ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 80
ตอนที่ 80 การทดสอบรอบที่สาม
เมิ่งชวนและคนอื่นๆเฝ้าดูอย่างใจเย็น เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ยังมีคนกว่า 275 คนที่เข้าสอบ! อีกอย่าง ที่ว่างนั้นมีเพียง 20 ที่เท่านั้น การต่อสู้แย่งชิงนี้ยังไม่เริ่มต้นขึ้นด้วยซ้ำ
ตามหนังสือแล้วนั้น การจะเป็นเทพอสูรได้ คนๆนั้นต้องเข้าไปในบ่อโลหิตเทพอสูรและผ่านช่วงแห่งความเป็นความตาย เทพอสูรทุกๆคนนั้นใช้พลังจากบ่อโลหิตเทพอสูรเป็นจำนวนมาก ศิษย์ของเขาหยวนชูจึงจำเป็นต้องมั่นใจเต็มร้อยก่อนถึงจะได้รับอนุญาติให้เข้าไปเพื่อผ่านช่วงแห่งความเป็นความตาย ส่วนคนที่สอบตกในการทดสอบของเขาหยวนชูนั้นต้องเก็บสะสมแต้มเพื่อแลกเปลี่ยนกับการเข้าสู่บ่อโลหิตเทพอสูร เมิ่งชวนถอนหายใจ
บ่อโลหิตเทพอสูรนั้นมีค่าเกินไป มีเพียงเขาหยวนชู ถ้ำสวรรค์ทรายดำและเกาะสองโลกเท่านั้นที่มีไว้ในครอบครอง และทั้งสามนิกายก็คัดเลือกศิษย์ปีละเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
…
หญิงสาวชุดสีฟ้าเดินหันหลังกลับไปหาเหล่าเทพอสูร เธอนั่งลงและกระซิบกับราชาตงเหอ “ที่เหลือข้าขอฝากให้ท่านจัดการด้วย”
“ได้” ราชาตงเหอพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นเอง ทั้งโลกก็สั่นสะเทือน ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ
“อย่ามอง”
เมิ่งชวน เหล่าอัจฉริยะและคนที่อยู่ข้างสนามต่างก็ไม่กล้ามองราชาตงเหอตรงๆ มันก็เหมือนกับการที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถจ้องมองด้วงอาทิตย์ตรงๆได้! แม้แต่เทพอสูรที่พึ่งกำเนิดใหม่ในหมู่ผู้ชมก็ยังไม่สามารถมองไปยังราชาตงเหอได้ตรงๆ ราชาตงเหอไม่สะกดพลังไว้อีกต่อไป กลับกัน มันเริ่มแผ่กระจายออกมารอบๆตัวเขาเป็นคลื่น พลังของเขานั้นสามารถทำให้กระแสเลือดปั่นป่วนได้เลย เรียกได้ว่าหากพบกับกระแสพลังเช่นนี้นานๆอาจจะตายได้ด้วยซ้ำ
นี่คือเทพอสูรระดับราชาที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของโลกมนุษย์ แค่เอ่ยนามพวกเขาก็สามารถทำให้ราชาอสูรหน้าถอดสีได้
ราชาตงเหอและราชาทะเลตงไห่อยู่ในระดับเดียวกัน
เมิ่งชวนและคนอื่นๆไม่กล้ามองเขาโดยตรง แต่ก็ยังสามารถได้ยินเสียงของเขาอยู่
“เราจะเริ่มการทดสอบรอบที่สามแล้ว ข้าจะเป็นคนดูแลเอง” เสียงของราชาตงไห่นั้นอ่อนโยนแต่ว่ามีความกดดันที่มองไม่เห็นอยู่ภายในนั้น “ในการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายนั้น ทุกๆการกระทำของเจ้าสามารถตัดสินชีวิตหรือความตายได้เลย หากเจ้านั้นตอบสนองช้าเกินไปนิดหน่อย เจ้าอาจจะต้องตายอย่างอนาถ ดังนั้นแล้ว ความเร็วในการตอบสนองของเจ้านั้นต้องไว”
