ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 96
ตอนที่ 96 ขจัดความสงสัย
ศิษย์ทุกคนนั่งลงขัดสมาธิตามเดิม ชายผมยาวเองก็นนั่งลงและยิ้ม “วันนี้มีศิษย์ใหม่เข้ามายี่สิบคน ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีของเขาหยวนชูเราจริงๆ”
ยี่สิบ? ไม่ใช่ว่าต้องเป็นยี่สิบเอ็ดเหรอ? เมิ่งชวน เจ้าหญิงหลี่อิ๋ง ซงชา ฉู่หยง หยานเฟิงและศิษย์ใหม่คนอื่นๆงุนงงเล็กน้อย พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหันไปดูรอบๆ เหยียนชื่อถงที่อายุน้อยที่สุดอยู่นี่แล้ว
‘ชี่หยวนถงหายไป!’ เมิ่งชวนตั้งใจมองและรับรู้ว่าชี่หยวนถงไม่ได้อยู่ในตำหนัก
ในหมู่ศิษย์ใหม่ มีเพียงชี่หยวนถงเท่านั้นที่หายไป
ชายผมยาวยิ้มเหมือนเดิม “หากมีสิ่งใดที่อยากจะถาม พวกเจ้าสามารถถามได้เลย”
“ท่านอาจารย์”
จากนั้นชายหนุ่มที่คิ้วคมเหมือนกระบี่และดวงตาเป็นประกายที่นั่งอยู่ด้านหลัง ก็ลุกขึ้นมาและก้มหัวด้วยความเคารพ “ศิษย์ฝึกร่างเทพบัวฟ้ามาได้สามปีแล้ว แต่ศิษย์ยังฝึกไปได้ถึงแค่ขั้นเพลิงวารีเกื้อหนุน ศิษย์ควรฝึกฝนต่อไปหรือไม่ขอรับ?”
“เจ้าฝึกได้ช้าเกินไป ร่างเทพบัวฟ้านั้นมีอยู่ทั้งหมดเจ็ดขั้นตอน และเจ้าไปถึงแค่ขั้นที่สอง เพลิงวารีเกื้อหนุนเท่านั้น อีกยี่สิบปีเจ้าก็ยังฝึกไม่สำเร็จหรอก เจ้าสามารถเปลี่ยนไปฝึกร่างเทพอสูรระดับแทนได้” ชายผมยาวกล่าว “นอกจากนี้เจ้าควรฝึกฝนวิชากระบี่ให้มากกว่านี้ หากเจ้าไปไม่ถึงระดับ “เจตจำนง” ในอีกสามปี ก็จะถือว่าช้าด้วยเช่นกัน”
“ขอรับ” ชายหนุ่มตอบด้วยความเคารพในขณะที่ตัดสินใจได้
เขาตั้งใจกับร่างเทพบัวฟ้ามากเกินไปในสามปีที่ผ่านมานี้จนมองข้ามวิชากระบี่ของเขาไปเสียอย่างนั้น เขารู้ว่ามีความหวังเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่เขาจะฝึกร่างเทพบัวฟ้าได้สำเร็จ แต่เขาไม่อยากยอมรับมัน เขายังคงมีความหวัง แต่ว่าด้วยคำพูดของปรมาจารย์ได้ช่วยทำให้เขาสามารถตัดใจได้โดยสิ้นเชิง
เพราะไม่ว่ายังไง หากไม่ได้เป็นเทพอสูรระดับสูงในอีกสิบปี ก็จะถูกขับไล่ออกจากนิกายใน!
‘ข้าก็แค่ต้องเป็นเทพอสูรระดับสูงแทน! ข้าจะตั้งใจในวิชากระบี่ของข้า หากข้าขัดเกลามันมากเพียงพอ มันอาจจะช่วยกลบช่องว่างระหว่างร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษและระดับสูงได้’
“ท่านอาจารย์” เด็กหนุ่มร่างผอมหลังงออีกคนยืนขึ้นและกล่าวด้วยท่าทางนอบน้อมว่า “ศิษย์ฝึกร่างอสูรตัดสายฟ้ามาได้หกปีแล้ว และในที่สุดศิษย์ก็ไปถึงจุดขัดเกลาที่เจ็ดได้เมื่อห้าวันก่อน ศิษย์ควรจะรับอัสนีสวรรค์ในขอบเขตความเป็นตายหรือควรจะไปให้ถึงจุดขัดเกลาที่แปดก่อนขอรับ?”
