ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 62
อนที่ 62 มันจะพอใจได้อย่างไรกัน
มันคือราชาอสูร เมิ่งชวนรู้สึกอึดอัด ราชาอสูรนั้นมีระดับเทียบเท่ากับเทพอสูร
หมอกสีดำปกคลุมไปทั่วบริเวณ
ในตอนนี้เขามีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น อย่างแรกคือหนี เพราะไม่ว่าอย่างไรราชาอสูรบึงพิษก็ยังอยู่ห่างออกไปเกือบครึ่งลี้ ด้วยระยะทางเช่นนี้เขาคงมีโอกาสรอดสูงขึ้น ส่วนทางเลือกที่สองคือถูกหมอกสีดำนั่นกลืนกิน
‘ข้าอยากเห็นเหลือกเกินว่าราชาอสูรนั้นเก่งเพียงใด’ เมิ่งชวนไม่ได้เลือกที่จะหนี ป้อมเพลิงตะวันอยู่หลังเขา หากหมอกดำเข้าไปในป้อม ผู้คนนับไม่ถ้วนก็จะต้องตาย ผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ลึกๆในอุโมงค์อาจรอด แต่ชีเยว่และคนอื่นๆที่ไม่ได้ซ่อนคงจะกลายเป็นเพียงกองเลือด
เขาไม่ลังเลที่จะหลอมรวม “พลังแห่งวิญญาณ” เข้ากับร่างกาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องต่อสู้กับราชาอสูร ภายใต้ภัยอันตรายถึงตายนี้ เขาพยายามควบคุมทุกส่วนของร่างกายให้ได้ “พลังแห่งวิญญาณ”ร่วมมือกับเขาเพื่อเสริมให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เขากลายร่างเป็นสายฟ้าในทันที
ฟุบ
เมิ่งชวนพุ่งเข้าไปในหมอกสีดำในร่างสายฟ้า เขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ เขาเร็วยิ่งกว่าตอนที่สังหารแม่ทัพอสูรทั้งสามเสียอีก! แรงกดดันของราชาอสูรนั้นมากเกินไป
“หืม?” บึงพิษพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงสุด แต่เมิ่งชวนไม่หนี กลับกัน เขากำลังพุ่งเข้าใส่จึงทำให้ช่องว่างเกือบครึ่งลี้นั้นหายไปในพริบตา
‘ช่างเป็นความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ!’ บึงพิษระวังตัว
‘ช่างเป็ฯหมอกพิษที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้’ หลังจากพุ่งเข้าไปในหมอกดำ เมิ่งชวนก็สัมผัสได้ว่า ปราณของเขาสึกกร่อนอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ปราณของเขามีความหนาแน่นมากกว่าเดิม 10 เท่าเนื่องจาก “พลังแห่งวิญญาณ” ผสานเข้ากับร่างกายของเขา ทำให้เขาสามารถทนได้นานขึ้นมาก ปราณป้องกันของข้าจะคงอยู่ได้เพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่มันจะถูกกัดจนหมด ข้าต้องรีบ
เมิ่งชวนมาถึงหน้าบึงพิษทันที
หมอกสีดำรอบตัวบึงพิษหนาขึ้นเรื่อยๆแต่ขอบเขตประสาทสัมผัสสิบจั้งของเมิ่งชวนทำให้เขาสามารถ”มองเห็น”คู่ต่อสู้ของเขาได้ บึงพิษเป็นอสูรงูรูปร่างคล้ายมนุษย์ ที่มีผิวสีเขียวมันเลื่อม มันถือหอกและดวงตาสีเทาของมันก็จ้องมองมาที่เขาอย่างเย็นชา
“สังหาร!” จิตสังหารของเมิ่งชวนรุนแรงขึ้น และในตอนที่เขาเข้าประชิดนั้นเอง ก็มีลำแสงกระบี่ตวัดออกมา
ท่าชักกระบี่อัสนีขั้นสูงสุด!
