ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 37
ตอนที่ 37 พลัง
ชายหลังค่อมหยิบม้วนหนังสือและคลี่มันออก เขาขมวดคิ้วขณะมองไปที่ภาพวาดชิ้นส่วนโลหะสีดำ
ชายผู้สง่างามกล่าวต่อไปว่า “ชิ้นส่วนโลหะสีดำชิ้นนี้ไม่มีภาพประกอบหรือข้อความใดๆแต่มีกลิ่นอายของเทพอสูรผู้ยิ่งใหญ่ มันแข็งแกร่งกว่ากระแสพลังที่เหลืออยู่ในมรดกเทพอสูรทั่วไปมาก พวกเราเป็นเพียงปุถุชนและมีความรู้จำกัด ข้าเกรงว่าเราอาจพลาดสมบัติ”
“ก็ซื้อเลยสิ” ชายหลังค่อมขมวดคิ้วขณะมองดูภาพ
“กลุ่มโจรเมฆาโลหิตต้องการเงิน 100,000 หยวน ไม่ขาดแม้แต่หยวนเดียว” ชายผู้สง่างามกล่าวด้วยท่าทางนอบน้อม
“บ้าไปแล้วรึ หนึ่งแสนหยวนสำหรับอะไรที่เราไม่รู้อย่างงั้นรึ กลุ่มโจรเมฆาโลหิตบ้าไปแล้วจริงๆ” คนหลังค่อมส่ายหน้า “เอาล่ะ ข้ารู้เรื่องนี้แล้ว เจ้าออกไปได้”
“ถ้าเช่นนั้นแล้ว เราจะซื้อไหม” ชายผู้สง่างามถาม
“เจ้าจะเป็นคนจ่ายเงินหรือไม่” ชายหลังค่อมจ้องมอง
“ข้าเข้าใจแล้ว” ชายผู้สง่างามกล่าวด้วยท่าทางนอบน้อม “ข้าจะไม่ตัดสินใจโดยพละการ” เขาเดินนำผู้เฒ่าผมสีเงินออกไปทันที
รองหัวหน้าทั้งสองคนของสาขาตงหนิงมีอารมณ์แปรปรวน และผู้ใต้บังคับบัญชาก็ค่อนข้างกลัวเขา ในทางตรงกันข้ามหัวหน้าสาขานั้นควรค่าแก่การเคารพมากกว่า
“เป็นบ้าอะไรไปรึ เป็นมรดกของเทพอสูรแล้วจะเป็นไรไป เราไม่สามารถรับมรดกจากเทพอสูรได้อยู่แล้วเมื่อเราฝึกฝนวิถีอสูรฟ้า” ชายหลังค่อมมองไปที่ม้วนหนังสือในมือของตัวเองและหัวเราะเย้ยหยัน จากนั้นเขาก็โยนมันไปให้สาวใช้ข้างๆ “เมื่อพี่รองและหัวหน้าสาขาออกจากการเก็บตัว ก็ให้พวกเขาดู”
“ค่ะ” สาวใช้กล่าวด้วยท่าทางนอบน้อม
…
กลางคืน
หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกวิชาและอาบน้ำยาจิตวิญญาณแล้ว ร่างกายของเมิ่งชวนก็กลับคืนสู่สภาวะสูงสุด
เขามาที่ลานเล็กๆของเขาและเริ่มส่วนที่สี่ของการฝึกฝนประจำวันนั่นคือท่าชักกระบี่ขั้นสูงสุด ในปีที่ผ่านมาเขาได้ผลักดันพลังปราณของเขาไปสู่ขีดจำกัดทุกวัน ทำให้เส้นชีพจรของเขาปรับตัวอย่างช้าๆ ร่างเทพอสูรของเขาสามารถปรับตัวได้มาก และเส้นชีพจรของเขาก็ยืดหยุ่นได้ดีเช่นกัน เขาสามารถปลดปล่อยพลังปราณได้ถึงสิบสองส่วนในตอนนี้เนื่องจากเส้นชีพจรของเขากว้างขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น
พลังของการโจมตีของเขามาจากการผสมผสานระหว่างวิชา ร่างกาย และพลังปราณ จึงทำให้ศักยภาพของร่างกายสามารถปลดปล่อยพลังมหาศาลออกมาได้ในที่สุด
