ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 66
ความเร็วของเหยียนจินนั้นด้อยกว่าเมิ่งชวนเป็นอย่างมาก เขาจึงเทียบไม่ได้กับราชาอสูรบึงพิษอย่างแน่นอน
หมอกสีดำใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
‘ข้าหนีไปไม่พ้นแน่’ เหยียนจินมีความคิดมากมายแล่นเข้ามาในหัว
แม่ที่ตายไปแล้ว…
พ่อผู้เย็นชาของเขา…
ความเสียใจและความขุ่นเคืองในใจที่ทำให้เขาต้องทนทรมานมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ฟิ้ว หมอกสีดำกระจายออกไป และล้อมรอบเหยียนจิน
‘ก็คงต้องเป็นเช่นนั้นไป!’ เหยียนจินหลับตา และยอมรับความตายอย่างสงบ
…
‘อัจฉริยะของมนุษย์รึ? ข้าบี้เจ้าให้เละได้สบายๆเลย ฮ่าๆๆ’ บึงพิษพุ่งไปข้างหน้าอย่างมีความสุขเช่นเดียวกับที่มันได้สังหารจอมยุทธมนุษย์ไประหว่างทาง มันเชื่อว่าอัจฉริยะคนนี้ก็คงจะถูกมันขยี้ได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
แต่ทันใดนั้นเอง
ตูม!
จู่ๆก็มีกระแสพลังลึกลับปรากฏขึ้นในหมอกสีดำที่ล้อมรอบเหยียนจิน มันกระจายออกไปทุกทิศทางพร้อมกับหมอกสีดำที่หายไป ทำให้โดยรอบกลับคืนสู่ปกติ
นั่นมัน…บึงพิษมองไปที่เหยียนจินด้วยความสะพรึง
มันเห็นเงากระบี่สีเทาปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเหยียนจินซึ่งหลับตาอยู่ กระบี่สีเทานั้นลอยอยู่กับที่ คลื่นพลังที่มองไม่เห็นกวาดไปทั่วบริเวณ เมื่อมันกระแทกเข้าใส่บึงพิษ มันถึงกับต้องทรุดลง มันรู้สึกว่าหัวมันหมุนติ้วและทรุดตัวลงเสียงดัง มันพยายามดันตัวขึ้นและมองขึ้นไปอย่างยากลำบาก ในดวงตามันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ‘ตรากระบี่? มนุษย์นี่มีตรากระบี่ผนึกอยู่ในร่างมันรึ?’
มีเพียงเทพอสูรไม่กี่คนที่สามารถทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ มีเพียงผู้ที่เชี่ยวชาญกระบี่จนถึงที่สุดเท่านั้นที่ทำเช่นนั้นได้
ร่างที่พร่ามัวปรากฏขึ้นข้างกระบี่สีเทานั้น เป็นชายที่ดูเย็นชาและมีแข็งแกร่ง เขากวาดสายตามองรอบข้างอย่งเย็นชา
“เมืองตงหนิงรึ?” ชายที่ดูเย็นชาคนนั้นหันไปมองเหยียนจินก่อนที่จะมองไปที่บึงพิษที่กำลังคุกเข่า
“หึ” เขาพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา
จู่ๆอากาศโดยรอบก็ผันผวน
ตูม!
“เจ้าคือ…” ก่อนที่บึงพิษจะพูดจบ ก็มีคลื่นกระแทกโถมเข้าใส่มัน ร่างของมันก็กลายเป็นฝุ่นลอยไปกับสายลม
“อสูรกำลังบุกเมืองตงหนิงรึ?” ชายคนนั้นหันไปมองวังหยกสุริยัน เขากระแทกเสียงเบาๆ “ไป!”
