ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 43
ตอนที่ 43 ชิ้นส่วนโลหะทมิฬ
ภายในห้องโถง ชายหลังค่อมและถูมองไปที่ผู้นำสาขา
“ศิษย์พี่” ถูอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “นี่เป็นส่วนหนึ่งของโลหะทมิฬจริงๆเช่นนั้นรึ?”
ชายคิ้วขาวพยักหน้า “ในประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์นี้ มีโลหะทมิฬบางส่วนได้หายไป และมันก็ได้รับการยืนยันว่าหายไปแปดชิ้น เหล่าอสูรก็ได้จดบันทึกหน้าตาของชิ้นส่วนทั้งแปดนั้นไว้เช่นกัน ในครานั้นที่ข้าได้อ่านผ่านบันทึกของพวกมัน ข้าก็ได้จดบันทึกเอาไว้แล้ว”
“เมื่อข้าบำเพ็ญวิชาบนภูเขา ข้าจะสามารถเข้าห้องสมุดได้เดือนละครั้ง” ถูกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่ข้ามักจะอ่านตำราวิชาเท่านั้น ไม่ได้สนใจที่จะอ่านหนังสือไร้ประโยชน์เหล่านั้นเลยด้วยซ้ำ ศิษย์พี่ ท่านเป็นคนที่เยี่ยมยอดจริงๆที่จดจำสิ่งเหล่านี้ไว้เสมอ มิฉะนั้นเราคงจะไม่รู้เรื่องโลหะทมิฬนี้แน่”
“ความรู้เหล่านี้นั้นถูกเก็บเป็นความลับสำหรับมนุษย์ แต่พวกอสูรไม่ได้ให้ความสนใจกับเจ้าสิ่งนี้มากนัก แม้ว่าพวกมันจะได้รับโลหะทมิฬไป… แต่พวกมันก็มิสามารถฝึกฝนได้ มันใช้เพื่อการอ้างอิงได้เท่านั้น” ชายคิ้วขาวกล่าว “ข้าระบุชิ้นส่วนที่กลุ่มโจรเมฆาเลือดขายจะให้เราได้แล้ว มันคือกระบี่ตัดอัสนี โลหะทมิฬของวิชากระบี่ตัดอัสนีนั้นถูกแยกออกเป็นยี่สิบหกส่วน”
“พวกอสูรกำหนดรางวัลสำหรับโลหะทมิฬที่สมบูรณ์ไว้อยู่ที่หนึ่งล้านแต้ม” ชายคิ้วขาวกล่าว
“หนึ่งล้านแต้ม” ชายหลังค่อมและถูตาลุกวาว
“จะให้รวบรวมทุกชิ้นส่วนมันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะบางชิ้นนั้นได้ถูกเขาหยวนชู ถ้ำสวรรค์ทรายดำ และเกาะสองโลก เก็บรวบรวมไปนานแล้ว บางส่วนก็ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของอสูร ในขณะที่บางส่วนได้กระจัดกระจายไปทั่วโลก แล้วจะเก็บรวบรวมอย่างไรงั้นรึ? เพราะเราไม่สามารถรวบรวมพวกมันได้ทั้งหมด ชิ้นส่วนชิ้นหนึ่งจึงมีค่าเท่ากับหนึ่งหมื่นแต้ม” ชายคิ้วขาวกล่าว “หนึ่งหมื่นแต้ม…แค่หนึ่งหมื่นแต้ม ราชาอสูรมันไม่ยอมเสี่ยงชีวิตเข้าเมืองมนุษย์หรอก แต่สำหรับพวกเรา มันคุ้มค่าที่จะเสี่ยง”
“มาเสี่ยงดวงกันเถอะ” ถูตาแดงก่ำลุกวาว
“ข้าอยู่ในนิกายอสูรฟ้ามาสามสิบปี แต่ข้ายังสะสมแต้มได้เพียง 1200 แต้มเท่านั้น”ชายหลังค่อมกัดฟัน “มารับความเสี่ยงกันเถอะ”
