ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 17 ตัวแทนคนรัก (17)
ตอนที่ 17 ตัวแทนคนรัก (17)
ในขณะที่ฟังจื่อเวิ่นขับรถมาถึงบริเวณโรงแรม ก็เห็นพี่ชายตัวเองยกแขนขึ้นโอบซูหว่านไว้ข้างหนึ่งและกำลังทำท่าทำทางแปลกๆ สีหน้าของซูหว่านดูเหลืออดเต็มทน
นึกถึงข่าวที่ถูกเขียนตามหน้าหนังสือพิมพ์กับในโลกอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับพี่ชายและซูหว่านแล้ว ฟังจื่อเวิ่นก็ลังเลอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายจึงตัดสินใจขับรถไปจอดที่หน้าโรงแรม
ลงมาจากรถ ลมหนาวพัดมากระทบใบหน้า
ฟังจื่อเวิ่นแต่งกายด้วยชุดกระโปรงสั้นเหนือเข่า โชคดีที่เธอแต่งตัวแบบนี้จนชินเสียแล้ว เลยไม่ได้รู้สึกหนาวเท่าไร
“พี่ชายเธอเมามากแล้ว เธอพาเขากลับบ้านเถอะ”
ซูหว่านเห็นฟังจื่อเวิ่นปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ก็รีบดิ้นรนออกมาจากอ้อมแขนของซูรุ่ย แล้วพลักดันร่างที่ยืนโงนเงนของซูรุ่ยไปตรงหน้าของฟังจื่อเวิ่น
ท่าทีรีบร้อนแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมันของซูหว่าน ทำให้ซูรุ่ยเริ่มร้อนรน
“ซูหว่าน เสี่ยวหว่าน…”
เขารีบยกมือขึ้นวาดไปวาดมากลางอากาศ สุดท้ายไขว่คว้ามาได้เพียงปลายนิ้วอบอุ่นของซูหว่านเท่านั้น
“คุณเมามากแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
ซูหว่านออกแรงดึงนิ้วมือตัวเองออกมาจากมือของซูรุ่ย แล้วหันมายิ้มตามมารยาทให้ฟังจื่อเวิ่น “กลับไปอย่าลืมทำน้ำซุปแก้เมาค้างให้เขาด้วยนะ ฉันไปก่อนละ”
“เอ๋”
ฟังจื่อเวิ่นยืนอึ้ง ยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยก็เห็นซูหว่านหมุนตัวเดินไปขึ้นรถของตัวเองแล้วขับออกไปแล้ว
“นี่มันเรื่องกันอะไรกันเนี่ย”
ฟังจื่อเวิ่นหันไปมองพี่ชายตัวเองที่ยืนโงนเงนอยู่ด้านข้างอย่างเซ็งๆ “ปกติเห็นฉลาดเป็นกรดอย่างกับสุนัขจิ้งจอก โอกาสดีๆ อย่างนี้ยังจะมอมตัวเองให้เมาขนาดนี้อีก แน่จริงก็มอมเขาสิ แล้วไอ้ความร้ายกาจเอาแต่ใจที่มีอยู่หายไปไหนหมด”
ในขณะที่พูดบ่นไป ฟังจื่อเวิ่นก็ยกแขนจะไปช่วยประคองซูรุ่ยขึ้นรถตัวเองอย่างเซ็งๆ แต่ใครจะไปคิด เธอเพิ่งจะเข้าไปใกล้ตัวเขา ซูรุ่ยก็ปัดมือของเธอออกอย่างแรง
จัดเสื้อผ้าของตัวเองที่ไม่เป็นระเบียบให้เข้าที่เข้าทาง ซูรุ่ยหรี่ตาลง มองมาทางฟังจื่อเวิ่นอย่างเอาเรื่อง “เมื่อกี้นี้เธอพูดว่าอะไรนะ ลองพูดใหม่อีกทีสิ!”
