ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 63
ตอนที่ 63 ท่านพ่อมาแล้ว
แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย แต่เมิ่งชวนก็ไม่ยอมแพ้ เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่ออยู่รอด พยายามเคลื่อนที่ไปยังบริเวณที่แคบและรกร้าง ราชาอสูรบึงพิษสูงกว่า 3 จั้ง ดังนั้นเมิ่งชวนจึงหวังว่าพื้นที่แคบๆเหล่านี้จะสามารถส่งผลกระทบต่อมันได้ซักหน่อย
ฟิ้ว
อย่างไรก็ตาม บึงพิษนั้นราวกับสายลม มันเหยียบหลังคาและกิ่งไม้ก่อนจะไล่ตามเขาไปอย่างรวดเร็ว มันเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆจนห่างกันเพียง10จั้ง
เมิ่งชวนสามารถ “มองเห็น” ผิวสีเขียวมันเลื่อมและดวงตาสีเทาที่ดูตื่นเต้นของมันได้
‘ข้าจะหนีได้อย่างไร? ข้าจะไปที่ไหน?’ เมิ่งชวนดิ้นรน
ตูม
จู่ๆก็มีพลังอันน่าสะพรึงพุ่งผ่านอากาศมาจากทางเหนือที่ห่างจากเมิ่งชวนเพียงหนึ่งลี้ มันเร็วมากจนแม้แต่เมิ่งชวนก็ยังสัมผัสแทบไม่ได้ มันเป็นหอกสั้นที่มีกระแสพลังสีเลือด หอกทะลวงผ่านอากาศจนอากาศโดยรอบระเบิดออก เพียงพริบตาเดียว มันก็เคลื่อนที่ไปครึ่งลี้เข้าใส่ราชาอสูรบึงพิษในทันที
“หืม?” บึงพิษตื่นตระหนก หอกสั้นมันทำให้รู้สึกถึงอันตราย มันไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าหมอกดำของมันจะกันไว้ได้หรือไม่ มันตวัดหอกยาวของมัน
แกร๊ง
มันปัดป้องหอกสั้น
“ราชาอสูร ชะตาเจ้าขาดแล้ว” มีเสียงตะโกนดังลั่นด้วยความเดือดดาลสะเทือนฟ้าดินมาจากร่างๆหนึ่งที่เต็มไปด้วยพลังมหาศาล ก่อนที่มันจะเข้ามาโจมตีเป็นครั้งที่สองด้วยหอกสั้น
ตูมๆๆ!
หอกสั้นพุ่งเข้ามาเรื่อยๆพร้อมกับจิตสังหารจากร่างๆนั้นที่พุ่งพวย บึงพิษพยายามปัดป้อง จนเมิ่งชวนมีโอกาสหนี
‘นั่นมัน?’ เมิ่งชวนจ้องไปที่ร่างที่กำลังพุ่งเข้าหาราชาอสูรอย่างงุนงง กระแสพลังของร่างนั้นทรงพลังมาก แต่มันก็เหมือนกับของพ่อของเขา แต่มันมีจิตสังหารและพลังที่มากมายยิ่งกว่าเป็นสิบเท่าจนน่าสะพรึง
กระแสพลังนี้เป็นแบบเดียวกับพ่อของเขา…เมิ่งชวนมองเห็นคนในกระแสพลังนั้นอย่างคลุมเครือ นั่นพ่อของเขา ที่ตอนนี้เบากว่าเดิม15กิโลกรัม เขาไม่อ้วนอีกต่อไป แต่กลับมีกล้ามเนื้อด้วยซ้ำ
ตั้งแต่เขาอายุได้หกขวบ พ่อของเขาก็น้ำหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาก็จำพ่อได้ในแวบแรก
‘นั่นพ่อหรือ?’เมิ่งชวนสับสนเล็กน้อย
‘ใช่พ่อตัวอ้วนที่หัวเราะอย่างมีความสุขทุกวันนั่นน่ะหรือ? ใช่คนที่คอยสอนวิชากระบี่ให้ข้าตั้งแต่ยังเด็ก แต่ก็มาดวลแพ้ทุกตาหลังจากที่ข้าขึ้นมาระดับไร้ตำหนิน่ะหรือ?’