“ในรอบที่สามนี้จะเป็นการทดสอบความเร็วในการตอบสนองของพวกเจ้า ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”ราชาตงเหอกล่าว
เมิ่งชวนเองก็เห็นด้วยกับสิ่งที่ได้ยิน เขาได้ฟังมาจากย่าทวดว่าเจ้าวังหยกสุริยันนั้นไม่ปล่อยให้ราชาอสูรทั้งสามได้มีโอกาสโจมตีใส่เขาเลยแม้แต่น้อย นี่คือเหล่าคนที่แข็งแกร่งเป็นกัน พวกเขาไม่ปล่อยให้ศัตรูได้มีโอกาสโจมตีใส่ด้วยซ้ำ
อ่านตอนล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com
เช่นเดียวกับที่ว่าเขาฝึกวิชาชักกระบี่อย่างไร ความเร็วนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของวิชาชักกระบี่ แต่อีกส่วนนั้นคือจิตวิทยา อีกฝ่ายนั้นจะไม่ทันตั้งตัวรับการโจมตีนี้แน่นอน! หากถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว ความเร็วในการตอบสนองนั้นเรียกได้ว่าเป็นจุดตัดสินความเป็นความตายเลย มันไม่ง่ายเลยสำหรับเขาหยวนชูที่จะชุบเลี้ยงเทพอสูรขึ้นมาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องมีเงื่อนไขอันเข้มงวดในการตัดสินความเร็วในการตอบสนองของเทพอสูร
“หืม?” จู่ๆเมิ่งชวนก็รู้สึกถึงพลังที่ต่อต้านไม่ได้ยกตัวให้เขาลอยขึ้นไป เขาเห็นอัจฉริยะทั้งหมดก็ลอยขึ้นไปเช่นกัน ทุกๆคนนั้นดูจะตื่นใจกัน
ทั้ง 275 คนพุ่งขึ้นไปในอากาศและกระจายออกจากกัน พวกเขาลอยลงไปที่ที่หนึ่งในวังโดยที่แต่ละคนอยู่ห่างจากกันประมาณ 2 จั้ง พวกเขายืนอยู่บนแผ่นหินที่มีวงกลมกว้างประมาณหนึ่งจั้งสลักไว้บนนั้น
พวกเจ้าทุกคนจะต้องอยู่ในวงกลมของตัวเอง แล้วพวกเจ้าห้ามออกจากวงกลมนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ตาม” ราชาตงเหอกล่าวต่อ “จะมีลูกเห็บตกลงมาจากท้องฟ้า พวกเจ้าต้องหลบมันให้ได้ทุกชิ้น! หากเจ้าถูกลูกเห็บนั้นตกใส่ ไม่ว่าจะเป็นร่างของเจ้าหรืออาวุธของเจ้า จะนับว่าเป็นการสอบตก และการออกจากวงกลมก็นับว่าสอบตกเช่นกัน หากพวกเจ้ารอดลูกเห็บสองรอบแรกไม่ได้ พวกเจ้าก็สอบตก ยิ่งเจ้าหลบได้นานเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น”
เมิ่งชวนและคนอื่นๆมองขึ้นไป
ในท้องฟ้าที่มืดครึ้ม เกล็ดหิมะจำนวนนับไม่ถ้วนเริ่มรวมตัวกันในทันที พวกมันก่อตัวกลางอากาศและเปลี่ยนเป็นฝนลูกเห็บที่ใหญ่เท่านิ้วมือขึ้นมา ลูกเห็บเหล่านั้นอยู่เหนือหัวพวกเขาเพียง 15 จั้งเท่านั้น มันเป็นความสูงของอาคารที่สูงที่สุดของเมืองหยวนชู
อัจฉริยะทุกคนต่างเฝ้าดูลูกเห็บที่ปกคลุมท้องฟ้าด้วยความกังวล
พวกเขาไม่กล้ามองไปที่ราชาตงเหอ แต่สามารถจ้องมองไปที่ลูกเห็บได้
“เริ่มได้” ทันทีที่ราชาตงเหอพูดจบ ฝนลูกเห็บก็กระหน่ำลงมา
พิ้วๆๆ!
