข้าบรรลุวิถีกระบี่แล้ว ข้าก็จะไปถึงเขตแดนเดือนมืดมิดได้
การฝึกวิชาก็ยังเป็นการฝึกฝนจิตใจอีกด้วย หากเกิดเป็นกังวลเพราะการฝึกฝนที่ล่าช้าจนในที่สุดก็หมดหวังและเศร้าโศก ประสิทธิภาพในการฝึกก็จะลดต่ําลงไปด้วย ดังนั้นแล้วจิตใจจึงเป็นสิ่งตัดสินว่าคนๆนั้นจะก้าวไปในเส้นทางแห่งการฝึกฝนได้มากขนาดไหน! เฟิงโหวเทพอสูรและราชันเทพอสูรนั้นต่างมีพลังใจที่กล้าแข็งยิ่ง
เทพอสูรที่ด่านเปยเหอต่างกําลังฝึกฝนวิชา ส่วนเหล่าทหารมนุษย์นั้นฝึกอยู่ที่เมืองด่านชั้นนอก หิมะบนกําแพงอันแสนกว้างใหญ่ถูกเก็บกวาดไปนานแล้ว เหล่าทหารแยกออกเป็นหลายกอง และฝึกฝนด้วยกัน
พยายามให้มากกว่านี้! ยิ่งฝึกฝนและร่วมมือกันมากเท่าไหร่ เจ้าก็จะมีโอกาสรอดชีวิตในสนามรบได้มากขึ้นเท่านั้น เหล่าทหารผ่านศึกต่อว่าทหารใหม่ ทหารเหล่านี้บางคนประจําการอยู่ที่ด่านเปยเหอมาเป็นเวลาหกถึงเจ็ดปี ในขณะที่บางคนอยู่มามากกว่าสิบปีแล้วด้วยซ้ํา ทหารเก่าเหล่านี้ไม่จําเป็นต้องฝึกฝนขั้นพื้นฐานแล้ว ที่พวกเขาต้องทําก็แค่ฝึกวิชาบ้างก็พอ
แสงแดดทําให้รู้สึกอุ่นขึ้นดีจริงๆ ตาแก่จาง ข้าเริ่มคิดถึงบ้านขึ้นมาแล้ว ทหารผ่านศึกคนหนึ่งนั่งบนกําแพง และมองดูหิมะสีขาวด้านล่างที่ส่องกระทบกับแสงอาทิตย์ดูแสบตา
เจ้าอยู่ที่นี่มา 13 ปีแล้ว คงได้เวลาที่เจ้าจะกลับบ้านแล้วล่ะ ทหารอีกคนหนึ่งกล่าว หูของเขาขาดไปหนึ่งข้าง พร้อมกับรอยแผลเป็นขนาดใหญ่บนหน้า
น้องชายของข้ากําลังดูแลพ่อแม่ให้อยู่ที่บ้าน ข้าจึงไม่จําเป็นต้องรีบกลับไปนัก ดูเจ้าเด็กโง่เง่าพวกนี้สิ หากไม่มีพวกเราคอยชี้น้ํา ส่วนมากคงจะต้องตายเป็นแน่ ข้าจะอยู่ที่นี่อีกสองปี ข้าจะกลับบ้านหลังจากที่เป็นทหารมาสิบห้าปี ข้าคิดถึงแม่น้ําและต้นหลิวต้นใหญ่ที่บ้านจริงๆ ข้าไม่รู้ด้วยซ้ําว่าเพื่อนๆของข้าเป็นอย่างไรบ้าง
เจ้ากําลังทําให้ข้าคิดถึงบ้านเหมือนกัน ทหารผ่านศึกที่ไร้หูกล่าว แต่ข้าไม่มีครอบครัวเหลือแล้ว ตอนที่พวกอสูรบุกเข้าเมืองตะวันหยก ครอบครัวของข้าถูกสังหารจนสิ้น ข้าจะอยู่ที่ด่านเปยเหอนี้ไปตลอดชีวิต ยิ่งขาสังหารอสูรได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
หากเจ้าจะอยู่ที่ด่านเปยเหอไปตลอดชีวิต เจ้าก็น่าจะหาภรรยาสักคนแล้วมีลูกด้วยกันที่นี่นะ
ข้าอาจจะตายได้ตลอดเวลาในสนามรบ ดังนั้นควรจะดีกว่าหากข้าไม่เพิ่มความทุกข์ให้กับผู้อื่น
ทหารผ่านศึกเหล่านี้คุ้นชินกับการอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว มันหมดระยะเวลาเกณฑ์ทหารมานานแล้ว แต่พวกเขาเลือกที่จะอยู่ต่อ มีคนจํานวนไม่มากที่อยากจะเก็บสะสมแต้มเพื่อจะได้ขึ้นเป็นเทพอสูร แต่จอมยุทธส่วนมากไม่มีโอกาสที่จะได้เป็นเทพอสูรหรอก บางคนก็ชินกับชีวิตที่ด่านเปยเหอแล้ว ในขณะที่บางคนก็เพียงอยากสู้กับอสูร
แม่ทัพจางหวินอู่และเทพอสูรคนอื่นๆให้ความสําคัญอย่างยิ่งกับทหารผ่านศึกเหล่านี้ บางครั้งก็อาจจะชี้แนะพวกเขาด้วยซ้ํา
ทันใดนั้นเอง
ตึงๆๆ!
