ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 84
ตอนที่ 84 ผลอันดับ
ต่างคนต่างรีบวิ่งไปหาชายเคราแพะในทันที
“ทุกท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้าจะแขวนม้วนประกาศสีทองนี้ไว้บนกำแพงให้เห็นได้ชัดกันทุกคน” จากนั้นชายเคราแพะก็เดินไปตรงทางเดินและเปิดมันออกก่อนจะแขวนมันไว้บนกำแพง และเขาก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดังและพูด “ทุกคนที่มีชื่ออยู่บนนี้จะได้พักอยู่ที่วังตะวันฉายนี้หนึ่งคืนกับคนในครอบครัวหนึ่งคน พรุ่งนี้เช้า พวกท่านจะได้ไปที่เขาหยวนชูเพื่อการสอบรอบสุดท้าย สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อนี้โปรดออกไปได้”
ฟุบๆๆๆ!
เหล่าญาติๆและเพื่อนๆต่างก็ใช้ทักษะการเคลื่อนไหวรีบไปที่กำแพง พวกเขาตรวจดูรายชื่อที่อยู่บนม้วนกระดาษนั้นอย่างระมัดระวัง
อัจฉริยะบางคนไม่สนใจเรื่องศักดิ์ศรีมากนัก พวกเขาเองก็รีบใช้ทักษะการเคลื่อนไหวเพื่อรีบเข้าไปดูใกล้ๆ
‘ชื่อของข้าอยู่ที่ไหน? ชื่อของข้าอยู่ที่ไหน?’ เขาดูเป็นกังวล เขาหาชื่อของเขาไม่เจอบนม้วนกระดาษสีทองนั่น
‘อันดับที่ 39? ดีแล้ว อย่างน้อยข้าก็ผ่านรอบคัดเลือก ข้าจะต้องทำให้ทุกคนประหลาดใจที่ข้าจะผ่านในรอบสุดท้ายนี้นี่แหละ’
“ชื่อของลูกข้าอยู่ที่ไหน?”
“ข้าไม่ได้อยู่ใน 100 อันดับนี้ ช่างมันเถอะ”
…
เมิ่งชวนกับพ่อไม่ได้รีบร้อน พวกเขาเดินไปที่ม้วนประกาศสีทองพร้อมกับเหยียนจิน
“ไม่เป็นไร ถึงไม่ผ่านการคัดเลือกแต่ปีหน้าก็มาใหม่ได้” ชายคนหนึ่งที่่เห็นได้ชัดว่าแก่แล้วปลอบใจลูกชายเขา “ปีหน้าเจ้าจะอายุยี่สิบ ยังมีโอกาสเหลืออยู่อีกครั้ง ไม่ต้องกังวลไป อย่างน้อยเจ้าก็ผ่านขั้นต่ำของการสอบทั้งสามในปีนี้ ถ้าเจ้าฝึกฝนอีกซักปีและบรรลุไปได้อีกขั้น ข้าว่าเจ้าคงจะสอบเข้าได้ในปีหน้าแน่ๆ”
“ท่านพ่อ ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าในโลกนี้มีอัจฉริยะอยู่มากมายเพียงใด ถ้าเทียบกับพวกเขาแล้ว ข้านั้นธรรมดามาก ข้าจะต้องฝึกฝนให้หนักยิ่งกว่าเดิมเมื่อกลับไปแล้ว” ลูกชายของเขาพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
ชายสูงวัยยิ้ม