“กฎเหมือนเดิม หลังจากสำเร็จ ข้าจะได้หกสิบเปอร์เซ็นต์ เจ้าสองคนคนละยี่สิบ”ชายคิ้วขาวกล่าว “มีข้อขัดข้องไหม”
“ไม่”
“ท่านนำเลย” ถูและชายหลังค่อมตอบทันที
ในนิกายอสูรฟ้า ความแข็งแกร่งคืออำนาจ แม้ว่าพวกมันจะร่วมมือกัน แต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับผู้นำสาขา มันพอใจที่จะได้รับยี่สิบเปอร์เซ็นต์ในขณะที่หัวหน้าสาขารับไปหกสิบ
“ถ้าท่านไม่บอก เราก็คงไม่รู้ว่ามันคือชิ้นส่วนโลหะทมิฬ” ชายหลังค่อมกล่าว
“ตลอดหลายปีที่ข้าอยู่ในนิกายอสูรฟ้านี้ ข้าสะสมแต้มได้เพียง 5,000 แต้มเท่านั้น หากข้าได้รับ 6000 แต้มในครั้งนี้ …ข้าจะได้มีโอกาสเข้าสู่บ่อแปลงอสูรและกลายเป็นอสูรฟ้า” ชายผมสีขาวกล่าว
“ศิษย์พี่ ท่านควบแน่นแก่นอสูรมานานนับทศวรรษแล้ว เมื่อท่านได้เข้าสู่บ่อแปลงอสูร ท่านคงจะได้ก้าวขึ้นเป็นอสูรฟ้าเป็นแน่” ถูกล่าว
อสูรฟ้าคือเส้นทางการฝึกวิชาที่อสูรสร้างขึ้นสำหรับผู้ทรยศต่อมนุษย์ มันเทียบเท่ากับระดับราชาอสูรและเทพอสูรของมนุษย์
“เนื่องจากเราได้ตัดสินใจที่จะเสี่ยง” ชายคิ้วขาวกวาดสายตามองไปทั่ว แล้วพูดอย่างใจเย็น “เจ้าต้องเข้าใจว่าปฏิบัติการนี้อันตรายอย่างยิ่ง”
“ขอรับ” ชายหลังค่อมและถูดูเคร่งขรึม
“เมืองตงหนิงเป็นเมืองของมนุษย์ มีเทพอสูรจากวังหยกสุริยันเป็นคนคุม กลุ่มเทพอสูรทั้งห้าในตอนนี้ คงมีเทพอสูรอยู่สองหรือสามคนที่ยังอยู่ในเมือง หากเทพอสูรคนใดพบพวกเรา เราคงไม่มีทางรอดเป็นแน่” ชายคิ้วขาวกล่าว “อันที่จริง หากพวกเราโดนจอมยุทธของมนุษย์สกัดไว้ พวกเราก็ไม่มีทางรอดเช่นกันหากถูกพวกมันรุม”
“เข้าใจแล้ว” รองหัวหน้าสาขาทั้งสองพยักหน้า
นิกายอสูรฟ้า… สามารถซ่อนตัวอยู่ในเงามืดได้เท่านั้น
ท้ายที่สุดมันเป็นเพียงนิกายที่ก่อตั้งขึ้นโดยผู้ที่ทรยศเผ่าพันธุ์มนุษย์ แม้ว่าอสูรจะสร้างระบบการฝึกวิชาอสูรฟ้าที่ไม่เหมือนใครสำหรับผู้ทรยศเหล่านี้ แต่ความแข็งแกร่งโดยรวมของนิกายอสูรฟ้านั้นด้อยกว่ามนุษย์มาก ข้อได้เปรียบประการเดียวของพวกมันคือมันก็เป็นมนุษย์ นอกจากนี้อสูรฟ้ายังเชี่ยวชาญในการปกปิดกระแสพลัง ทำให้สามารถซ่อนตัวในเมืองของมนุษย์ได้ อย่างไรก็ตาม หากถูกเปิดเผยตัวตน มนุษย์ก็สามารถฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดาย
ชายหลังค่อมกล่าว “ท่านผู้นำ หากท่านใช้ขอบเขตเทพอสูรท่านก็แทบจะคงกระพัน หากพวกเราไวพอ เราก็จะสามารถหลบหนีไปได้อย่างง่ายดาย เทพอสูรเหล่านั้นมันคงจะมาถึงไม่ทันหรอก”