‘จุดขัดเกลาที่เจ็ด?’ จู่ๆศิษย์จำนวนมากก็หันไปมองเด็กหนุ่มหลังงอคนนั้นด้วยความตะลึง
ตราบใดที่คนๆนั้นไปถึงจุดขัดเกลาที่เจ็ดของร่างอสูรตัดสายฟ้าได้และเข้าสู่ระดับของ “เจตจำนง” แล้ว คนๆนั้นจะสามารถท้าทายขอบเขตความเป็นตายและเกิดใหม่เป็นเทพอสูรได้
นั่นหมายถึงเขาจะได้เป็นเทพอสูรระดับสูงพิเศษสำหรับเขาหยวนชูอีกคน
‘จุดขัดเกลาที่เจ็ด’ เมิ่งชวนตาเป็นประกายเมื่อได้ยินดังนั้น
เขาเลือกร่างอสูรตัดอัสนี เขารู้ว่าเคล็ดนี้จะใช้กระแสพลังวินาศของโลกเพื่อฝึกฝน ทุกๆครั้งที่เขาสามารถพัฒนาร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยพลังวินาศได้ นั่นนับเป็นหนึ่งการขัดเกลา ยิ่งร่างขัดเกลาไปมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งต้องใช้พลังวินาศที่ทรงคุณค่าและทรงพลังมากกว่าเดิม จากบันทึกที่เคยมีมา ร่างของคนเราจะสามารถขัดเกลาได้ถึงเก้าครั้ง
อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com
การขัดเกลาครั้งที่เก้าคือจุดที่สมบูรณ์แบบ เมื่อร่างของคนๆนั้นแข็งแกร่งเพียงพอก็จะสามารถสร้างร่างอสูรตัดอัสนีที่สมบูรณ์แบบในการท้าทายขอบเขตความเป็นตายได้ด้วยการดึงอัสนีสวรรค์เข้ามาใส่ร่างของตน
อันที่จริงแล้ว พลังวินาศนั้นเป็นอันตรายต่อกายเนื้อมาก และมันยังสามารถสร้างความเสียหายแก่จิตใจของคนๆนั้นได้อีกด้วย แม้ว่าอัจฉริยะหลายๆคนจะมีแรงใจที่กล้าแข็ง แต่เมื่อผ่านจุดขัดเกลาที่สามหรือที่สี่ไป ร่างกายของพวกเขาก็ทนรับไม่ไหวแล้ว หากร่างกายต้องรับกระแสพลังวินาศไปมากกว่านี้เพื่อฝึกฝน ร่างกายก็คงจะหยุดทำงานเป็นแน่ ทุกๆการขัดเกลาคือการเปลี่ยนแปลง และความอันตรายก็จะเพิ่มขึ้นตามนั้นเช่นกัน
“คงจะไม่คุ้มค่าที่จะยอมแพ้หลังจากที่ได้ฝึกฝนมาหกปี เจ้าจงขัดเกลาจุดที่แปดต่อไปก่อนจะเป็นเทพอสูรเถอะ” ชายผมยาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าหากเจ้ายังไม่สามารถไปถึงจุดขัดเกลาที่แปดได้ในข้อกำหนดสิบปีให้เจ้าจงล้มเลิกและท้าทายขอบเขตความเป็นตายเพื่อเป็นเทพอสูรเสีย การเป็นเทพอสูรให้ได้ภายในสิบปีคือกฎเหล็กของเขาหยวนชู”
“ร่างกายและพลังชีวิตของมนุษย์นั้นจะขึ้นไปถึงขีดสุดตอนอายุยี่สิบ และจะคงที่อยู่ในช่วงอายุยี่สิบถึงสามสิบ แต่หลังจากอายุสามสิบหรือมากกว่า พลังชีวิตของคนๆนั้นจะลดลงอย่างรวดเร็ว เทพอสูรเช่นนั้นไม่มีอนาคตที่ดีซักเท่าไหร่นัก และยิ่งแก่ตัวการฝึกฝนก็จะยิ่งยากมากขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นพวกเจ้าต้องเป็นเทพอสูรให้ได้ก่อนอายุสามสิบนะ”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ” ศิษย์ทุกคนตอบพร้อมเพรียงกัน ชายหนุ่มหลังงอก็ตอบด้วยท่าทางนอบน้อมก่อนจะกลับไปนั่งขัดสมาธิตามเดิม