ความแข็งแกร่งของเพลงกระบี่นั้นเพิ่มขึ้นมาเพียงแค่สองเท่าเท่านั้น แม้ว่าจะใช้พลังปราณถึงสิบสองส่วนก็ตาม ในอดีตนั้น นี่ถือได้ว่าเป็นท่าไม้ตายภายใต้ข้อกำหนดที่จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เมิ่งชวนไม่ยินดีที่จะใช้วิชาเทพอสูรต้องห้าม ตัวอย่างเช่น ลูกชายคนโตของตระกูลหวิน หวินฟู่เฉิงได้ใช้วิชาต้องห้ามโดยไม่ได้เตรียมการใดๆ ดังนั้นจึงทำให้รากฐานของเขาเสียหาย และทิ้งเขาไว้ให้สิ้นความหวังที่จะได้เป็นเทพอสูร
“ตอนนี้ข้ามีพลังแห่งวิญญาณแล้ว ข้าสามารถพยายามผลักดันขีดจำกัดของท่าชักกระบี่ขั้นสูงสุดให้ดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิมได้” ตาของเขาเป็นประกาย
หลังจากนั้นเขาก็ตั้งสมาธิ ด้วยเจตจำนงอันทรงพลัง ทำให้พลังที่มองไม่เห็นของ พลังแห่งวิญญาณ ได้หลอมรวมกับร่างกายของเขาในทันที พลังปราณเริ่มไหลผ่านเส้นชีพจร อวัยวะ กระดูก และเลือดของเขาอย่างช้าๆ ความรู้สึกทั้งหมดของเขาเพิ่มสูงขึ้น และการควบคุมร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นในระดับที่นึกไม่ถึงในทันที
เขาตกใจกับความรู้สึกนี้ทุกครั้งไป
อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thainovel.com
เมื่อไหร่ที่เขาจะสามารถควบคุมร่างกายของเขาให้อยู่ในขอบเขตดังกล่าวได้โดยไม่ต้องใช้พลังแห่งจิตวิญญาณของเขากัน
ตูม
ทันใดนั้นพลังปราณของเขาก็ปะทุขึ้นสิบห้าส่วน ภายใต้การชักนำของ พลังแห่งวิญญาณ ทำให้เส้นชีพจรของเขาสามารถทนต่อพลังปราณได้ ร่างกายของเขาเริ่มสร้างกลุ่มก้อนสายฟ้าจำนวนมาก หนาแน่นยิ่งกว่าปกติหลายเท่า เมื่อสายฟ้าก่อตัวขึ้นภายในร่างกายแล้ว ความเร็วของเมิ่งชวนก็พุ่งไปถึงระดับที่ไม่สามารถจินตนาการได้ ความเร็วนั้นถือเป็นความแข็งแกร่งของร่างเทพอัสนี เมื่อเขาขุดลึกลงไปในศักยภาพของร่างกายความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นมาในระดับที่เหลือเชื่อ
แม้แต่ความแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นด้านที่อ่อนแอจุดหนึ่งของเขา ก็ยังเพิ่มขึ้นมาหลายเท่า
วูบ
ลำแสงกระบี่สุกสกาวพุ่งข้ามผืนฟ้าขณะที่มันฉีกกระชากอากาศ ลำแสงกระบี่พุ่งออกไปไกลหลายสิบก้าว แล้วก็พุ่งเข้าชนกำแพงหิน เกิดเป็นร่องรอยขึ้น
เขาหยุด
พลังแห่งวิญญาณหายไป เขาหยุดการใช้พลังอย่างบ้าคลั่งในทันที ด้วยการใช้พลังแห่งวิญญาณเฉพาะเมื่อทำการโจมตี เขาก็จะใช้พลังปราณน้อยลง
“การโจมตีนี้ใช้พลังประมาณยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของพลังแห่งวิญญาณของข้า” เมิ่งชวนพยักหน้าเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าการใช้ท่าไม้ตายห้าครั้งจะเป็นขีดจำกัดของข้า ต้องลองดูอีกครั้ง”