ก่อนหน้านี้ลูกชายของเขานั้นค่อนข้างจะอวดดี เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็เหนือกว่าเพื่อนๆคนอื่นในเมืองของเขาไปมากแล้ว เขาทำตามใจตนเองและทำตัวหยิ่งผยอง อย่างไรก็ตาม ความเย่อหยิ่งของลูกชายของเขาก็ได้ถูกทำลายลงไปจนหมดในตอนนี้ ในการสอบเข้าของเขาหยวนชูเขาเป็นได้เพียงอัจฉริยะระดับกลางๆเท่านั้น โชคยังดีที่เขามีโอกาสอีกครั้งหนึ่งที่สามารถลองได้ในปีหน้า
“ท่านผู้นำตระกูล ข้าจะไปเข้ารับราชการทหาร” หญิงสาวชุสีขาวพูดกับผู้อาวุโสผมสีเงินข้างๆเธอ “ความต่างระหว่างคนอื่นกับข้านั้นมากเกินไป ข้าไม่มีสิ่งใดจะแก้ตัวที่ไม่ได้เข้าสู่เขาหยวนชู”
ผู้อาวุโสผมสีเงินพยักหน้า “จงรับราชการทหารและสะสมแต้มเสีย เจ้ายังมีโอกาสที่จะได้ผ่านห้วงแห่งความเป็นความตายและกลายเป็นเทพอสูรอยู่”
หญิงชุดขาวพูดอย่างใจเย็น “ข้าจะตายในสนามรบ ไม่ก็ได้เป็นเทพอสูร” การเป็นเทพอสูรคือเป้าหมายในชีวิตของเธอ เธอไม่เคยคิดที่จะใช้ชีวิตแบบต่ำเตี้ย
อัจฉริยะและญาติๆของพวกเขาจากไปกันทีละคน เพราะว่าชื่อพวกเขาไม่ได้อยู่ในนั้น ยังไงก็ต้องไปอยู่แล้ว
“ไม่มีทาง ไม่มีชื่อข้าอยู่บนนั้น?” เด็กหนุ่มในชุดคลุมสีสดมองไปที่ม้วนประกาศสีทองอย่างงุนงง
“ไปกันเถอะ” ชายแก่ข้างๆเขาดึงเขาออกไป
“มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ข้าต้องได้เข้าสู่เขาหยวนชูสิ ข้าต้องได้” เด็กหนุ่มคนนั้นพึมพำ
“ยอมรับความผิดพลาดของเจ้าเถอะ” ชายแก่กล่าว
“ข้าไม่ได้เข้าร่วมการทดสอบในรอบสุดท้าย เทพอสูรแห่งเขาหยวนชูมองไม่เห็นความสามารถที่แท้จริงของข้า พวกเขาต้องตัดสินใจผิดพลาดแน่ๆ” เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเอง
ชายแก่ส่ายหัวและถอนหายใจ ก่อนจะลากเขาออกไป
อัจฉริยะหลายคนต้องกลับออกไปเพราะว่ามีเพียงร้อยชื่อที่เขียนเอาไว้เท่านั้น
เมิ่งชวนชำเลืองมองอัจฉริยะที่ล้มเหลว ไม่ว่าจะนิ่งเงียบ โวยวายหรือเฉยเมย… มีการตอบสนองทุกรูปแบบ มันทำให้เขามีความรู้สึกที่ผสมปนเปกัน การเข้าสู่เขาหยวนชูสำหรับมนุษย์นั้นมันเหมือนกับจุดเปลี่ยนของชีวิต หลายๆคนตั้งความหวังไว้กับเมิ่งชวน แต่เขานั้นมีความพร้อมมาก และยิ่งไปกว่านั้น เขายังอายุสิบแปดเท่านั้น
เขาไม่เหมือนกับอัจฉริยะที่อายุยี่สิบปีไปแล้ว ซึ่งเป็นโอกาสสุดท้ายในการสอบเข้าเขาหยวนชู
“สุดยอดมาก นายน้อยเมิ่ง”
“นายน้อยเมิ่ง เจ้าได้ที่หนึ่งเลยนะ”
ก่อนที่เมิ่งชวนจะไปถึงม้วนประกาศสีทอง คนที่อยู่ด้านหน้าก็พูดยินดีกับเขา
“ที่หนึ่ง?”