ศิษย์คนอื่นๆมองเขาด้วยสายตาที่ต่างออกไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาไปถึงจุดขัดเกลาที่เจ็ดแล้ว! และเขาจะได้กลายเป็นเทพอสูรระดับสูงพิเศษในอนาคต
และด้วยศิษย์กว่าสองร้อยคนที่ได้รู้เรื่องนี้ ตระกูลใหญ่ๆในราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่ก็จะรู้ความสำเร็จของเขาเร็วๆนี้
…
ชายผมยาวตอบคำถามของศิษย์แต่ละคนที่มีข้อสงสัยในการฝึกวิชาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนร่างเทพอสูร วิชาอาวุธ พลังแห่งจิตใจ รวมไปถึงคนที่มีปัญหาในการท้าทายเก้าถ้ำปริศนาด้วย เขาตอบทุกคำถาม
หลังจากผ่านไปครึ่งทาง ลูกชายคนที่ห้าของราชาทะเลตงไห่ เชวเฟิงก็ยืนขึ้นและถาม “ท่านปรมาจารย์ ศิษย์ยังคงไม่ผ่านเก้าถ้ำปริศนาเลยขอรับ และยังรู้สึกว่ายังอีกยาวไกลกว่าจะสำเร็จ ท่านอาจารย์ ได้โปรดบอกคำตอบให้ศิษย์ทีขอรับ ว่าเมื่อไหร่ศิษย์จะผ่านเก้าถ้ำปริศนาได้?” เขาอยู่บนเขามากว่าสิบปีแล้ว แต่ก็ยังลงจากเขาไม่ได้ เขาค่อนข้างจะเครียดพอสมควร เขาเองก็อยากจะสู้กับราชาอสูรไปพร้อมๆกับศิษย์คนอื่นๆด้วย
เขาแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งมากยิ่งกว่าเทพอสูรที่ลงจากเขาไปแล้วเสียอีก แต่เขากลับยังไม่ผ่านเก้าถ้ำปริศนา!
“หากเจ้ายังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆเหมือนในอดีต เจ้าจะสามารถลงจากเขาได้ในสามปี” ชายผมยาวกล่าว “แต่หากเจ้าเกิดการพัฒนาอย่างก้าวประโดด ในอีกครึ่งปีเจ้าคงจะลงจากเขาได้”
“เข้าใจแล้วขอรับ” เชวเฟิงตอบก่อนกลับไปนั่งขัดสมาธิตามเดิม
ในหลายสิบปีที่ผ่านมา เขาคือศิษย์ของเขาหยวนชูที่โดดเด่นที่สุด และในฐานะลูกชายของราชาตงไห่ที่น่าโดดเด่นมากที่สุดเช่นกัน พละกำลังของเขานั้นแข็งแกร่ง ครอบครัวได้เลียงดูเขามาอย่างสุดกำลัง สมบัติสมุนไพรที่เขาได้รับนั้นเยอะกว่าพี่น้องคนอื่นๆของเขามาก รากฐานเทพอสูรของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าอัจฉริยะธรรมดาถึงห้าเท่า และได้กลายเป็นเทพอสูรระดับสูงพิเศษตั้งแต่อายุ 15 อีกทั้งยังเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาสุดยอดของโลหะทมิฬด้วยเช่นกัน และในอายุ 22 เขาก็ได้เข้าถึงวิญญาณแห่งกระบี่
และนั่นทำให้ศิษย์คนอื่นๆชื่อชมเขา เซี่ยวหยุนเยว่จากรัฐเจียงแทบจะเทียบกับเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
เงื่อนไขในการลงเขาหยวนชูของเขานั้นก็เข้มงวดมากเช่นกัน การดทดสอบเก้าถ้ำปริศนาเองก็ยากมาก พวกเขาไม่ปล่อยให้เขาลงเขาได้ง่ายๆแน่ หากว่าเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเองได้ ก็อาจจะถูกพวกอสูรลอบสังหารเสียตั้งแต่ได้ลงจากเขา
…
การถามตอบกินเวลาไปกว่าหกชั่วโมง