“อย่าประมาท” ชายคิ้วขาวกล่าว “ในบรรดามนุษย์ในเมืองตงหนิงมีสามคนที่สามารถยับยั้งข้าได้ หวินฟู่เฉิงของตระกูลหวิน จางหย่งจากตระกูลจาง และไป่ชูเหวินของตระกูลไป่ ทั้งสามคนล้วนเป็นจอมยุทธในระดับไร้ตำหนิ แม้ว่าพวกมันจะเทียบข้าไม่ได้ แต่พวกมันก็ยังรั้งข้าไว้ได้สักพัก ดังนั้นข้าต้องหลีกเลี่ยงทั้งสามคนให้มากที่สุด”
“ขอรับ”ทั้งคู่พยักหน้า
ผู้นำสาขานั้นแทบจะคงกระพันภายใต้ขอบเขตเทพอสูรในเมืองตงหนิง
สำหรับรองหัวหน้าสาขาสองคนนั้น พวกมันอ่อนแอกว่า แม้ว่าพวกมันจะเข้าถึงพลังแล้ว และรู้จักเวทมนตร์อสูรมากมาย แต่ก็ยังไปไม่ถึงระดับไร้ตำหนิ ในเมืองตงหนิงนั้น มีคนเป็นสิบที่สามารถต่อกรกับพวกมันได้
“ตามที่เจ้าสองคนพูด”ชายผมสีขาวกล่าว”กลุ่มโจรเมฆาโลหิตทั้งสองนั้นเสียชีวิตด้วยน้ำมือของเมิ่งชวนแห่งตระกูลเมิ่ง ดังนั้นชิ้นส่วนของโลหะทมิฬอาจอยู่ในมือของเขา”
“สมบัติชิ้นสำคัญเช่นนั้น มืออสูรโลหิตจ้าวชานจะต้องพกติดตัวไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย” ถูกล่าว “และข้ายังแอบตรวจสอบเรื่องนี้อย่างลับๆ ในตอนที่ร่างของกลุ่มโจรเมฆาโลหิตถูกจัดการ มีคนมากมายอยู่ตรงนั้นด้วย แต่พวกมันก็ไม่พบชิ้นส่วนโลหะทมิฬ มีโอกาสสูงที่มันจะอยู่ในมือของเมิ่งชวน”
ชายคิ้วขาวพยักหน้า “โลหะทมิฬนั้นลึกลับและยากจะหยั่งถึง เทพอสูรธรรมดานั้นเข้าศึกษาความลับของมันได้อย่างลำบาก มีเพียงเทพอสูรที่ทรงพลังและราชาอสูรบางส่วนเท่านั้นที่สามารถเข้าไปดูความลึกซึ้งของมรดกได้ เมิ่งชวนเพิ่งอายุได้เพียงสิบเจ็ดปี ดังนั้นมันคงไม่รู้ความลับอะไรจากสิ่งนั้นแน่ อย่างมาก มันก็จะคิดว่าเป็นชิ้นส่วนของเทพอสูร เพราะฉะนั้นมันคงไม่พกติดตัวทุกวันหรอก”
“ขอรับ”ชายหลังค่อมและดวงตาของถูลุกวาว
“ศิษย์พี่ ท่านหมายถึง…” ชายหลังค่อมกล่าวขึ้นมา
“โลหะทมิฬน่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งในจิงหูเมิ่ง” ชายคิ้วขาวกล่าว “แต่มันน่าจะอยู่ในที่ที่พักของเมิ่งชวน”
“ไปเปิดที่อยู่ของนิกายอสูรฟ้าของเราในเมืองตงหนิง แล้วคิดหาวิธีที่จะแทรกซึมเข้าไปในจิงหูเมิ่ง” ชายคิ้วขาวกล่าว “ค้นหาที่อยู่อาศัยของเมิ่งชวน หากสามารถขโมยชิ้นส่วนโลหะทมิฬมาได้เลยก็ยิ่งดี”
“ขอรับ” ทั้งคู่พยักหน้า
หากไม่จำเป็นพวกเขาก็ไม่อยากต่อสู้กับตระกูลเมิ่ง
