ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 36
ตอนที่ 36 พลังแห่งวิญญาณ
ที่คฤหาสน์จิงหูเมิ่ง
เมิ่งชวนเพิ่งทำท่าชักกระบี่ซ้ำ 8,000 ครั้งเสร็จในช่วงบ่าย เนื่องจากเขาไปเยี่ยมย่าทวดในตอนเช้า
หลังจากทานอาหารกลางวันแล้ว เขาก็พักผ่อนเป็นเวลาสองชั่วโมง จากนั้นเขาก็เริ่มการฝึกขั้นตอนที่สองในกิจวัตรประจำวันของเขา นั่นก็คือฝึกเพลงกระบี่ป้องกันและวิชาการเคลื่อนไหว
“ยิง” คนรับใช้สั่ง
ทันใดนั้นจอมยุทธระดับก่อกำเนิดหน่วยแรกทั้งสิบคนก็ยิงธนูออกมาพร้อมกัน ต่อจากนั้นก็เป็นหน่วยที่สองแล้วหน่วยที่สาม
จอมยุทธสามหน่วยยิงธนูอย่างต่อเนื่อง
เมื่อรากฐานเทพอสูรของเมิ่งชวนแข็งแกร่งขึ้น ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้น ลูกศรที่ยิงโดยยามในระดับชำระแก่นแท้นั้นก็เหมือนกับปุยนุ่นสำหรับเขา ดังนั้นตระกูลเมิ่งจึงไม่ปล่อยให้มันผ่านไป ยอมเสียค่าใช้จ่ายรวบรวมจอมยุทธสามสิบคนที่ระดับก่อกำเนิดมาช่วยในการฝึกฝนของเขา โชคดีที่ตระกูลเมิ่งมีคนในตระกูลมากมาย จอมยุทธทั้งสามสิบคนจึงมีคนในตระกูลเมิ่งนอกเหนือจากยามกลุ่มเดิมด้วย ทุกบ่ายพวกเขาจะมาช่วยเขาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง
“วืด วืด วืด” ลูกศรลูกแล้วลูกเล่าถูกยิงออกไป
เมิ่งชวนที่ยืนอยู่ตรงนั้น พบว่ามันเหมือนกับเวทมนตร์ เขาสามารถมองเห็นลวดลายสีแดงเข้มบนก้านลูกศรเหล็กดำเลือดม่วงแต่ละอันได้อย่างชัดเจน ทุกวิถีทางของลูกศรและการชนกันของพวกมันไม่ได้รอดพ้นจากการสังเกตของเมิ่งชวนได้
ไม่มีสิ่งใดซ่อนตัวจากเขาได้ในระยะสิบก้าว
เมิ่งชวนก้าวไปทางซ้ายและยืนนิ่ง ลูกศรเก้าดอกพุ่งผ่านเขาไป และลูกศรบางดอกก็พุ่งเฉียดเส้นผมของเขาไปในขณะที่ลูกอื่นๆพุ่งผ่านเอว มีเพียงลูกศรเพียงลูกเดียวเท่านั้นที่พุ่งเข้าหาหน้าอกของเขา เขาเหวี่ยงกระบี่และเบี่ยงเบนลูกศรไปอย่างง่ายดาย
เมิ่งชวนเพียงก้าวเดียวไปทางซ้ายและเบี่ยงลูกศรหนึ่งครั้ง เพื่อจัดการกับลูกศรสิบดอก
มันง่ายมากเหลือเกิน เมิ่งชวนยืนอยู่ในวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสิบก้าวและไม่ได้เคลื่อนไหวเร็วนัก อย่างไรก็ตามลูกศรก็พุ่งผ่านเขาไปโดยไม่สัมผัสเขาเลย เขาจะวาดกระบี่เป็นครั้งคราวเท่านั้น
“เกิดอะไรขึ้น”
“ทำไมนายน้อยดูผ่อนคลายจัง” จอมยุทธทั้งสามสิบคนต่างก็พากันตกใจเช่นกัน
“ข้ารู้วิถีของลูกศรทันทีที่ยิงออกมา ข้ารู้ได้ทันทีว่าจุดไหนปลอดภัย” เมิ่งชวนพบว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องที่แปลกมาก ราวกับว่าทุกสิ่งในรัศมีสิบก้าวเป็นอาณาเขตของเขา เขาสามารถทำนายเส้นทางทั้งหมดของลูกศรได้อย่างง่ายดาย ทำให้หลบลูกศรได้ง่ายมาก
“หยุด” จู่ๆเมิ่งชวนก็ตะโกนออกมา
จอมยุทธระดับก่อกำเนิดทั้งสามสิบคนก็พากันหยุดและมองไปที่เมิ่งชวน
“ก้าวมาข้างหน้า 20 ก้าว”
“ยี่สิบก้าวรึ” สมาชิกตระกูลเมิ่งคนหนึ่งกล่าวอย่างรีบร้อน “ระยะนี้ใกล้เกินไป เราอยู่ห่างจากท่านเพียงห้าสิบก้าว ท่านจะไม่มีเวลาตอบโต้หากเรายิงในระยะใกล้ขนาดนั้น ในความคิดของข้า เราควรเริ่มต้นด้วยการลดระยะห่างลงสิบก้าวก่อน”
อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thainovel.com
“ไม่เป็นไร เรามาลองดูก่อน” เมิ่งชวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฟังข้า ลดระยะทางลงยี่สิบก้าว”
ไม่มีใครหักล้างคำพูดของนายน้อยเมิ่ง ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่มีหัวลูกศรและหัวของพวกมันก็ถูกห่อด้วยผ้า ไม่มีอะไรจะสามารถเกิดขึ้นได้
“วืด” จอมยุทธระดับก่อกำเนิดทั้งสามสิบคนเดินไปข้างหน้าทันทียี่สิบก้าว
“ยิง”
ไกของหน้าไม้ถูกเหนี่ยวและลูกศรก็พุ่งออกสู่อากาศ
ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นมากเกินไป ยามที่อ่อนแอก็ยังสามารถรวบรวมพละกำลังได้ถึง 2,500 กิโลกรัม และยามที่แข็งแกร่งกว่าก็สามารถรวบรวมพละกำลังได้เกือบ 5,000 กิโลกรัม เราสามารถจินตนาการได้ว่าลูกศรของพวกเขานั้นเร็วแค่ไหน
ในระยะทางสั้นๆแม้ว่าเมิ่งชวนสามารถรับรู้ทุกสิ่งในระยะสิบก้าวและร่างเทพอัสนีของเขาก็เร็วมาก แต่เขาก็ยังรู้สึกกดดันขึ้นมาในทันที
ก่อนหน้านี้เขารู้สึกผ่อนคลายมาก เพราะสามารถกำหนดพื้นที่ซึ่งปลอดภัยกว่าได้ การ “ตัดสินใจ” แบบนี้สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังต้องใช้เวลาพอสมควร เมื่ออยู่ในระยะใกล้เช่นนี้ เมิ่งชวนไม่มีเวลากำหนดพื้นที่ปลอดภัยอย่างสบาย เขาต้องอาศัยสัญชาตญาณและวิชาการเคลื่อนไหวของเขาในการหลบหรือปัดลูกธนูด้วยเพลงกระบี่ ทุกอย่างต้องอาศัยสัญชาตญาณ
พวกเขาอยู่ใกล้เกินไป จนไม่มีเวลาคิด
หลบ
ป้องกัน
ภายใต้ความกดดันนี้ เขาได้อาศัยพื้นที่สิบก้าวของเขาหลบหลีกด้วยพลังทั้งหมดที่มี อย่างไรก็ตามก็ยังมีลูกศรที่เขาไม่สามารถป้องกันหรือหลบหลีกพ้น
ลูกศรพุ่งไปที่ท้องน้อยของเขา
“ป้องกัน” เมิ่งชวนต้องการที่จะปิดสะกัด แต่เขาช้าเกินไป เขาได้แต่ดูลูกศรที่กำลังจะพุ่งเข้าที่หน้าท้องของเขา
“วืด”
ภายใต้ความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะหลบ พลังที่มองไม่เห็นได้พุ่งเข้ามาในกระบี่ของเขา กระบี่ของเขาจึงเคลื่อนที่เร็วขึ้นอีกเล็กน้อยทันที ด้วยเสียง “แกร๊ก” เขาป้องกันลูกศรไว้ได้
วืด วืด วืด วืด วืด วืด
ลูกศรตกลงมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง
เร็วขึ้น เร็วยิ่งขึ้น เมิ่งชวนพยายามเต็มที่ที่จะหลบ
“ตูม”
พลังที่มองไม่เห็นได้หลอมรวมเข้ากับทุกส่วนในร่างกายของเขา
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก หัวใจของเขาเต้นดัง และอวัยวะของเขาก็แจ่มชัดมาก เลือดไหลดังสายน้ำ มองเห็นกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของเขาได้อย่างชัดเจน
ในทันใดนั้น การรับรู้และการควบคุมร่างกายของเขาก็ยิ่งยอดเยี่ยมมากกว่าเดิม
ร่างกาย จิตใจ และวิชายุทธหลอมรวมกันกลายเป็นหนึ่งเดียว เขาปลดปล่อยศักยภาพของร่างกาย