อ่านบทล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com
ลำแสงกระบี่เฉือนเข้าใส่ราชาอสูร
‘เป็นราชาอสูรแล้วยังไงเล่า? มันก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตชนิดอื่นเท่านั้น ยังไงมันก็ถูกสังหารได้!’ เขาเชื่อว่าเขานั้นแกร่งเกือบเท่าเทพอสูรนับตั้งแต่ตอนที่อยู่ในระดับหลอมแก่นแท้ และเขามีรากฐานที่แข็งแกร่งกว่าคนในระดับเดียวกัน อีกทั้งยังหลอม “พลังแห่งวิญญาณ” เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งได้อีกก้าวกระโดด เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำอะไรราชาอสูรไม่ได้
ฟุ่วๆๆ! เขาฟาดกระบี่ของเขาผ่านหมอกสีดำรอบๆ หมอกสีดำสำหรับปกป้องนี้นั้นแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และการโจมตีของเขาก็อ่อนแอลงอย่างมาก เขาฟันผ่านหมอกสีดำได้เพียงหนึ่งชุ่น(3.3 เซนติเมตร)เท่านั้นก่อนที่มันจะหยุดลง
‘โจมตีเต็มแรงแต่ฟันเข้าเพียงหนึ่งชุ่นรึ?’ หมอกที่ปกป้องราชาอสูรนั้นหนาเป็นร้อยชุ่น
สิ่งนี้จึงเมิ่งชวนหมดกำลังใจ มันต่างกันเกินไป มากเกินไป!
บึงพิษยิ้มนิดๆเมื่อมันเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่สนใจจะปัดป้องด้วยซ้ำ มันปล่อยให้เมิ่งชวนฟันใส่ตามใจ เพราะมันชอบที่ได้เห็นอัจฉริยะของมนุษย์สิ้นหวัง
หนี! หลังจากล้มเหลวในการโจมตี เมิ่งชวนก็ใช้คาถาต้องห้ามเทพอสูรทันที ปราณอันทรงพลังปะทุออกมาจากชีพจร กล้ามเนื้อและกระดูกของเขาก็เริ่มปลดปล่อยพลังที่เกินขีดจำกัดออกมา บวกกับ “พลังแห่งวิญญาณ” แล้ว เขาก็กลายร่างเป็นสายฟ้าและพุ่งออกไปไกลด้วยความเร็วมหาศาล
บึงพิษค่อนข้างประหลาดใจ แต่ก็หายประหลาดใจอย่างรวดเร็วและตามไป
…..
“นั่นเป็นราชาอสูรที่น่าสะพรึง” ภายในป้อมเพลิงตะวัน เจ้าสำนักจงและทหารมากประสบการณ์อีกหลายคนคาดเดาว่าที่มาของหมอกดำที่น่าสะพรึงนั้นคือราชาอสูร
“จบสิ้นแล้ว”
“รีบหนีเร็ว! แยกกันกันหนีซะ!” ทหารผ่านศึกคนหนึ่งตะโกนอย่างกระวนกระวาย
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นถัดมานั้นทำให้พวกเขาตกตะลึง
เมิ่งชวนได้เปลี่ยนเป็นสายฟ้าและพุ่งเข้าไปในหมอกสีดำ หลังจากนั้นไม่นาน เมิ่งชวนก็ออกมาจากหมอกดำและรีบหนีไปโดยไว
หมอกสีดำหดตัวลงอย่างรวดเร็วจนครอบคลุมเพียงแค่สิบจั้ง ภายในหมอกดำนั้น สามารถมองเห็นราชาอสูรตัวสูงสามจั้งกำลังไล่ตามเมิ่งชวนไป
ทั้งคู่เริ่มเกมไล่จับกันก่อนจะหายลับตาไปอย่างรวดเร็ว
“นายน้อยเมิ่งหนีไปทางอื่นเพื่อช่วยเรา เขาล่อให้ราชาอสูรออกไป” สีหน้าของเจ้าสำนักจงดูไม่ดีเท่าไหรนัก
“เขาทำเพื่อช่วยเรา” ทหารผ่านศึกและศิษย์สำนักเต๋าต่างเงียบ
“บางทีสำหรับเมืองตงหนิง สำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ นายน้อยเมิ่งมีความสำคัญมากกว่าชีวิตหลายพันของพวกเราเสียอีก” ชายแก่แขนเดียวกล่าว
ทุกคนเงียบ บางคนยอมสละชีวิตเพื่อเมิ่งชวนด้วยซ้ำ! แต่ถึงอย่างนั้น แทบทุกคนก็อยากจะมีชีวิตอยู่