เสียงกลองดังลั่นขึ้นมาจากเมืองด่านชั้นใน
เหล่าทหารผ่านศึกลุกขึ้นยืนในทันที พวกเขาหมุนเวียนพลังปราณพร้อมกับเลือดที่เดือดพล่าน เตรียมพร้อมรบในชั่วพริบตา
พวกอสูรกําลังจะโจมตี เตรียมตัวให้พร้อม เหล่าทหารผ่านศึกตระโกนออกมา ทหารที่เหลือรีบทําตามที่เคยฝึกเอาไว้และเตรียมพร้อมอุปกรณ์ทุกอย่างอย่างรวดเร็ว
ฟุบๆๆๆๆ!
สายฟ้า ลําแสง และเงาคนพุ่งไปยังกําแพงชั้นในอย่างรวดเร็ว
เหล่าทหารรู้ดีว่านั่นคือเทพอสูร!
เหล่าเทพอสูรคอยปกป้องเมืองชั้นในที่อันตราย
ระวังตัวด้วย หลิวชีเยว่กล่าว
ไม่ต้องกังวลไป เมิ่งชวนกระโดดลงจากกําแพงเมืองไปในทันทีพร้อมกับจางหวินอู่ หยู่จีหยาน หยางจิงอู่ ฉีฉิว และมู่ฉิง เทพอสูรอีกยี่สิบห้าคนยังคงยืนอยู่บนกําแพงเมือง
สนามรบข้างในกําแพงชั้นในนั้นเป็นที่ที่อันตรายที่สุดเพราะว่ามันอยู่ใกล้กับประตูพิภพมากที่สุด! เพิ่งชวนและคนอื่นๆต่างอยู่ในจุดสูงสุดของเทพอสูรระดับมหาสุริยัน หากไม่แข็งแกร่งเช่นนั้น การเข้าไปในสนามรบนี้ก็เป็นเพียงการฆ่าตัวตาย
ในที่สุดราชาอสูรพวกนี้ก็กลับมาอีกครั้งตอนปลายปี จางหวินอู่ดูประตูพิภพและยิ้ม น้องเพิ่ง เจ้าทําให้ราชาอสูรพวกนี้สูญเสียไปมาก ข้าว่าพวกมันคงหาวิธีจัดการกับเจ้าได้หลังจากผ่านไปครึ่งปี
ศิษย์พี่จาง ข้าคงต้องขอความช่วยเหลือจากท่านหากข้ารั้งพวกมันไว้ไม่ได้ เมิ่งชวนกล่าวยิ้มๆ
อย่ารีบสวนกลับ เราต้องมุ่งเน้นไปที่การป้องกันและมาดูกันว่าราชาอสูรพวกนี้อะไรซ่อนไว้ จางหวินอู่กล่าว เมื่อเรารู้แล้วว่ามันวางแผนจะทําอะไร พวกเราจะตีโต้กลับอย่างเต็มกําลัง! หากสังหารราชาอสูรไม่ได้ก็ไม่เป็นไร หน้าที่หลักของพวกเราคือการปกป้องด่านเปยเหอ
พี่จาง ท่านพูดแบบนี้มากี่ครั้งแล้วกัน? ฉีฉิวหัวเราะ
จางหวินอู่เบิกตากว้าง นี่ข้ากําลังแนะนําเจ้านะ! อย่าคิดจะไปเสี่ยงชีวิตเพียงเพราะว่าเจ้ามีร่างเทพสว่างโชติ!