เขาต้องการทำความคุ้นเคยกับท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา เขาจ้องมองไปข้างหน้าราวกับว่ามีอสูรอยู่ตรงหน้าเขา เขาต้องการสังหารอสูรตนนี้และการทำเช่นนั้นจำเป็นต้องมีจิตสังหารที่รุนแรง ซึ่งทำได้ด้วยการรวมร่างกาย และจิตใจของเขาเป็นหนี่งเดียวเท่านั้นที่จะทำให้การหลอมรวมลึกซึ้งยิ่งขึ้น
“ฆ่า”
เขาปลดปล่อยลำแสงกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวออกมาอีกครั้ง
“ฆ่า”
เขาไล่ตามขีดจำกัดและความสมบูรณ์แบบ เมื่อพลังแห่งวิญญาณหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขา เขาก็พยายามหาวิธีที่จะขุดเอาศักยภาพของร่างกายออกมาให้มากยิ่งขึ้น เขารู้สึกเหมือนร่างกายของเขาเป็นเหมือนภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ และสิ่งที่เขาขุดออกมาจนถึงตอนนี้ก็เป็นเพียงแค่ส่วนปลายยอดของภูเขาน้ำแข็ง ตามชีวประวัติของเทพอสูร แม้แต่เทพอสูรที่ทรงพลังที่สุดก็ไม่กล้าพูดว่า พวกเขาได้ขุดศักยภาพของร่างกายจนถึงขีดจำกัดแล้ว
เมื่อการฝึกวิชาดำเนินต่อไปร่างกายของคนๆหนึ่งก็จะแข็งแกร่งขึ้น
“ฆ่า”
เขาพบว่าความสุขจากการที่ไม่ต้องฝืนยั้งไว้นั้นช่างเป็นที่น่ายินดียิ่งนัก ด้วยการเสริมพลังแห่งวิญญาณเข้าไป เขาก็ยิ่งหลงไหลไปกับการฝึกฝนมากขึ้น
ความแข็งแกร่งของเขามาบรรจบกันในขณะที่เขาเตรียมพร้อมที่จะโจมตี เมื่อเขาทำการโจมตี ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาก็จะถูกปลดปล่อยออกมาภายใต้การชี้นำของ พลังแห่งวิญญาณ ความต้องการของเขาเป็นเหมือนคมมีด และในขณะที่เขาโจมตีออกไป เขาก็จะสามารถฆ่าอสูรทั้งหมดได้
“ตูม” กระแสพลังที่น่ากลัวรวมตัวกันรอบตัวของเมิ่งชวน ร่างกายของเขาดูเหมือนจะกลายเป็นกระบี่ ร่างกายและพลังปราณของเขารวมกันอย่างสมบูรณ์แบบ ภายใต้การนำทางของ “พลัง” ส่งผลให้เกิดการปะทุที่น่าหวาดหวั่นยิ่งขึ้น
กระบี่วาบวับและทิ้งรอยเสี้ยวจันทร์ไว้ในอากาศ มันเป็นเรื่องที่ชวนตื่นเต้น
ลำแสงกระบี่เร็วเกินไป และการฟันด้วยความเร็วสูงทำให้เกิดลำแสงที่คมมาก มันฉีกผ่านกำแพงสนามที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบก้าว เป็นเหตุกำแพงนั้นพังลงมา
หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระบี่ของเขาและยืนตัวตรง
นี่คือ “พลัง” งั้นรึ เมิ่งชวนค่อนข้างประหลาดใจ เขาคาดการณ์ว่าเขาจะสามารถหยั่งรู้ในเรื่อง “พลัง” ในอีกไม่กี่วัน แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะบรรลุถึง “พลัง” ในขณะที่เขากำลังหลอมรวมพลังแห่งวิญญาณเข้ากับท่าชักกระบี่ขั้นสูงสุดในวันนี้ เขาบรรลุถึงขั้น “พลัง” จากการโจมตีครั้งที่สี่