เมิ่งชวนกับพ่อของเขาเดินผ่านฝูงชนเข้าไปและเจอกับม้วนประกาศสีทองในที่สุด อักษรบนม้วนกระดาษนั้นมันดูเหมือนกำลังปล่อยแรงกดดันออกมา
เขากวาดสายตามองไปทั่วกระดาษและพบชื่อของจินฮ้วน เหยียนจิน ฉู่หยงและอีกหลายคน และบนสุดก็มีชื่อ “เมิ่งชวน” เขียนเอาไว้อยู่
เมิ่งชวน A–, A +, S
ชี่หยวนถง A +, A , A +
ซงชา A +, A , A
…
เมิ่งชวนรู้สึกตัวหลังจากที่ได้เห็นสิ่งนี้ ชี่หยวนถงและซงชาได้รับการประเมินให้เป็น A + ในประเมินรอบแรก! เทพอสูรของเขาหยวนชูตัดสินต่างออกไปสำหรับนักเกาฑัณฑ์
ซงชาทำลายอุปสรรคกำแพงแสงได้น้อยกว่าเมิ่งชวนในทดสอบแรก แต่การผลประเมินของเขาได้เท่ากับชี่หยวนถง เห็นได้ชัดว่าเกณฑ์สำหรับนักเกาฑัณฑ์นั้นแตกต่างออกไป มีเพียงพวกเขาสองคนที่ได้รับ A + สำหรับการทดสอบแรก
มีเพียงสองคนที่ได้ A+ สำหรับการประเมินครั้งที่สอง หนึ่งคือจินฮ้วนส่วนอีกตัวคนเมิ่งชวน ในความเป็นจริงแล้วเมิ่งชวนเร็วกว่าจินฮ้วนอยู่หนึ่งส่วน ทำให้เขาถูกประเมินว่าดีกว่า แต่เมิ่งชวนได้รับ A + เท่านั้น เขาไม่ได้ถึง S เห็นได้ชัดว่ามันมีเกณฑ์ที่สูงมาก
ในบรรดาอัจฉริยะทั้งหมด มีเพียงเมิ่งชวนเท่านั้นที่ได้ S
‘S? S เนี่ยนะ มันโผล่ขึ้นมาในปีนี้จริงดิ?’ ชี่หยวนถงมองไปที่ S เพียงตัวเดียวในรายชื่อแล้วเงียบไป
ชี่หยวนถงได้ 2 A+ และ A ในรอบคัดเลือก นั่นเป็นคะแนนที่สุดยอดมาก แต่อย่างไรก็ตามเมิ่งชวนได้ถึงระดับ S
ชี่หยวนถงมองไปที่เมิ่งต้าเจียงและเมิ่งชวนซึ่งอยู่ไม่ไกล เขาหันหลังและเดินจากไป แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยมุ่งมั่น ‘หลังจากการคัดเลือกรอบสุดท้าย ข้าจะกลายเป็นอันดับหนึ่งแน่นอน’
‘ที่เก้า’ เหยียนจินมองไปที่อันดับของเขาอย่างใจเย็น มีประมาณสิบคนที่มีฐานรากเทพอสูรที่เทียบเคียงได้กับเขา การที่ได้อยู่อันดับเก้านั้นถือว่าค่อนข้างต่ำ
‘ข้าฝึกฝนวิชากระบี่คู่ การทดสอบรอบแรกมันทำให้เห็นพลังของกระบี่เพียงเล่มเดียวเท่านั้น การทดสอบรอบสุดท้ายนี่แหละ จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งจริงๆของข้า’
เขายอมรับว่าเขาอ่อนแอกว่าเมิ่งชวน แต่เขายังแข็งแกร่งกว่าจินฮ้วนและคนอื่นๆ! แต่ถึงอย่างนั้นจินฮ้วนกลับได้ที่หก ในขณะที่เขาได้ที่เก้า
‘มี S อยู่จริงๆด้วยรึ?’ ฉู่หยง หยานเฟิง จินฮ้วน เจ้าหญิงหลี่อิ๋ง ตงฟาง หนิงอี้โบ เหยียนซื่อท่งและอัจฉริยะอื่นๆอีกมากมายตกใจเมื่อได้เห็นระดับ S โดยเฉพาะผู้ที่มาจากตระกูลเทพอสูรที่ทรงพลัง พวกเขารู้ดีว่าระดับ S นั้นหายากแค่ไหนในรอบคัดเลือกนี้