“อาชวน” หลิวชีเยว่มองไปไกล เธอมองไม่เห็นเขาอีกต่อไป แต่เธอก็ยังคงมองทางที่เขาหนีไปด้วยน้ำตาที่คลอในเบ้า
…
หลังจากเมิ่งชวนพุ่งออกมาจากหมอกดำ เขาก็หยุดใช้ “พลังแห่งวิญญาณ”ทันที เพราะมีเหลือเพียงนิดหน่อยเท่านั้น
หนี ขณะที่เขาใช้วิชาต้องห้าม ผิวของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย เขาหนีไปราวกับสายฟ้าแลบ
“เมื่อครู่นี้เจ้าใช้วิชาอะไรกัน? ทำไมเจ้าถึงแข็งแกร่งขึ้นได้รวดเร็วขนาดนั้น?” บึงพิษดึงหมอกสีดำกลับมาให้ล้อมรอบตัวมันในระยะสิบจั้ง ก่อนหน้านี้หมอกสีดำปกคลุมไปเกือบครึ่งลี้ เพื่อจะจับเมิ่งชวน แต่มันกลับต้องประหลาดใจ เพราะความเร็วของเมิ่งชวนนั้นน่าทึ่งยิ่งนัก ความเร็วของเขายังมากกว่าราชาอสูรระดับสองอย่างมันเสียอีก “ความเร็วของเจ้าทำให้ข้าตกใจ แต่น่าเสียดายที่วิชากระบี่ของเจ้าอ่อนแอเกินไป อีกทั้งตอนนี้เจ้าช้าลงแล้วด้วย”
เมิ่งชวนเข้าใจได้ถึงความแตกต่าง ราชาอสูรแข็งแกร่งในทุกด้าน ส่วนเขานั้นเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดา มีหลายๆอย่างที่เขาไม่สมบูรณ์ แม้จะเรียกได้ว่าเขาเป็นอัจฉริยะในหมู่มนุษย์ แต่เขาก็ยังด้อยกว่าเทพอสูรและราชาอสูรมากเกินไปอยู่ดี
“เจ้าหนีไปไม่ได้หรอก” บึงพิษโบกมือและมีแสงพุ่งออกมาจากนิ้วของมัน มันคมกริบและอาจจะรุนแรงเสียยิ่งกว่าท่าชักกระบี่อัสนีของเมิ่งชวนที่แม้จะใช้ “พลังแห่งวิญญาณ” แล้วก็ตาม
ตูม!
เมิ่งชวนสัมผัสได้ถึงกระแสพลังอันแข็งแกร่งที่ยิงเข้ามาและหลบมัน
ลำแสงฉีกกระชากต้นไม้ใหญ่ข้างๆเขาก่อให้เกิดรูขนาดยักษ์บนลำต้น ลำแสงนั้นพุ่งไปต่ออีกนับสิบจั้งก่อนที่มันจะชนเข้ากับก้อนหินจนเกิดระเบิดขึ้น
เพียงแค่ชี้นิ้วก็รุนแรงเกินไปแล้ว นี่หรือคือความสามารถของราชาอสูร? เมิ่งชวนเข้าใจได้อย่างดีเกี่ยวกับความแตกต่างในด้านความแข็งแกร่ง การโจมตีใส่ศัตรูตัวนี้นั้นเป็นเรื่องที่โง่เขลาเกินไป!
‘มันหลบได้รึ?’ บึงพิษไล่ตามไปและชี้นิ้วไปที่เมิ่งชวนก่อนที่ลำแสงหลายลำพุ่งออกมา
ลำแสงทุกลำก่อให้เกิดหลุมขนาดยักษ์ไว้บนพื้นหรือทะลุผ่านบ้านจำนวนมาก พลังเหล่านี้มันทำให้ใจของเมิ่งชวนเต้นระรัว
โชคดีที่พวกเขาอยู่ห่างกันเกือบร้อยจั้ง แม้ว่าเมิ่งชวนจะหนีอย่างสุดกำลัง แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงลำแสงที่พุ่งเข้ามาโดยที่ไม่ต้องหันกลับไปมอง หรือก็คือ เขาสามารถหลบได้ก่อนนั่นเอง
“ฮึ่ม” นิ้วทั้งห้าของบึงพิษยิงลำแสงออกมาพร้อมกัน มันไม่ประหยัดพลังอีกต่อไป แต่ว่า เมิ่งชวนนั้นลื่นไหลมากเกินไป มันคิดไปด้วยซ้ำว่าเมิ่งชวนมีตาติดอยู่ตรงหัวหรือเปล่าถึงได้หลบได้ก่อนเช่นนี้
‘มันเป็นแต่มนุษย์แต่สังหารแม่ทัพอสูรได้อย่างง่ายดาย แถมยังเร็วกว่าข้าที่เป็นราชาอสูรระดับสองอีก แม้ว่ามันจะอ่อนแอในด้านอื่น แต่มันก็ยังเป็นแค่มนุษย์…. ที่แข็งแกร่งได้ขนาดนี้ มันต้องเป็นอัจฉริยะเป็นแน่ อัจฉริยะเช่นนี้มีค่าหัวสูงมากด้วย’ บึงพิษรู้สึกสนใจในเมิ่งชวน