มีคำอธิบายมากมายเกี่ยวกับ”พลัง” ในหนังสือ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะบรรยายอย่างไร เขาก็จะสามารถเข้าใจ “พลัง” ได้ในขณะที่เขารับรู้ถึงมันเท่านั้น
ทุกสิ่งในโลกล้วนมี”พลัง” ภูเขา น้ำ ดิน ลม ไฟ และท้องฟ้า กระทั่งทั้งโลก … ก็มี “พลัง” เพลงกระบี่ที่ทรงพลังอย่างแท้จริงต้องการ “พลังกระบี่” เมื่อมี “พลังกระบี่” คนผู้นั้นก็จะเหมือนกระบี่ ภายใต้การควบคุมของ “พลังกระบี่” ศักยภาพของร่างกายจะถูกขุดลึกลงไป ผู้คนสามารถใช้พลังของฟ้าดินเพื่อเสริมเติมตัวเองได้
ภายใต้กฎของ “พลัง” ความเชี่ยวชาญด้านพลังปราณของคนผู้หนึ่งก็จะปราณีตมากยิ่งขึ้น ซึ่งนี่ทำให้คนผู้นั้นสามารถปลดปล่อยพลังปราณออกนอกร่างกายได้เมื่อมีการต่อสู้
เกิดอะไรขึ้น นี่คือ “พลัง” อย่างงั้นรึ
ภายในจิงหูเมิ่ง เมิ่งต้าเจียง และหลิวเย่ป๋ายรีบออกจากห้องด้วยความตกใจ พวกเขาต่างรู้สึกว่ามี “พลัง” ปรากฏขึ้นภายในคฤหาสน์ของพวกเขา สิ่งนี้ทำให้พวกเขาตื่นตระหนก เพราะพวกเขารู้ว่าพวกเขาเป็นคนกลุ่มเดียวในคฤหาสน์ที่ได้รับ “พลัง” สำหรับบุคคลที่สามที่จู่ๆก็ใช้ “พลัง” ขึ้นกลางดึกนั้น มีโอกาสสูงที่บุคคลนั้นจะเป็นผู้บุกรุก
“ศัตรูแอบเข้ามางั้นรึ หรือว่าเขาตระหนักถึงพลัง มันมาจากที่พักของชวนเอ๋อร์” เมิ่งต้าเจียงและหลิวเย่ป๋ายต่างพากันกังวลขณะที่พวกเขารีบเร่งรุดไป
ในพริบตาพวกเขาสองคนก็รุดเข้าไปในลานที่พักของเมิ่งชวน และเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งอย่างงุนงงพร้อมกับกระบี่ในฝัก กำแพงด้านหนึ่งของลานได้พังทลายลง และมีเศษหินเศษอิฐอยู่ทั่วไป
“ข้าพอจะรู้ได้ไหมว่าสหายคนไหนที่มาเยี่ยมยังคฤหาสน์เมิ่ง กรุณาแสดงตัว” เมิ่งต้าเจียงตะโกนทันทีเมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้
“ข้าไม่เห็นเขา ดูเหมือนเขาค่อนข้างเก่งทางด้านการซ่อนตัว” หลิวเย่ป๋ายแอบส่งเสียง “แต่เขาไม่ได้ทำร้ายเมิ่งชวน ดังนั้นเขาคงไม่ใช่ศัตรู”
ทั้งสองคนระมัดระวังตัวอย่างมาก
“พ่อ ลุงหลิว ไม่มีใครอยู่หรอก” หลังจากฟื้นคืนสติจากการประสบความสำเร็จ “พลังกระบี่” เมิ่งชวนก็รีบแจ้งเมิ่งต้าเจียง และหลิวเย่ป๋าย
“ไม่มีใครอีกงั้นรึ” เมิ่งต้าเจียง และหลิวเย่ป๋ายต่างก็ตกตะลึง
“พลังที่ไม่คุ้นเคยเมื่อกี้นี้คือ…” เมิ่งต้าเจียงมองไปที่ลูกชายของเขาและคาดเดาในใจ “ไม่ไม่ไม่ ข้าคงจะคิดมากไป”
เมิ่งชวนพยักหน้ารับ “ข้าตระหนักรู้ถึง “พลังกระบี่” แล้ว”