ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 13 วิวาห์สลับตัวองค์หญิง (13)
ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก – ตอนที่ 13 วิวาห์สลับตัวองค์หญิง (13)
ในความทรงจำของซูหว่านนั้น ซูรุ่ยเป็นคนเคร่งขรึม โหดเ**้ยม และยึดถือตัวเองเป็นที่ตั้งไม่เห็นแก่ผู้อื่น ช่วงนี้เขามีอาการของโรคจิตเภท เป็นคนไม่มีเหตุผล ไร้ความปรานี ไม่มีความละอาย ก้าวร้าว แต่ถือเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเขามีท่าทางตกใจกลัว
“ข้าถามว่า ถ้า คนคนนั้น ที่ข้าจะแต่งงานด้วย เป็น เจ้า ล่ะ”
เมื่อพูดจบ ซูหว่านก็รอคำตอบจากซูรุ่ย คำตอบจะออกมาแบบยกตนข่มท่านอย่างผู้นำประเทศหรือแบบคนสติวิปลาสที่น่ากลัวกันแน่ หรืออาจอ้างเหตุเรื่องรักวงศ์ตระกูลขึ้นมาทันทีหรืออะไรสักอย่าง สีหน้าของซูหว่านดูราวกับไม่แสดงอารมณ์อะไร แต่จริงๆ แล้ว นางคาดหวังมาก ซูรุ่ยเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ ที่ตกใจกลัวและหุบเขี้ยวเล็บ เขารีบรุดออกไปด้วยความสับสน
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
ซูหว่านตะลึงงันสุดๆ ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวนางเองเป็นผู้เปิดประตูสู่โลกใหม่ให้กับนายน้อยตระกูลซู
กลายเป็นว่าข้าไม่เพียงคุ้มครองพี่สาว แต่ข้าแต่งงานกับนางได้ด้วยหรือ
นายน้อยตระกูลซูครุ่นคิดอย่างโกรธแค้น หลายปีมานี้ ไม่เห็นมีใครบอกข้าเลย
คืนนี้ซูรุ่ยนอนไม่หลับทั้งคืน ในสมองเขาคิดถึงแต่คำพูดของซูหว่านซ้ำไปซ้ำมา เขากระสับกระส่ายพลิกตัวไปมา รู้สึกทรมานจนแทบจะเป็นบ้า
“ฟุ้บ” เสื้อก็ยังไม่ได้เปลี่ยน น้ำก็ยังไม่ได้อาบทั้งคืน ร่างของซูรุ่ยเต็มไปด้วยเลือด เขารีบรุดออกจากห้อง
ลองถามคนในจวนตระกูลซูดูสิว่า ในทุกๆ วัน พวกเขากลัวอะไรมากที่สุด พวกเขาจะบอกท่านโดยไม่ลังเลเลยว่า ทุกวันที่พวกเราทำงานรับใช้อยู่ที่นี่ พอลืมตาขึ้นก็วอนขอให้อย่าเจอหน้านายน้อยซูเลย นายน้อยสร้างความกดดันให้เรามาก แถมยังสร้างบรรยากาศอึมครึมด้วย!
ใครได้เจอเขาจะซวยไปทั้งวัน!
ดังนั้น ลี่ว์จูที่ตื่นแต่เช้าตักน้ำอย่างงัวเงียอยู่ตรงลานบ้าน เมื่อนางเห็นซูรุ่ยพรวดเข้ามา ร่างเขามีแต่กลิ่นเลือดคละคลุ้ง
ลี่ว์จูกะพริบตาถี่ๆ ปกติข้ายังไม่ตื่นหรอก แต่ภาพหลอนนั่น อืม มันต้องเป็น…..
“ปัง” มีคนเตะประตูทางเข้าห้องนอนของซูหว่าน
ในบ้านตระกูลซู ไม่มีใครทำแบบนี้ได้นอกจากซูรุ่ย ซูหว่านขยี้ตาและกำลังจะเปิดม่าน แต่มีคนเร็วกว่า ซูรุ่ยเปิดม่าน หันหน้าไปทางซูหว่านและกดร่างนางไว้
“เจ้าจะทำอะไร……หืม”
ซูหว่านเบิกตาและรู้สึกว่ามีอะไรเย็นๆ แตะริมฝีปาก นางรู้สึกไม่สบายตัว
นางถูกซูรุ่ยจูบอย่างรุนแรง!
สารเลว! จอมฉวยโอกาส!