เขาเข้าใจมาตลอดว่าพ่อของเขาเป็นเพียงจอมยุทธระดับไร้ตำหนิที่เข้าใจ”พลัง” และควบแน่นแก่นแท้ไม่สำเร็จ
ไม่…
ย่าทวดของเขาใช้เงินเก็บของทั้งตระกูลเพื่อแลกหยดไขกระดูกหยกของเทพอสูรมา ส่วนพ่อของเขา เขาได้ให้มาสองอย่าง ผลใจเหมันต์และหญ้าดารา ก่อนหน้านั้นเขาก็คิดไว้อยู่แล้วว่าพ่อของเขามีความลับเก็บซ่อนไว้อยู่ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าพ่อจะเป็นเทพอสูร
“ฮ่าฮ่า มีเทพอสูรซ่อนอยู่จริงๆ” บึงพิษหัวเราะเสียงแหบ “จริงๆแล้วเจ้าก็เป็นแค่คนที่ฝึกกายาเทพอสูร ร่างของเจ้านั้นยังหยาบและไม่สมบูรณ์ดี ทำให้ไปสุดได้อยู่แค่ระดับมหาสุริยันมิใช่รึ?”
“แค่นี้ก็มากพอสำหรับการสังหารเจ้า” จิตสังหารของเมิ่งต้าเจียงพุ่งสูงขึ้นขณะที่เขาดึงกระบี่ออกมาและฟันใส่บึงพิษทันที
“เจ้าคิดวาเทพอสูรที่พึ่งเกิดใหม่อย่างเจ้าจะทำได้อย่างนั้นรึ?” บึงพิษกระหยิ่ม งูสีดำสองตัวก่อตัวจากหมอกสีดำพุ่งไปทางเมิ่งต้าเจียงทันที
แต่เมื่องูหมอกดำนั้นพันเข้าที่ร่างของเมิ่งต้าเจียง พวกมันกลับอ่อนลงกว่า90ส่วนเพราะกระแสพลังนั้น และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับร่างของเมิ่งต้าเจียงนั้นมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คนที่ฝึกกายาเทพอสูรนั้นไม่ได้ฝึกฝนวิชาปราณและมุ่งมั่นในการฝึกฝนร่างกายเพียงอย่างเดียว พิษเพียงเล็กน้อยนี้เป็นเพียงแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย
กายาเทพอสูรนั้นค่อนข้างพิเศษ บึงพิษขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพุ่งไปข้างหน้าพร้อมหอกของมัน คลื่นหอกทำให้อาคารแถบๆนั้นพังลง หอกอันทรงพลังแทงตรงเข้าใส่เมิ่งต้าเจียง.
“ตายซะราชาอสูร” ตาของเมิ่งต้าเจียงแดงก่ำ เขาใช้วิชาต้องห้ามเทพอสูรมานานพอควรและตอนนี้ก็อยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง ลำแสงกระบี่ของเขาพุ่งเข้าหาบึงพิษ
เกือบไป…เขาเกือบจะสูญเสียลูกชายไปกับราชาอสูรนี่
เมื่ออสูรบุกเข้ามา เขาและหลิวเย่ป๋ายไปยังทางเหนือของเมืองเพื่อตรวจสอบภารกิจ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงระฆังของวังหยกสุริยัน พวกเขาต่างตระหนกก่อนจะแยกทางกันในทันที
หลิวเย่ป๋ายไปทางหนึ่ง สำนักเต๋าเพลิงตะวัน และระหว่างทางจะผ่านสำนักเต๋าอื่นๆและตระกูลด้วยเช่นกัน
เมิ่งต้าเจียงไปอีกทาง เขาผ่านจวนบรรพบุรุษตระกูลเมิ่งและจิงหูเมิ่ง