มีกลุ่มจอมยุทธระดับไร้ตำหนิกลุ่มหนึ่งในตระกูลเมิ่ง พวกมันสามคนเข้าถึงพลังได้แล้ว นอกจากนี้ หลิวเย่ป๋ายก็เข้าถึงพลังได้แล้วเช่นกัน ที่สำคัญที่สุด ยังมีเทพอสูรที่น่ากลัว เมิ่งเซียนกู หากเมิ่งเซียนกูเจอพวกมันเข้า พวกมันคงจะหนีไม่รอดสักคน
ดังนั้นพวกมันจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ไหวพริบ
…
สมาชิกของนิกายอสูรฟ้าที่ซุ่มซ่อนอยู่ในเมืองมนุษย์สามารถรวบรวมข้อมูลได้ดีที่สุด
พวกเขาใช้มนตร์อสูรเพื่อควบคุมบ่าวชราและสาวใช้ที่ทำความสะอาดลานของเมิ่งชวน เมื่อเมิ่งชวนฝึกท่าชักกระบี่ของเขา คนรับใช้และสาวใช้ก็จะเข้าไปในที่พักของเมิ่งชวนเพื่อทำความสะอาดพร้อมกับค้นหาไปด้วย พวกมันพบเงินที่เมิ่งชวนซ่อนไว้ด้วย แต่เนื่องจากใช้มนตร์อสูรควบคุมอยู่ จึงต้องทิ้งตั๋วเงินไว้ในจุดเดิมแต่โดยดีเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูรู้สึกตัว
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่พบชิ้นส่วนโลหะทมิฬ
เป็นเพราะเมิ่งชวนรู้ความลับของโลหะทมิฬมานานแล้ว มันมีค่ายิ่งกว่าหน้ามรดกของเทพอสูรที่เหลืออยู่ ที่ผู้อาวุโสคนที่สามมอบให้เสียอีก
ดังนั้นเขาจึงซ่อนทั้งชิ้นส่วนโลหะทมิฬและมรดกของเทพอสูรที่เหลืออยู่ในห้องใต้ดินลับของบิดาเขา มันเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดและมีกับดักมากมาย หากมีใครกล้าที่จะบุกรุกเข้าไปล่ะก็ ก็จะได้รู้กันทั้งจิงหูเมิ่งแน่นอน
เนื่องจากมันถูกซ่อนไว้อย่างดี และมีเพียงเมิ่งชวนและเมิ่งต้าเจียงเท่านั้นที่รู้วิธีเปิดใช้งานกลไกของห้อง
นิกายอสูรฟ้าพยายามทุกวิถีทางเพื่อค้นหาชิ้นส่วนโลหะทมิฬ แต่ก็ไม่มีประโยชน์
…
“เราจะทำอย่างไรกันดี? เราหามันไม่พบเลย” ผู้นำทั้งสามของนิกายอสูรฟ้าในเมืองตงหนิงนั่งลงในบรรยากาศที่ค่อนข้างบีบคั้น
“เราต้องได้รับหนึ่งหมื่นแต้มนั้น” แววตาของชายคิ้วขาวนั้นเย็นชาขณะที่เขากล่าว “เนื่องจากเราไม่สามารถหามันได้อย่างลับๆ เพราะฉะนั้นจึงมีวิธีเดียว—จับตัวเมิ่งชวนมา! แล้วพวกเราจะเค้นว่ามันซ่อนไว้ที่ไหน ด้วยวิธีนี้เราอาจได้รับชิ้นส่วนโลหะสีดำได้อย่างง่ายดาย ถ้ามันมอบมันให้กับตระกูล และถูกซ่อนไว้โดยตระกูลเมิ่งเราสามารถใช้เมิ่งชวนเพื่อบังคับให้ตระกูลเมิ่งแลกเปลี่ยนกับเราได้ ตระกูลเมิ่งให้ความสำคัญกับเมิ่งชวนอย่างมากตั้งแต่มันเข้าใจวิชาลับเมื่ออายุสิบห้าปี พวกมันยินดีที่จะแลกชิ้นส่วนโลหะสีดำเพื่อชีวิตของเขา”