ซูหว่านโกรธมาก นางพยายามดิ้นรนลุกขึ้นมา ซูรุ่ยทำแบบนี้โง่เง่าสิ้นดี
เขาทำอะไรลงไปนี่
เขาไม่ได้อยากทำอะไรทั้งนั้น! ใครจะรู้ว่าตอนเขาเข้ามานั้นรีบร้อนรุนแรงจนแผลที่หลังเริ่มปวด จุดศูนย์ถ่วงของเขาไม่มั่นคง เขาจึงล้มลงทับร่างของซูหว่าน และจากนั้น…เขาก็จูบนาง
ริมฝีปากของซูหว่านนุ่มนวลมาก อาจเป็นเพราะนางเพิ่งตื่น อุณหภุมิของริมฝีปากจึงอุ่นอุสุม ซูรุ่ยรู้สึกเหมือนร่างของเขากำลังมอดไหม้
ความรู้สึกเช่นนี้เขาอธิบายไม่ถูก แต่ชัดเจนและลึกซึ้ง
“เจ้า…..เป็นใคร”
เขารีบยันตัวลุกขึ้นและจ้องไปที่ซูหว่าน แววตาของเขาบ่งบอกอะไรลึกๆ อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน “เจ้าเป็นใคร”
ในช่วงเวลานั้น เป็นช่วงเวลาที่มีความรู้สึกสัมผัสใกล้ชิดอย่างไม่มีอะไรเสมอเหมือน เขาแน่ใจในทันทีในสิ่งที่เขาคาดคะเนไว้ในใจ
เมื่อสี่ปีที่แล้ว คนที่บอกว่าต่อให้ตายก็จะไม่กลับมาอีก ตอนนี้กลับมาแล้ว
เมื่อสี่ปีที่แล้ว คนที่ขวัญหนีดีฝ่อและกลัวลนลานเมื่อเผชิญหน้ากับเขา ตอนนี้กลับเย็นชาไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ต่อเขา
เมื่อสี่ปีที่แล้ว คนที่ทำให้เขารู้สึกว่าถูกทอดทิ้งและถูกทรยศ คนที่จะไม่ยอมยกโทษให้เขา บัดนี้ทำให้หัวใจของเขาปั่นป่วนเต้นรัว
จิตใจของคนที่เงียบขรึมนั้นสุดขั้วจริงๆ
ในปีนั้น ซูรุ่ยรู้สึกว่าพี่สาวทอดทิ้งเขา จึงกุมอำนาจในบ้านตระกูลซูหลังจากพี่สาวแต่งงานออกเรือนไป เขาเริ่มด้วยตัดการติดต่อระหว่างซูหว่านกับตระกูลซู กระทั่งส่งอั้นอูไปเฝ้าดูซูหว่านและลี่ว์จู และพอรู้ว่าซูหว่านถูกเนรเทศไปอยู่ตำหนักเย็น ซูรุ่ยก็ยังหมางเมินไม่ไยดี
เจ้าเลือกที่จะทรยศและทิ้งข้า ก็จงรับชะตากรรมของเจ้าซะ
หากซูหว่านยังยืนกรานที่จะทำแบบนี้ แม้นางจะตายอยู่ในจวนอ๋อง ซูรุ่ยก็คงไม่อาจหมางเมินและไม่ใส่ใจได้
อย่างไรก็ดี นางแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็นทันใด
ในความทรงจำของซูรุ่ยนั้น แม้นางจะต้องตาย ซูหว่านก็จะไม่ยอมปล่อยเซวียนหยวนรุ่ยไปเด็ดขาด
เขาเข้าใจพี่สาวของเขามากกว่าเข้าใจตัวเองเสียอีก
จากนั้นเป็นต้นมา เขาจึงต้อนรับซูหว่านกลับบ้านตระกูลซู ซูรุ่ยแอบสังเกตซูหว่านอยู่ เขารู้สึกไม่แน่ใจแต่ก็หาคำตอบไม่ได้ว่าอะไรกันแน่
วันนี้ ตอนนี้พอดี เขาได้ค้นพบคำตอบที่เขาค้นหามานาน
“ท่านว่าอะไรนะ”
เมื่อซูรุ่ยถามนาง ซูหว่านใจตุ๊มๆ ต่อมๆ เพราะแม้ซูรุ่ยจะถามคำถาม แต่คำตอบก็อยู่ในดวงตาของเขาแล้ว
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่พี่ของข้า”
คราวนี้ซูรุ่ยใช้น้ำเสียงเด็ดขาด
“ข้า…”
ทันใดนั้นเอง ซูหว่านเลิกคิดว่านางจะพูดอะไร เซวียนหยวนลุ่ยทำร้ายนาง ทำให้ร่างกายและจิตใจของนางเปลี่ยนแปลงไปมาก อะไรประมาณนั้น ข้ออ้างแบบนี้ไม่ใช่วิถีของนาง ทว่าเมื่อนางจะเอ่ยปากพูด ซูรุ่ยพลันขัดจังหวะนางอีกครั้ง “เจ้าพูดถูก ข้าแต่งงานกับเจ้าได้!”