มันไม่เป็นไรหรอกหากข้าจะถูกแทงซักสองสามแผลเข้าไปในร่างเทพสว่างโชติของข้า ข้าจะใช้มันเพื่อจัดการกับศัตรู ฉีฉิวกล่าว ไม่ต้องห่วง ข้ามีประสบการณ์พอ ข้ารู้ขีดจํากัดของข้า
ข้าเป็นห่วงเจ้ามากที่สุดนี่แหละ จางหวินอู่หน่ายใจแต่ก็ไม่ได้เถียงต่อ
พวกมันมาแล้ว มู่ฉิงกล่าวอย่างเย็นชา
ราชาอสูรระดับสามสิบห้าตนเดินออกจากประตูพิภพพร้อมกัน เมื่อพวกมันออกมา มันก็เริ่มร่ายเขตแดนป้องกันหลายอย่าง
หลิวชีเยว่ยิงออกไปห้าลูก ลูกศรทุกลูกต่างลุกโชนด้วยเปลวเพลิงอันน่าสะพรึง เป็นอันตรายต่อเหล่าราชาอสูร
จางหวินอู่ถือทวนสั้นอยู่ในมือและหาโอกาสโจมตี แต่ครั้งนี้พวกราชาอสูรเตรียมพร้อมมาแล้ว พวกมันไม่เปิดโอกาสให้จางหวินอู่โจมตี
ครั้งนี้มีราชาอสูรที่ไม่เคยเห็นหน้าแปดตัว จางหวินอู่ขมวดคิ้ว ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังรู้สึก ไม่ค่อยสบายใจด้วย ข้ามั่นใจว่าต้องมีมากกว่าหนึ่งในแปดตัวนี้ที่เป็นชั้นยอด
ข้าเองก็รู้สึกได้ว่ามีราชาอสูรชั้นยอดอยู่สองสามตัว เมิ่งชวนกล่าว
อันที่จริงแล้ว นี่ไม่ใช่แค่ความรู้สึก เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังทุกอย่างในระยะสองลี้ ราชาอสูรสามในแปดตนนี้นั้นต่างมีพลังอันแข็งแกร่ง พวกมันต่างเป็นราชาอสูรชั้นยอด ราชาอสูรสิงโตขนสีแดงเข้มนั้นแข็งแกร่งเป็นพิเศษ พลังของมันเทียบเท่าได้กับอสูรหญิงชุดสีดํานั้นเลย
ในบรรดาราชาอสูรเหล่านี้ อสูรในชุดคลุมดําและอสูรสิงโตนั้นแข็งแกร่งที่สุด
ฟูววว!
เหล่าราชาอสูรได้เปรียบเยิ่งชวนและคนอื่นๆในด้านของเขตแดน
มีเพียงหยางจิงอู่เท่านั้นที่สามารถร่ายเขตแดนที่ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ได้ ราชาอสูรห้าตัวใช้เขตแดนออกมาพร้อมๆกัน ปล่อยความเย็นอันมหาศาลออกมา
ความเย็นนั้นกระจายออกไปทั่วสนามรบอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้สนามรบนั้นเหมือนกับเป็นทะเลสาบ เทพอสูรละลายหิมะเอาไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม ความเย็นนี้แช่แข็งสนามรบกลับมาอีกครั้ง เปลี่ยนน้ําในระยะสามล้ําให้กลายเป็นน้ําแข็ง
ระวังตัวเสียจริง เมิ่งชวนและจางหวินอู่ใจเย็นมาก พวกเขารู้ดีว่าราชาอสูรพวกนี้ไม่ ปล่อยให้เขาสังหารอสูรกว่าสามหมื่นตนด้วยสายฟ้าอีกแน่
และเมื่อน้ํากลายเป็นน้ําแข็งจนหมด สายฟ้าก็ไม่สามารถใช้เป็นตัวกลางได้อีกต่อไป การให้สายฟ้าฟาดเข้าไปที่ตัวของอสูรโดยตรงนั้นดีกว่าการใช้อากาศเป็นตัวกลางมาก แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะทําอะไรเช่นนั้น และพลังของสายฟ้าก็จะลดลงอย่างมหาศาล มีเพียงอสูรไม่กี่ตัวเท่านั้นที่จะถูกสังหาร
เจ้านี่คือเพิ่งชวนรึ? ราชาอสูรสิงโตมองไปที่เพิ่งชวน น้องซี่เจีย ดูข้าให้ดี ข้าจะกินมันเข้าไป
มันเร็วมากและเล่ห์เหลี่ยมเยอะ พี่ชาย เจ้าไม่ควรประมาท อสูรในชุดคลุมสีดํากล่าว
ต่อให้เจ้าเล่ห์แค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ ราชาอสูรสิงโตพร้อมที่จะจู่โจม