กระบี่สีเทาทะยานไปในอากาศ มันพุ่งไปเกือบสองลี้ก่อนจะมาถึงวังหยกสุริยัน
…
ที่วังหยกสุริยันที่พังทลาย
หวินว่านไห่ได้รับบาดเจ็บหนัก ใบหน้าของเมิ่งเซียนกูซีดราวกับกระดาษ เธอกระชับไม้เท้าขณะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะใช้เขตแดนเพื่อช่วยเจ้าวังหยกสุริยัน อย่างไรก็ตามเขตแดนเธอก็เริ่มสั่นไหว
‘หยุดมันไว้ หยุดพวกมัน’ เจ้าวังหยกสุริยันพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะหยุดราชาอสูรทั้งสาม
เขาต้องถ่วงเวลาให้มากกว่านี้
เขาไม่ยอมแพ้แน่
“เมิ่งเซียนกูเริ่มคุมเขตแดนไม่ไหวแล้ว มันทนต่อไปได้อีกไม่นานแล้ว สังหารเจ้าวังหยกสุริยันซะแล้วเมืองตงหนิงก็จะราบเป็นหน้ากลอง” ไป่เฉินพูดอย่างมีความสุข
“ฮ่าฮ่า ในที่สุดเมิ่งเซียนกูก็ทนไม่ได้แล้ว” ลิงขนสีดำหัวเราะเสียงดังขณะที่พุ่งไปเป็นลำแสงสีดำ มันพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าวังหยกสุริยันและหวังจะจัดการเมิ่งเซียนกู
ในตอนนั้นเอง ไป่เฉิน ทรราชคำรนและวานรก็มองขึ้นไปพร้อมๆกัน
เงากระบี่สีเทาพุ่งจากขอบฟ้ามาถึงวังหยกสุริยันในชั่วพริบตา
“ไม่!!!” ไป่เฉินทำหน้าหวาดกลัวและสิ้นหวังอย่างสุดขีดในขณะที่มันพยายามหนีไปให้ไกล
มันก้าวไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก่อนที่เงากระบี่สีเทานั่นจะแทงลงมา ไป่เฉินคำรามพร้อมกับใช้กรงเล็บทั้งสองเพื่อปัดป้องมันสุดตัว ทันทีที่กระบี่กระทบเข้ากับกรงเล็บของมันพลังที่สะเทือนฟ้าดินก็ควบแน่นเป็นตัวกระบี่ และทันใดนั้น ลำแสงกระบี่นับพันก็พุ่งลงมาอย่างบ้าคลั่ง ไป่เฉินแหงนหน้ามองกระบี่นับพันดูลายตานั่น ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง มันคำราม “นี่มันกระบี่ทัณฑ์สวรรค์ของราชาทะเลตงไห่! ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
จากนั้น กระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนก็แทงใส่มัน ฉีกร่างอันแข็งแกร่งของมันเป็นชิ้นๆ
ราชาอสูรระดับสามไป่เฉินตายแล้ว!
“กระบี่ทัณฑ์สวรรค์ของราชาทะเลตงไห่!” ทรราชคำรนก็อึ้งเหมือนกัน
“ราชาทะเลตงไห่ต้องปกป้องด่านอันไห่ตลอดเวลาไม่ใช่รึ?” วานรไม่เชื่อสายตา อย่างไรก็ตาม การโจมตีนั้นทำให้พวกมันหวาดกลัวอย่างหนัก วานรและทรราชคำรนรีบหนีไปด้วยความตื่นตระหนก
‘กระบี่ทัณฑ์สวรรค์รึ?’ เจ้าวังหยกสุริยันก็เผยสีหน้าราวกับไม่เชื่อสายตา
‘นายเหนือมาที่นี่รึ?’ เมิ่งเซียนกูที่เคยเป็นลูกน้องของราชาทะเลตงไห่ก็ดูจะตกใจ
“อย่าคิดว่าจะได้หนี!” แม้ว่าเจ้าวังหยกสุริยันจะรู้สึกประหลาดใจ แต่เขาก็ยังไล่ตามทรราชคำรนและวานรไปอย่างรวดเร็ว
…
เหยียนจินนึกว่าเขาจะตายเสียแล้ว แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงพลังอันแสนวิเศษแทนความตายของเขา
เขาลืมตาขึ้นอย่างงุนงง เพียงเพื่อได้เห็นบึงพิษกลายเป็นฝุ่นผงไปด้วยพลังอันมหาศาล จากนั้นเขาก็เห็นชายที่ดูเย็นชาที่ส่งกระบี่สีเทาไปยังวังหยกสุริยัน