“ข้าเป็นพี่สาวเจ้าไง! เจ้างงอะไร….”
“เจ้าไม่ใช่!”
น้ำเสียงที่มุ่งมั่นเด็ดขาดขัดจังหวะซูหว่านอีกครั้ง ซูรุ่ยมองนาง ดวงตาเรียวเล็กของนางแสดงอารมณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน “ข้าจะแต่งงานกับเจ้า!”
เมื่อพูดประโยคนี้จบโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของซูหว่านเลย ซูรุ่ยก็ล้มทับซูหว่านและสลบไป
เมื่อเห็นแผ่นหลังของเขาที่มีรอยโดนฟันเป็นแผลฉกรรจ์ ความเ**้ยมโหดก็ฉายแววอยู่ในตาของซูหว่านแวบหนึ่ง ซูรุ่ยคนนี้เป็นระเบิดเวลาที่ยังก่อปัญหามากมาย! และเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ!
ทันใดนั้น ซูหว่านคิดวิธีกำจัดซูรุ่ยได้ถึงสามสิบสองวิธี ในขณะนั้น ลี่ว์จูก็ส่งเสียงเรียกมาจากนอกห้อง “จวิ้นจู่ จวิ้นจู่เจ้าคะ…”
เมื่อได้ยินเสียงลี่ว์จู ซูหว่านก็รีบฉีกกางเกงชั้นในออกและใช้พลังทั้งหมดดึงร่างที่อยู่ในสภาพไม่รู้สึกตัวของซูรุ่ยมาอยู่บนร่างของนาง
“ช่วยข้าด้วย! ช่วยข้าด้วย! ลี่ว์จู! ช่วยข้าด้วย ท่านพ่อ!” น้ำเสียงของซูหว่านอ่อนกำลังและตกใจกลัว
“เพล้ง! ปัง!” ชามอ่างที่อยู่ในมือของลี่ว์จูหล่นลงพื้น นางไม่กล้าพอที่จะมองเข้าไปในห้องเป็นครั้งที่สอง จึงรีบวิ่งหนีไปด้วยความตกใจ
พอได้ยินฝีเท้าของลี่ว์จูไกลออกไปแล้ว ซูหว่านก็ถอนใจด้วยความโล่งอก จะดัดนิสัยคนอย่างซูรุ่ยผู้ฉาวโฉ่เรื่องการทำชั่วนั้นไม่ง่ายเลย
เพียงชั่วครู่ ซูอวี้เฟิงก็ปรากฏตัวพร้อมฆ่าคนที่ลานหน้าเรือนของซูหว่าน ข้างหลังเขาคือลี่ว์จูที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งอย่างลนลานตลอดทางที่กลับมา
“เจ้าหมูสกปรก!”
ตอนที่ซูอวี้เฟิงเข้าประตูมา เขาเห็นผ้าม่านที่เตียงของซูหว่านแกว่งอยู่ตลอดและเห็นร่างของซูรุ่ยรางๆ บนเตียง ตอนนี้เขานอนอยู่บนร่างของซูหว่านโดยที่ซูหว่านกำลังร้องขอความช่วยเหลืออย่างอ่อนแรง
เมื่อได้เห็นภาพนี้ ซูอวี้เฟิงก็เดือดดาลสุดขีดจนไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้น ทันทีที่เขาก้าวข้ามธรณีประตูทางเข้าเข้ามา เขาส่งกำลังภายในทั้งหมดไปยังฝ่ามือที่ฟาดไปยังซูรุ่ยที่ยังนอนอยู่บนเตียง
แม้ว่าซูอวี้เฟิงจะได้รับบาดเจ็บเมื่อคืนก่อน แต่ได้พักฟื้นมาทั้งคืนจนสภาพร่างกายดีขึ้นมาก ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นฟาดลงไปโดยไม่รามือ เสียงลมที่เกิดจากฝ่ามือสร้างบรรยากาศที่บ้าระห่ำและอันตราย
โชคร้ายจริง!