การบรรยายของท่านปรมาจารย์จะมีขึ้นสามครั้งทุกเดือนที่ตำหนักแม่น้ำสวรรค์ ในวันที่ 5 15 และ 25 ของทุกๆเดือน
ดังนั้นศิษย์จึงไม่ได้มีปัญหามากนักในช่วงสิบวัน ที่มันกินเวลานานก็เพราะมีศิษย์กว่า 200 คนที่ถามคำถาม
“หากไม่มีใครมีคำถามแล้ว” ชายผมยาวกวาดสายตามองไปทั่วห้องและยิ้ม “ในเมื่อศิษย์ใหม่อยู่กันที่นี่แล้ว ข้าก็จะพูดถึงเรื่องที่ควรจะคำนึงถึง ข้าเห็นว่าเจ้าหลายคนได้เลือกร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษ ลองกันไปก่อนได้เลย! จากนั้นอีกสามปี หากเจ้ายังคิดว่ายังมีหวังอยู่ก็ฝึกต่อไปได้! แต่หากในสามปีให้หลังนั้นยังรู้สึกว่ามีโอกาสเพียงเล็กน้อย ก็ล้มเลิกและไปฝึกร่างเทพอสูรระดับสูงแทน”
“ในช่วงสามปีแรกเจ้าจะไม่สามารถฝึกฝนร่างเทพอสูรได้มากกว่าสองชั่วยามต่อวัน และจะใช้เวลาส่วนมากในการฝึกวิชาอาวุธของเจ้ามากกว่า หากสามารถใช้วิชาอาวุธได้อย่างคล่องแคล่วเพียงพอ เจ้าสามารถสู้กับคนที่ขอบเขตสูงกว่าเจ้าหนึ่งระดับได้เลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นพวกเจ้าไม่ควรหยุดฝึกวิชาอาวุธแม้แต่วันเดียว”
“แล้ววิชาอาวุธควรจะเลือกอย่างไรอย่างนั้นหรือ?”
“เคล็ดวิชาที่สุดยอดที่สุดของมนุษย์เรานั้นมาจากโลหะทมิฬ บนเขาหยวนชูนี้มีโลหะทมิฬทั้งหมดหกสิบสองชิ้น” ชายผมยาวกล่าว “แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องเป็นเทพอสูรระดับมหาสุริยันและควบแน่นแก่นสารแห่งจิตให้ได้ก่อนถึงจะรับมรดกของโลหะทมิฬได้”
“หากไม่ใช่อย่างนั้นก็ไม่มีทางเลยที่จะรับเจตจำนงของมรดกได้ ที่ทำได้ก็มีแค่อ่าน ดูรูป และทำตามคำแนะนำของคนอื่นเท่านั้น มรดกของโลหะทมิฬนั้นยากขึ้นเป็นสิบเท่าหากฝึกโดยไม่มีเจตจำนงคอยชี้แนะ”
“วิชาของเทพอสูรนั้นถูกแบ่งออกเป็นสามชนิด สวรรค์ โลกา มนุษย์ อันหลังนั้นสามารถอ่านสำหรับการอ้างอิงได้ แต่สองอย่างแรกนั้นลึกซึ้งมาก เจ้าจะได้เรียนรู้มันไปตลอดชีวิต เช่นเดียวกันหากมีเจตจำนงของมรดก การฝึกวิชาเทพอสูรระดับสวรรค์นั้นจะง่ายกว่าการฝึกวิชาในโลหะทมิฬ หากสามารถฝึกวิชาเทพอสูรระดับสวรรค์ได้จนเชี่ยวชาญ ความแข็งแกร่งของคนๆนั้นจะเทียบเท่าได้กับวิชาของโลหะทมิฬ”
“ในหมู่วิชาเทพอสูรระดับสวรรค์นั้น …”
…
ปรมาจารย์ได้อธิบายทุกอย่างที่ควรรู้ไว้โดยละเอียด มันชัดเจนกว่าที่เมิ่งชวนและคนอื่นๆได้เรียนรู้หลังจากอ่านหนังสือเสียอีก
หลายๆคนเข้าใจในการฝึกฝนของเทพอสูรมากขึ้น
“วันนี้ก็คงจบเพียงเท่านี้ พวกเจ้าสามารถไปได้แล้ว” ชายผมยาวลุกขึ้นยืนและจากไป
“ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพขอรับท่านอาจารย์” เหล่าศิษย์กล่าวด้วยท่าทางนอบน้อม
ศิษย์หลายๆคนเดินเกาะกลุ่มกันออกไป
“เมิ่งชวน ในอีกหนึ่งชั่วยามให้เจ้ามาหาข้าที่ตำหนักแม่น้ำสวรรค์” มีเสียงดังขึ้นในหูของเมิ่งชวน