…
วังเพลิงตะวันฉายมีพื้นที่มากมายและได้เตรียมห้องพักเอาไว้สำหรับผู้เข้าสอบและคนในครอบครัวมานานแล้ว มีห้องจำนวนมาก รวมแล้วทั้งหมดสามร้อยห้อง และในตอนนี้ เหล่าอัจฉริยะและเพื่อนๆก็ได้เข้าไปพักกันแล้ว
เมิ่งชวนและเมิ่งต้าเจียงใช้ห้องที่อยู่ติดกันสองห้อง
ฟิ้ววว! แม้จะดึกแล้วแต่หิมะก็ยังไม่ยอมหยุด
เมิ่งชวนจ้องมองหิมะผ่านหน้าต่างขณะปล่อยความคิดให้ล่องลอยไป การสอบคัดเลือกรอบสุดทายจัดขึ้นพรุ่งนี้เช้า แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าจะได้สิทธิ์แน่ๆ แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจในผลระดับสุดท้ายของเขา
‘เมื่อได้สิทธิ์แล้ว ก็จะได้เข้าสู่เขาหยวนชูอย่างเป็นทางการ ตามกฎของเขาหยวนชูแล้ว จะต้องไปถึงระดับที่สูงมากๆถึงจะลงจากเขาได้ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเมื่อไหร่ที่ข้าจะได้กลับบ้านเกิด ห้าปี? สิบปี?’
ตอนที่เขาได้กลับบ้านไปก็คงจะผ่านไปอีกนานโขแล้ว เขาคงจะไม่ได้เจอกับย่าทวดอีกครั้งเป็นแน่ ผู้นำตระกูลของเขาอายุเก้าสิบแล้ว มีมนุษย์แค่ไม่กี่คนที่มีชีวิตเกินร้อยปีได้ คงมีโอกาสน้อยที่พวกเขาจะได้เจอกันอีกครั้ง
‘ข้ารู้ว่าท่านกำลังตั้งหน้าตั้งตารอ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง’ เมิ่งชวนสาบานเงียบๆ
…
ที่ไหนซักแห่งในวังตะวันฉาย
แสงเทียนที่พริ้วไหว
เมื่อราชาตงเหอเห็นหิมะตก เขาก็ยิ้มและเขียนจดหมายอยู่ในห้อง หลังจากที่เขียนจบ เขาก็ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
“อาตง” ราชาตงเหอกล่าว เสียงของเขาส่งออกไปไกลกว่าครึ่งลี้
ไม่ช้า ก็มีร่างๆหนึ่งปรากฏขึ้นมาที่นอกบ้านพักของราชาตงเหอ
“เอาจดหมายนี้ไปส่งให้ท่านเจ้าเขา” ราชาตงเหอโบกมือ จดหมายลอยออกไป มันลอยออกนอกหน้าต่างและไปหาร่างๆหนึ่งในสวน
“ขอรับ” มีปีกงอกออกมาจากหลังของร่างนั้น เพียงวูบเดียว เขาก็พุ่งขึ้นไปบนอากาศและบินไปที่เขาหยวนชูอย่างรวดเร็ว
หิมะตกหนักบ่งบอกถึงการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ ราชาตงเหอมองหิมะข้างนอกแล้วยิ้ม ‘พวกเราได้พบหยกเม็ดงามที่ยังไม่ได้เจียรนัยอีกแล้ว ข้าหวังว่าเขาจะได้เติบโตเป็นเทพอสูรที่แข็งแกร่งเพื่อพวกเราเหล่ามนุษย์’