ซูหว่านรู้สึกได้ถึงสถานการณ์ที่เข้าขั้นวิกฤติ ซูอวี้เฟิงลงมือหนักเกินไปเพราะใช้อารมณ์เหนือเหตุผล ตอนนี้ ร่างของซูหว่านหลบอยู่ภายใต้ลมของฝ่ามือที่ฟาดลงไป ถึงแม้นางจะรู้ว่าไม่ถึงตาย แต่ร่างที่ยังสาวของนางหากโดนลมจากฝ่ามือที่ฟาดลงมา ก็ใช้เวลานานเหมือนกันกว่าจะฟื้นตัว
ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงอันตราย มีความเป็นความตายเป็นเดิมพัน ซูรุ่ยที่ไม่รู้สึกตัวมาตลอดก็ลืมตาขึ้นทันใด
ไม่อาจหยุดสายตาเฉียบคมคู่นั้นไว้ได้
ทั้งสองประสานสายตากัน ซูรุ่ยกอดซูหว่านที่อยู่ใต้ร่างเขาทันที กอดแน่นและขยับตัวไปด้านข้าง ใช้ร่างกายกำยำของเขาปกป้องซูหว่านเอาไว้ เขาทนบาดเจ็บที่หลังและใช้กำลังทั้งหมดต้านฝ่ามือของซูอวี้เฟิง
“พู้ว!”
เลือดอุ่นๆ สาดโดนหน้าซูหว่าน นางไม่กะพริบตามองซูรุ่ยที่อยู่ใกล้ชิดนางมากอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง
นางขยับปากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าซูอวี้เฟิงดึงนางไปข้างเตียง
“เสี่ยวหว่าน ข้าทำให้เจ้าเสียใจ! ข้าจะตีเจ้าสัตว์นรกตัวจ้อยนี่ให้ตาย!”
ด้านหนึ่งซูอวี้เฟิงก็หาเสื้อคลุมให้ซูหว่านใส่เพราะนางอยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ในขณะเดียวกัน ตาที่แดงก่ำของเขาก็มองซูรุ่ยที่อยู่บนเตียงในสภาพปางตาย
“เฮอะ”
ซูรุ่ยกระอักเลือด แต่สายตายังอวดดี “ถ้าข้าเป็นสัตว์นรกตัวจ้อย แล้วท่านล่ะ เป็นสัตว์นรกแก่หรือไง”
“สารเลว! เจ้าลูกเนรคุณ ! ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!”
ซูรุ่ยทำให้ซูอวี้เฟิงโกรธอีกครั้ง เขาวิ่งชนอย่างแรงหมายจะตบซูรุ่ยอีกครั้ง ซูรุ่ยพยุงร่างขึ้นช้าๆ อย่างยากลำบาก และล้วงเอาตราประทับรูปเสือที่เขามักจะพกติดตัวเสมอออกมาจากอกเสื้อ เขายิ้มเยาะมองซูอวี้เฟิง “ใต้เท้าซู การสังหารทหารร่วมกองทัพประหนึ่งทรยศต่อชาติบ้านเมืองเลยนะ!”
ทรยศต่อชาติบ้านเมือง…..
คำนี้สะกิดใจของซูอวี้เฟิงได้อย่างลึกซึ้ง เขาไม่มีทางเลือกจึงต้องหยุดทำเช่นนี้
ตอนนี้ ซูอวี้เฟิงพลันนึกขึ้นมาได้ว่าซูรุ่ยไม่เพียงเป็นบุตรชายของเขา ทว่ายังเป็นแม่ทัพในราชวงศ์ปัจจุบัน เขาเป็นคนสำคัญในฐานะเทพเจ้าแห่งสงครามที่ราชวงศ์ต้าซย่าขาดไม่ได้!
ซูอวี้เฟิงกำหมัดแน่นและปล่อยออกไป เขาลังเลระหว่างราชวงศ์และคนในครอบครัว แต่ในที่สุดเขาก็เลือกราชวงศ์ที่เขาอุทิศชีวิตให้มาตลอด
“เสี่ยวหว่าน พ่อจะพาเจ้าไป”
ในไม่ช้า ซูอวี้เฟิงก็พาซูหว่านไป ท่าทียโสของซูรุ่ยก็จืดไปเลย
“พู้ว!”
เขากระอักเลือดจำนวนมากและนอนแผ่บนเตียง กระซิบแผ่วเบาก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง
ช่าง…..ใจร้ายเหลือเกิน