ในยามนั้น การหลอมรวมของร่างกาย จิตใจ และวิชาของเขาก็เข้าสู่สภาวะที่ล้ำลึก หัวใจสูบฉีดเลือด อวัยวะทั้งหมดต่างก็ทำงานอย่างเต็มที่ กล้ามเนื้อของเขาก็ท่วมท้นไปด้วยความแข็งแกร่ง ขณะที่พลังปราณก็ไหลเวียนไปในร่างอย่างสมบูรณ์แบบ ในทันใดนั้น ทุกกระบวนการและการไหลเวียนภายในร่างกายของเขานั้นก็เปลี่ยนไปเป็นสมบูรณ์แบบ และความสามารถในการใช้ศักยภาพของเขาก็เพิ่่มพูนมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
วูบ
เขารู้สึกได้ทันทีว่า ร่างกายของเขาเบาขึ้น และคล่องตัวมากขึ้น เขาหลบลูกศรได้อย่างง่ายดาย ถ้าเขาเต็มใจ เขาสามารถเพิ่มความเร็วขึ้นไปได้อีก
“ความรู้สึกนี้วิเศษเกินไป ข้ารู้สึกได้ถึงความสามารถเกือบทุกอย่าง” การควบคุมร่างกายของเขาอย่างประณีตนั้นทำให้เมิ่งชวนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม พลังที่มองไม่เห็นซึ่งหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขา ก็ทำให้เขาสิ้นเปลืองพลังเช่นเดียวกัน
เพียงไม่กี่วินาทีเขาก็รู้สึกเวียนหัว
“หยุด” เมิ่งชวนตะโกนออกมาทันที
ควับ ควับ ควับ
ยังมีลูกศรมอีกสามดอกพุ่งเข้าใส่เขา เขาแยกเขี้ยวด้วยความเจ็บปวด
“สุดยอด” จอมยุทธระดับก่อกำเนิดที่ยิงธนูต่างก็พากันตกตะลึง พวกเขายิงติดต่อกันเจ็ดครั้งในระยะใกล้ขนาดนั้น กระนั้นเมิ่งชวนก็ได้สะกัดกั้นลูกศรทั้งหมด และเพียงโดนลูกศรสามดอกในตอนท้าย
“น่าประทับใจจริงๆ”
“วิชาการเคลื่อนไหวนี้แปลกมาก แม้ลูกศรทั้งหมดนี้ แต่ก็ไม่มีลูกศรใดที่สามารถโจมตีท่านได้”
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ”
“น่าประทับใจมากที่เขาหลบพวกมันได้ เมิ่งชวนต้องคิดหาวิชาการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งบางอย่างออกมาแน่ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่เข้าใจทั้งหมด ในท้ายที่สุดเขาจึงถูกโจมตี” จอมยุทธระดับก่อกำเนิดต่างพากันประทับใจและดีใจ ส่วนใหญ่เป็นคนของตระกูลเมิ่ง ในขณะคนที่เหลือรับใช้ตระกูลเมิ่งมาเป็นเวลานาน ยิ่งเมิ่งชวนมีอำนาจมากเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งภูมิใจมากขึ้นเท่านั้น
“นั่นคือทั้งหมดสำหรับวันนี้ ข้าต้องการทบทวนการฝึกวิชาของข้า” เมิ่งชวนกล่าว
“ขอรับ” ทุกคนยิ้มรับ
“วิชาการเคลื่อนไหวของนายน้อยพัฒนาขึ้นอย่างมาก เขาคงจะตระหนักรู้อะไรบางอย่าง”
“การฝึกวิชามีความสำคัญมาก มันยังเป็นสิ่งสำคัญมากเช่นเดียวกันที่จะต้องตระหนักรู้อยู่อย่างเงียบๆ” พวกเขาคุยกันอย่างตื่นเต้นขณะที่กำลังจากไป คนรับใช้ก็ถูกให้ออกไปเช่นเดียวกัน เมิ่งชวนเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในสนามฝึกซ้อม
“เมื่อกี้นี้เป็นแรงประเภทไหนกัน” เมิ่งชวนตื่นเต้นเล็กน้อย
“เมื่อกี้นี้ ข้าได้ใช้พลังทั้งหมดของข้าเพื่อสกัดกั้นลูกศรเหล่านั้น ทันทีที่ข้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ก็มีพลังที่มองไม่เห็นได้แทรกซึมเข้าไปในเพลงกระบี่ของข้า ทำให้พลังของมันเพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่เพียงแค่นั้น พลังที่มองไม่เห็นนี้ได้หลอมรวมกับร่างกายของข้า ขณะที่ข้าหลบลูกศรที่เหลือ ความรู้สึกของการควบคุมร่างกายของข้านั้นช่างน่ามหัศจรรย์เหลือเกิน ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับใหม่ในทันที