ไม่ว่าทั้งสองจะไปทางใด พวกเขาก็จะสังหารแม่ทัพอสูรที่พบ อย่างไรก็ตามทั้งคู่เป็นเพียงเทพอสูรที่กำเนิดใหม่ การที่ไม่ใช้วิชาต้องห้ามนั้นความเร็วของพวกเขาก็เทียบเท่าได้เพียงเมิ่งชวน ส่วนเมิ่งชวนนั้น เขาตรงไปยังสำนักเต๋าเพลิงตะวันทันที ดังนั้นเขาจึงไวกว่าหลิวเยว่ป๋าย
จากนั้น เมิ่งชวนก็ถูกบึงพิษเข้าจู่โจม การไล่ล่าทำให้พวกเขาไปไกลหลายสิบลี้ในพริบตา และเสียงของการปะทะกันนั้นก็ค่อนข้างดังจนดึงดูดความสในใจของเมิ่งต้าเจียง
เขาใช้คาถาต้องห้ามและปาหอกสั้นจากไกลๆออกไปเพื่อช่วยลูกชายของเขา
ในที่สุด เขาก็ช่วยลูกชายของเขาได้
อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ว่าลูกชายของเขาเกือบถูกสังหารนั้นทำให้เมิ่งต้าเจียงเต็มไปด้วยความโกรธ เขาเหวี่ยงกระบี่อย่างบ้าคลั่งด้วยพลังที่มีจนกลายเป็นคลื่นกระบี่นับสิบ
“เจ้ากล้าท้าทายข้างั้นรึ? รนหาที่ตายเสียจริง” บึงพิษมีความมั่นใจในเผชิญหน้ากับเทพอสูรที่เพิ่งเกิดใหม่ มันฟาดหอกเข้าใส่
กายาเทพอสูรที่พึ่งกำเนิดใหม่และราชาอสูรระดับสองปะทะกัน
ครืน
ราวกับว่าโลกใบนี้กำลังสั่นสะเทือน
เมิ่งชวนหยุดวิชาต้องห้ามเทพอสูรของเขาแล้วยืนอยู่ห่างๆ แม้ว่าร่างกายของเขาและเส้นลมปราณจะเจ็บปวด แต่เขาก็ยังคงเฝ้าดูการต่อสู้อย่างเป็นกังวล พ่อของเขาและราชาอสูรกำลังต่อสู้กัน ทุกครั้งที่ทั้งสองปะทะกันก่อให้เกิดแรงกระแทกมหาศาล การโจมตีในแต่ละครั้งของพ่อมีพลังมากกว่าท่าชักกระบี่อัสนีขั้นสูงสุดของเขาเสียอีก ในพริบตาเดียว พ่อของเขาก็ก่อให้เกิดลำแสงกระบี่นับร้อยจากการฟาดฟันอย่างโกรธเกรี้ยว
พ่อของเขาก็ฝึกฝนท่ากระบี่ที่ว่องไวเช่นกัน พรสวรรค์กระบี่ไวของเมิ่งชวนอาจได้มาจากพ่อของเขาก็ได้ กล่าวกันว่าผู้ใช้กระบี่ที่เร็วที่สุดในตงหนิงคือเจ้าสำนักเต๋าจิงหู่ เก๋อหยู แต่ตอนนี้แม้แต่เมิ่งชวนก็แซงหน้าเขาไปแล้ว
อย่างไรก็ตามหลังจากได้เห็นกระบี่ที่รวดเร็วของพ่อในวันนี้ เขาก็รู้ว่าพ่อของเขาน่ากลัวแค่ไหน นี่คือเทพอสูรของจริง เทพอสูรนั้นแข็งแกร่งในทุกๆด้าน ความเร็วและความแข็งแกร่งนั้นสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ความทนทานของเขาก็เช่นกัน แม้จะเป็นเพียงเทพอสูรที่พึ่งถือกำเนิดก็ตาม
…
ร่างๆหนึ่งพุ่งมายังสำนักเต๋าเพลิงตะวัน นั่นคือหลิวเยว่ป่าย
ชีเยว่ ใบหน้าของหลิวเย่ป๋ายซีดเซียวเมื่อเห็นเลือดและซากศพเกลื่อนไปทั่วสำนักเต๋า ‘ข้ามาสายเกินไปหรือเปล่า?’