ลูกเห็บแต่ละลูกราวกับลูกศรที่ถูกจอมยุทธระดับไร้ตำหนิยิงมา พวกมันไวมาก แต่ว่าเมิ่งชวนก็เคยชินกับสิ่งนี้แล้ว
เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เขาฝึกฝนโดยใช้ห่าฝนลูกดอกยิงเข้ามาใส่เขาทุกๆวัน และเมื่อความแข็งแกร่งและพลังของเขาเพิ่มขึ้น เขาก็บอกให้คนคุ้มกันของเขาขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเพื่อที่จะได้มีความกดดันมากกว่านี้! มันจึงทำให้เมิ่งชวนได้บังคับให้ตัวเองผลักดันวิชาการเคลื่อนที่ ความเร็วในการตอบสนองและวิชากระบี่ของเขาไปจนถึงขีดสุด และทำให้พวกมันค่อยๆพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ
แต่ในการทดสอบนี้ วิชาการเคลื่อนที่นั้นไม่ได้สำคัญ! วงกลมที่กว้างเพียงหนึ่งจั้งนี้ หากว่าสามารถตอบสนองได้ไวพอก็สามารถที่จะหลบห่าลูกเห็บได้แล้ว กุญแจคือการตอบสนองให้ได้ทัน! หากไม่สามารถตอบสนองได้ทันก็จะโดนลูกเห็บเข้าไป
วิชากระบี่เองก็ไม่สำคัญเช่นกัน! การที่อาวุธโดนกระแทกเองก็หมายถึงสอบตกเช่นกัน การทดสอบนี้คือความเร็วในการตอบสนอง! เขาต้องตอบสนองให้ทัน
ฟิ้วๆๆๆ! ห่าลูกเห็บพุ่งเข้าไปใส่เขา ทันใดนั้นเองก็มีลูกเห็บสามลูกพุ่งลงมาใส่วงกลมของเมิ่งชวน จากนั้นก็มีอีกสองอัน แล้วก็สามอัน…
เมิ่งชวนรู้สึกผ่อนคลาย ลูกเห็บไมไ่ด้ลงมาพร้อมกันทั้งหมดแต่แบ่งมาเป็นชุดๆ มีเพียงแค่สองสามลูกเท่านั้นในแต่ละชุด
เมิ่งชวนไม่รู้ว่าความเร็วในการตอบสนองของเขาดีขึ้นมากแค่ไหนตั้งแต่เขาเริ่มฝึกซ้อม เพราะเขาผลักดันขีดจำกัดอยู่ทุกวัน! เขาผลักดันตัวเองไปสู่ขีดจำกัดเท่าที่เขาทนได้
ในตอนนี้มันก็เหมือนเขาแค่เดินเล่นอยู่ในสวน เพียงขยับนิดหน่อยลูกเห็บสองลูกก็พุ่งผ่านเขาไป มันกระแทกลงพื้นและกลายเป็นผงไป
ความเร็วในการตอบสนองของเขาไม่เพียงแต่รวดเร็ว แต่เขายังมีขอบเขตสัมผัสสิบจั้งซึ่งเป็นผลจากพลังวิญญาณคอยช่วยเขาไว้อีก ในระยะสิบจั้งนี้ เขาสามารถมองลูกเห็บได้อย่างชัดเจน และทำให้เขาหลบมันได้อย่างง่ายดาย
…
เหล่าผู้ชมต่างเฝ้ามองด้วยความเป็นกังวล
พวกเขาไม่กล้ามองไปที่ราชาตงเหอ และทำได้แค่เพียงจับจ้องไปที่อัจฉริยะกับฝนลูกเห็บจำนวนนับไม่ถ้วนบนท้องฟ้า เกล็ดหิมะเริ่มถ่าโถมลงมาหนาขึ้นจนบดบังทัศนวิสัยของพวกเขา
“นี่เป็นการทดสอบรอบที่สามแล้ว”
“รอบคัดเลือกมีเพียงสามรอบเท่านั้น การจัดอันดับจะจัดหลังจากรอบคัดเลือกนี้”
“เจ้าต้องอดทนไว้นะ” หลายคนเฝ้าดูอย่างเป็นกังวล พวกเขามองไปที่ความหวังและความภาคภูมิใจของตระกูล