การหลอมรวมของร่างกาย จิตใจ และวิชา ทำให้เกิดความแข็งแกร่ง ความเร็ว และการไหลเวียนของพลังปราณที่สมบูรณ์แบบ ที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย สิ่งที่เขาทำทั้งหมดก็คือการปลดปล่อยศักยภาพของร่างกายออกมามากขึ้น
“พลังที่มองไม่เห็นนี้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่มันปรากฏขึ้นจากเจตจำนงอันรุนแรงของข้า มันมีความเกี่ยวพันกับช่องว่างระหว่างคิ้วหรือไม่” เมิ่งชวนได้ลองคาด “เมื่อพลังที่มองไม่เห็นนี้หลอมรวมเข้ากับกระบี่ พลังงานที่ใช้ก็ไม่ได้มากมายเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตามเมื่อมันผสานเข้ากับร่างกาย การใช้พลังงานกลับเพิ่มมากขึ้นกว่าสิบเท่า ข้าแทบจะอยู่ได้ไม่ถึงสามวินาที”
“แต่นี่มันก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก” เมิ่งชวนไม่สามารถลืมความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมของการควบคุมร่างกายของเขาได้ “พลังนี้ลึกลับและไม่เป็นที่รู้จัก ข้าจะเรียกมันว่า “พลังแห่งวิญญาณ” เป็นการชั่วคราว”
…
ในอุโมงค์ลึกใต้ดินตอนกลางคืน
ชายผู้สง่างามเดินนำหน้าผู้อาวุโสผมสีเงิน ในไม่ช้าพวกเขาก็เห็นประตูบานใหญ่ เมื่อผลักมันให้เปิดออกก็เผยให้เห็นห้องโถงที่ว่างเปล่า มีสาวใช้สองคนยืนอยู่ข้างในนั้น
“ข้าต้องการพบหัวหน้าสาขา” ชายผู้สง่างามกล่าว
“ท่านหลี่โปรดรอสักครู่ ข้าจะส่งข้อความให้ในทันที” พนักงานหญิงพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเธอก็หันกายเดินเข้าประตูด้านข้างเพื่อรายงาน
ชายผู้สง่างามและผู้อาวุโสผมสีเงินรอคอยอย่างเงียบงัน
ในเวลาต่อมา
ชายหลังค่อมเดินออกมาจากประตูด้านข้าง สาวใช้ตามมาข้างหลังเขาด้วยท่าทางนอบน้อม ชายหลังค่อมนี้คือจอมยุทธนิกายอสูรฟ้าจากสวนหินร้าง ผู้ซึ่งเกือบจะสังหารเมิ่งชวนและเหยียนจิน
“คารวะรองหัวหน้าสาขาเกา” ชายผู้สง่างามและผู้อาวุโสผมสีเงินทักทายด้วยท่าทางนอบน้อม
บุคคลที่มีตำแหน่งสูงสุดในนิกายอสูรฟ้าสาขาตงหนิง คือหัวหน้าสาขาตามด้วยรองหัวหน้าสาขาสองคน
รองหัวหน้าสาขาเป็นจอมยุทธระดับไร้ตำหนิที่เข้าใจแนวคิดของ “พลัง” มานานแล้ว นอกจากนี้เนื่องจากเขาได้รับการฝึกฝนเพลงยุทธอสูรต่างๆ วิชาของเขาจึงน่ากลัวและเป็นเรื่องท้าทายหากจะต่อสู้ด้วย
“หัวหน้าสาขาและพี่สอง ตู ทั้งคู่กำลังเก็บตัวฝึกวิชา ข้าจึงต้องรับผิดชอบเรื่องสาขาตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา” ชายหลังค่อมเดินเข้าไปในห้องโถงและนั่งลงอย่างสบายๆ เขาเหลือบมองคนทั้งสอง แล้วพูดว่า “พูดมาซิ มีอะไรที่เจ้าไม่สามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง”
“โจรเมฆาโลหิตขายสมบัติให้เรา” ชายผู้สง่างามหยิบม้วนหนังสือและส่งให้สาวใช้ข้างตัวเขา จากนั้นสาวใช้ก็มอบมันให้กับชายหลังค่อม “นั่นคือภาพวาดของชิ้นส่วนโลหะสีดำ”