“ตอนที่เจ้าเกิด ข้าได้ผนึกตรากระบี่ไว้กับเจ้า” ชายที่ร่างซีดจางพูด “พี่น้องของเจ้าทุกคนก็มีเหมือนกัน นั่นคือตรากระบี่เดียวเท่านั้น ไม่มีโอกาสครั้งสอง ในอนาคตเจ้าจะต้องรับผิดชอบเส้นทางของเจ้าเอง หากเจ้าตายในสนามรบ เจ้าจะตำหนิใครไม่ได้นอกจากความไร้ความสามารถของเจ้าเอง”
เมื่อพูดเช่นนั้นจบร่างนั้นก็หายไป
เหยียนจินจ้องมองด้วยความว่างเปล่า เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อยและกระซิบ “เจ้ารู้ไหม นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเสียงเจ้าในรอบสิบปี ข้าเกือบจะลืมไปแล้วว่าเจ้าเป็นพ่อของข้า”
“เจ้าคิดว่าข้าจะขอบคุณเจ้าอย่างนั้นรึ? ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เหยียนจินที่ปกติเป็นคนพูดน้อย กลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
…
ทรราชคำรนมีพละกำลังมหาศาล แต่มันตัวใหญ่เกินไป มันสลัดเจ้าวังหยกสุริยันไม่หลุด
ในการต่อสู้แบบหนึ่งต่อสอง เจ้าวังหยกสุริยันโจมตีแค่เพียงแปดครั้งก็สามารถทะลวงผ่านการป้องกันของทรราชคำรนได้แล้ว ก่อให้เกิดรูขนาดใหญ่ที่หน้าอกและทำให้หัวใจของมันกระจุย จากนั้นเขาก็เตะเข้าที่หัวของทรราชคำรน ก่อนที่ร่างของมันจะล้มลงไปและไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย
ราชาอสูรวานรนั้นเร็ว เจ้าวังหยกสุริยันกำลังไล่ตามราชาอสูรวานร อย่างไรก็ตาม วานรขนดำนั่นเปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำอีกทั้งยังใช้วิชาต้องห้ามเพื่อที่จะหนีอีกด้วย มันพยายามหนีอย่างสุดกำลังจนทำให้เจ้าวังหยกสุริยันตามมันไม่ทัน
วานรนั้นเร็วมาก มันรีบหนีไปด้วยความตื่นกลัว ไม่ใช่เพราะเจ้าวังหยกสุริยัน มันมั่นใจว่ามันจะหนีเจ้าวังหยกสุริยันได้ แต่ไม่ มันหวาดกลัวราชาทะเลตงไห่
ราชาทะเลตงไห่เป็นสิ่งใดกันแน่?
ตราบใดที่เขาอยู่ในเมืองตงหนิง เขาสามารถสังหารราชาอสูรระดับสองได้อย่างง่ายดายจากระยะไกล
‘ราชาทะเลตงไห่น่าจะประจำอยู่ที่ด่านอันไห่นี่ ทำไมมันถึงมาอยู่ในเมืองตงหนิงได้?’ วานรรีบหลบหนีไปที่ทางผ่าน
มันหยิบแตรเขาสัตว์ออกมาเป่า
หวู่วววววว
เสียงแตรทุ้มต่ำที่ใส่พลังอสูรเข้าไปด้วย ก็กระจายออกไปทั่วทุกทิศทางจนได้ยินทั่วเมืองตงหนิง
หลังจากเป่าแตรเขาสัตว์แล้ว มันก็พุ่งเข้าไปที่ทางผ่านโลกและกลับไปที่สภาเก้าในทันที
‘ข้ารอดกลับมาได้’ วานรขนดำถือกะระบองมองไปที่ทางผ่านโลกที่บิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัวที่หลงเหลืออยู่ในใจ มันรู้สึกโชคดี
ในขณะเดียวกันอสูรที่กระจัดกระจายไปทั่วเมืองก็ได้ยินเสียงแตร
“คำสั่งถอยรึ?”
“ราชาอสูรสั่งให้ถอย?”
แม้ว่าจะงุนงงแต่อสูรตนอื่นๆก็ยังถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว
เจ้าวังหยกสุริยัน ที่ตามราชาอสูรวานรไม่สำเร็จก็ยืนอยู่บนยอดไม้ใหญ่ เขายืนอยู่นิ่งๆบนต้นไม้และมองดูอสูรจำนวนมากวิ่งกลับไปที่ทางผ่านโลก มันทำให้เจ้าวังหยกสุริยันถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกอสูรถอยกลับไปแล้ว ในที่สุดการบุกก็จบลงแล้ว