เมิ่งชวนเองก็เป็นความหวังของตระกูลเมิ่ง เช่นเดียวกันกับอัจฉริยะหลายๆคนในที่นี้เช่นกัน
…
ราชาตงเหอควบคุมทุกอย่างโดยที่ไม่ได้แสดงออกอะไร ฝนลูกเห็บยังคงตกไปพักหนึ่งก่อนที่มันจะหยุดลง
“ต่อไป รอบที่สอง” ราชาตงเหอพูดเรียบๆ
ฝนลูกเห็บหยุดเพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่มันจะตกลงมาอีกครั้ง
‘ตอนนี้เร็วกว่าเดิมเยอะเลย’ นอกระยะสิบจั้งนั้น เมิ่งชวนสามารถใช้เขตแดน “พลัง” ของเขาเพื่อตัดสินเส้นทางคร่าวๆของลูกเห็บได้ และเมื่อมันมาถึงระยะสิบจั้งของเขา เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงลูกเห็บได้อย่างชัดเจน! เขาตัดสินได้อย่างง่ายดายว่าความเร็วของลูกเห็บนั้นไวขึ้นกว่าเดิมประมาณสองส่วน
ฟุบๆๆๆ
เมิ่งชวนยังสัมผัสได้อีกว่าคนรอบๆตัวเขานั้นโดนเข้าไปทีละคนแล้ว! พวกเขาตอบสนองได้ไม่ทันเวลา ไม่ว่าจะเป็นร่างของพวกเขา อาวุธ หรือจะเป็นชุดที่โดนเข้าใส่!
“ไม่จริง…” อัจฉริยะถือค้อนขนาดใหญ่ไว้ในมือด้วยความสิ้นหวัง ค้อนของเขาพึ่งจะถูกลูกเห็บกระแทกเข้าใส่ก่อนที่จะมีพลังที่มองไม่เห็นพันรอบตัวและยกเขาขึ้น ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น อัจฉริยะคนอื่นๆที่สอบตกรอบนี้ก็ถูกยกขึ้นไปวางไว้ไกลๆ
“พวกเจ้าไม่สามารถทนลูกเห็บรอบที่สองได้เลยด้วยซ้ำ ความเร็วในการตอบสนองของพวกเจ้ามันช้าเกินไปเสียจริง” เสียงอันเยือกเย็นของราชาตงเหอดังขึ้นในหูของอัจฉริยะทุกคน “หากเจ้าต้องต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายขึ้นมา พวกเจ้าได้ตายไปง่ายๆแน่”
เมื่อลูกเห็บรอบที่สองสิ้นสุดลง ก็มีอัจฉริยะทั้งหมดสามสิบหกคนที่ถูกยกขึ้นไปวางไวไกลๆ
เขาหยวนชูได้ตั้งให้ลูกเห็บรอบที่สองนั้นเป็นตัวตัดสิน เพราะว่ามันสามารถคัดเลือกออกไปได้เยอะมาก
และนี่ทำให้อัจฉริยะที่เหลืออยู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยที่สุดแล้ว ข้าก็ทนไว้ได้ถึงสองรอบ ผ่านเงื่อนไขต่ำสุดแล้ว เหล่าอัจฉริยะที่ผ่านมาได้อย่างเฉียดฉิวรู้สึกยินดีที่พวกเขายังมีความหวัง
ฟิ้วว
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ ลูกเห็บจำนวนนับไม่ถ้วนที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าก็เริ่มโปรยปรายลงมาเป็นครั้งที่สาม เขาหยวนชูนั้นต้องการจะคัดเลือกอัจฉริยะที่เก่งกาจจริงๆ พวกเขาไม่ได้ต้องการแค่คนที่ผ่านระดับต่ำสุด