แม้ว่าเทพอสูรจะทรงพลัง แต่อันตรายจากเทพอสูรต่อเหล่าราชาอสูรนั้นน้อยมาก
ในทางกลับกัน อัจฉริยะมนุษย์นั้นมีศักยภาพที่น่ากลัว หลังจากกลายเป็นเทพอสูรแล้ว พวกเขามีโอกาสที่จะได้กลายเป็นเทพอสูรระดับสูงที่น่ากลัวอีกด้วย ดังนั้นหากใครที่ถูกจัดเป็นอัจฉริยะ เหล่าอสูรจะตั้งค่าหัวจำนวนมหาศาลไว้
ในสายตาของบึงพิษ ชายหนุ่มตรงหน้าเขามีค่าหัวมหาศาล
‘ข้ายังเร็วไม่พอ เหอะ ช่างประไร เพื่อจัดการอัจฉริยะจะใช้วิชาต้องห้ามนิดหน่อยก็ไม่เห็นเป็นอะไร’ ผลกระทบของวิชาต้องห้ามนั้นน้อยหากใช้เพียงไม่นาน เมื่อคิดเช่นนั้น พลังอสูรของบึงพิษก็พวยพุ่งในทันที
เมิ่งชวนรู้สึกได้ถึงกระแสพลังของราชาอสูรในทันที ความเร็วของบึงพิษเพิ่มขึ้นก่อนที่ระยะทางจะถูกร่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ไม่ดีแล้ว เมิ่งชวนยิ่งรู้สึกกังวล ระยะห่างระหว่างพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็ว 80 จั้ง 60 จั้ง 40 จั้ง…มันลดลงอย่างรวดเร็ว
ฟุบ แม้ว่าเมิ่งชวนจะเร็วมากเมื่อใช้วิชาต้องห้ามที่ทำให้เขาสามารถพุ่งผ่านเขตบ้านเรือน ซากปรักหักพัง และแม่น้ำมากมาย แต่ราชาอสูรที่อยู่ข้างหลังเขานั้นเร็วกว่าอย่างชัดเจนหลังจากใช้วิชาต้องห้าม
“พลังแห่งวิญญาณ!”
เขาใช้พลังวิญญาณที่เหลืออยู่เพื่อเพิ่มความเร็ว
ความเร็วของเมิ่งชวนเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มระยะห่าง แต่เขาก็ใช้ “พลังแห่งวิญญาณ”จนหมดอย่างรวดเร็ว ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างกัน60จั้ง และมันก็ลดลงเรื่อย
‘ข้าจะทำอย่างไร?ข้าจะทำอย่างไร?’ เมิ่งชวนหนีไปไม่หยุด เขายังไม่อยากตาย เขาคือความหวังของตระกูลเมิ่งและเขายังไม่ได้ทำตามคำสาบานต่อหน้าหลุมศพของแม่ของเขาเลย เขาต้องเป็น เทพอสูรให้ได้! เขายังไม่ได้ฆ่าราชาอสูรด้วยซ้ำ! หลังจากฝึกฝนมาหลายปี ความฝันมากมาย เขาจะมาตายอย่างนี้ได้อย่างไรกัน?
หนี! ทางรอดสุดท้ายที่เขาคิดได้ ทำให้ร่างกายของเขาหลอมรวมเข้ากับกระแสปราณยิ่งกว่าเดิม จนทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นอีก20ส่วน
ตำนานกล่าวไว้ว่าร่างกายนั้นมีศักยภาพมหาศาล ความแข็งแกร่งที่ถูกปลดปล่อยออกมาในการต่อสู้เป็นเพียงแค่ยอดส่วนเล็กๆของภูเขาน้ำแข็ง หากเทพอสูรที่ทรงพลังสามารถควบคุมร่างกายได้เต็มที่ พลังที่พวกเขาปลดปล่อยออกมาก็จะมากกว่ามนุษย์หลายสิบร้อยพันเท่า
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มความเร็วได้20ส่วนของเมิ่งชวนนี้ก็ถึงขีดจำกัดแล้ว
30 จั้ง 20 จั้ง…
ในขณะที่ช่องว่างใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เมิ่งชวนก็รู้สึกได้ถึงพลังข้างหลังเขาที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
‘ข้าจะตายที่นี่งั้นรึ? ด้วยเงื้อมมือราชาอสูร?’ เมิ่งชวนเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและคัดแค้น แต่ก็ทำอะไรไมไ่ด้