เขารีบตรงไปที่ป้อมเพลิงตะวัน
ฟุบ
เขาเข้าไปในป้อมเพลิงตะวันผ่านหน้าต่างอย่างรวดเร็ว
“ท่านคือ?” ทหารคนหนึ่งซึ่งพักอยู่ข้างหน้าต่างและกำลังพันแผลให้เพื่อนของเขา ตกใจมากที่เห็นชายในชุดดำปรากฏตัว
“ชีเยว่” หลิวเย่ป๋ายพบหลิวชีเยว่ที่สีหน้าซีดเซียวพิงกำแพงอยู่ในทันที เขารีบวิ่งไปอย่างตื่นเต้น หลายคนในปราสาทที่กำลังพักผ่อนหรือพักฟื้น ต่างเห็นหลิวเย่ป๋ายวิ่งไปด้วยความรีบร้อน
“พ่อ?” หลิวชีเยว่ตะโกนด้วยความประหลาดใจ
“พี่หลิว” เจ้าสำนักจงพยักหน้า หลายคนรู้จักหลิวเย่ป๋าย เพราะถึงยังไง เขาก็เป็นจอมยุทธที่เข้าใจ”พลัง” เรียกได้ว่าอยู่ในระดับสูงของเหล่ามนุษย์ในเมืองตงหนิงเลย
หลิวเย่ป๋ายจับมือลูกสาวและตรวจสอบเธออย่างระมัดระวัง เขาขมวดคิ้วและพูดว่า”เจ้าใช้วิชาต้องห้ามเทพอสูรรึ? เจ้าต้องพักจนถึงเดือนหน้า ห้ามใช้ปราณหรือเกาฑัณฑ์เด็ดขาด”
“ค่ะ” หลิวชีเยว่พยักหน้า
“พี่หลิว” เจ้าสำนักจงพูดทันที “ลูกสาวของท่าน หลิวชีเยว่ ได้ปลุกสายเลือดวิหคเพลิงในตัวตอนที่พวกอสูรบุกเข้ามา”
“สายเลือดวิหคเพลิง?”หลิวเย่ป๋ายผงะ เขาทั้งประหลาดใจและงุนงง
“ท่านพ่อคะ ท่านพ่อ” หลิวชีเยว่พูดอย่างกังวล “อาชวนช่วยสำนักเต๋าเพลิงตะวันเมื่อครู่นี้ แต่ว่าราชาอสูรที่ปล่อยหมอกสีดำมันมาล่าเรา อาชวนล่อราชาอสูรออกไป เราต้องช่วยอาชวนนะคะ”
“ราชาอสูรกำลังไล่ตามเมิ่งชวน?” สีหน้าของหลิวเย่ป๋ายเปลี่ยนไป “พวกเขาไปทางไหน?”
“ทางนั้นค่ะ” หลิวชีเยว่ชี้ไปข้างนอก
“จำไว้นะ ส่งสัญญาณไฟทันทีหากมีอันตราย” หลิวเย่ป๋ายกล่าวอย่างจริงจังก่อนจะรีบวิ่งออกไปนอกหน้าต่าง
“ท่านพ่อ มันเป็นราชาอสูรนะ อย่าประมาทนะ” หลิวชีเยว่ก็ตื่นตระหนกเช่นกัน
“ไม่ต้องกังวล พ่อไม่คิดจะตายตอนนี้หรอก” เสียงของหลิวเย่ป๋ายดังขึ้นในหูของลูกสาว ก่อนจะพุ่งจากไปอย่างรวดเร็ว
…
ตูม
เมิ่งต้าเจียงปลิวชนเข้ากับร้านอาหารที่พังยับเยิน เลือดไหลลงที่ริมฝีปากของเขา
“สมกับเป็นกายาเทพอสูร ร่างของเจ้าแข็งแกร่ง ทนการโจมตีของข้ามาได้ตลอดเลย” บึงพิษหัวเราะอย่างเย็นชาแต่ในใจมันรู้สึกขมขื่น
เขาคิดจะสังหารเทพอสูรใหม่นี้รวดเดียวจบ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงยังใช้วิชาต้องห้ามอยู่ มันใช้มาสิบห้าวินาทีแล้ว หากทำต่อไปมันคงแย่กว่านี้แน่
อย่างไรก็ตาม เทพอสูรที่กำเนิดใหม่นี้เป็นกายาเทพอสูร ที่ขึ้นชื่อเรื่องพลังกายที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ การสังหารกายาเทพอสูรนั้นยากยิ่งกว่าการสังหารเทพอสูรธรรมดาสามคนเสียอีก อย่างไรก็ตาม เส้นทางนั้นถูกกำหนดไว้แล้ว กายาเทพอสูรนั้นหยุดลงแค่ที่ระดับมหาสุริยัน
“ฮืม?” สีหน้าของบึงพิษเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อมองไกลๆ
มีกระแสพลังที่น่ากลัวพุ่งออกมา หลิวเยว่ป่าวพุ่งมาเหมือนวิญญาณ
“เจ้ามาถึงซักที” เมิ่งต้าเจียงหัวเราะเสียงดัง “เร็วเข้า ช่วยข้าจัดการเจ้าราชาอสูรนี่หน่อย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าต้องการความช่วยเหลือจากข้าอย่างนี้” หลิวเย่ป๋ายหัวเราะเสียงดังในขณะที่ชักกระบี่ออกและกระโจนใส่บึงพิษ “มาสังหารราชาอสูรด้วยกันเถอะ”