“เออ… ”
ฟังจื่อเวิ่นหน้าถอดสี “พี่ นี่พี่ไม่ได้เมาเหรอที่แท้ก็แกล้งเมานี่เอง ก็ยังฉลาดเป็นกรดเหมือนสุนัขจิ้งจอกอยู่ดี!”
ฟังจื่อเวิ่นคิดชั่วขณะแล้วเพิ่งคิดได้ว่าตัวเองมาขัดจังหวะ
“พี่ หนูผิดไปแล้ว ให้หนูไปตามซูหว่านกลับมาให้ไหม”
ฟังจื่อเวิ่นทำท่าน่าสงสาร พูดกับซูรุ่ยอย่างระมัดระวัง
“ช่างเถอะ ขึ้นรถ”
ซูรุ่ยโบกมือไปมาแล้วก้าวขึ้นไปนั่งบนเบาะหลังรถของฟังจื่อเวิ่น
ฟังจื่อเวิ่นทำท่าอ้ำๆ อึ้งๆ เห็นพี่ชายตัวเองไม่โกรธ ก็รีบขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที รถยนต์ขับไปตามถนนที่นำไปสู่บ้านตระกูลฟัง เพราะมีซูรุ่ยนั่งมาด้วย ฟังจื่อเวิ่นเลยไม่กล้าขับเร็วมากนัก
ซูรุ่ยที่นั่งทำหน้าเคร่งเครียด หลังจากที่ขึ้นมานั่งบนรถได้ ก็เอาแต่ต่อสายโทรศัพท์ไม่หยุด ฟังจื่อเวิ่นไม่ค่อยรู้เรื่องการทำธุรกิจ แต่ก็ได้ยินซูรุ่ยมอบหมายให้คนจัดการปล่อยข่าวลือที่ EVFA จะยกเลิกสัญญากับเฮ่าเย่ว์ แล้วยังได้ยินเขาให้คนจัดการช้อนซื้อหุ้นของเฮ่าเย่ว์ตอนราคาหุ้นตกอีกด้วย ฟังจื่อเวิ่นที่ขับรถอย่างตั้งใจมือกระตุกเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะกลัวพี่ชายตัวเองอยู่หน่อยๆ แต่พอคิดถึงคู่หมั้นของตัวเอง ฟังจื่อเวิ่นก็ทำใจกล้าถามออกไป “พี่คะ พี่…คิดจะจัดการเฮ่าเย่ว์เหรอคะ”
“จัดการเฮ่าเย่ว์งั้นเหรอ”
ซูรุ่ยลืมตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน มองไปทางฟังจื่อเวิ่นชั่วแวบหนึ่งอย่างเย็นชา ยัยคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจคนนี้ท่าจะยังไม่รู้ว่าที่ตัวเองได้เป็นคู่หมั้นของเซียวจิ่งมั่ว ทั้งหมดเป็นแผนของเถ้าแก่เซียวที่มีต่อตระกูลฟัง
ตระกูลฟังอยู่ในจุดสูงสุดของเซียงเฉิงมานานมากเกินไป ตระกูลเซียวอยากขึ้นมาอยู่บนจุดนี้แทนตระกูลฟังมานานแล้ว และในแวดวงธุรกิจ คนส่วนมากต่างก็รู้ว่าตระกูลเซียวค่อยๆ มั่งคั่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในทางกลับกันตระกูลฟังกลับค่อยๆ ถดถอยลงไปเรื่อยๆ และในอีกไม่นาน ตระกูลเซียวก็จะขึ้นมาแทนที่หรือกลืนตระกูลฟังลงไป
ตอนที่ซูรุ่ยได้เข้ามาอยู่ในร่างของฟังจื่อมู่พร้อมกันนั้น เขายังได้รับความทรงจำทั้งหมดของร่างเดิมด้วย ฟังจื่อมู่เป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการทำธุรกิจ แต่ก็เป็นรองตระกูลเซียวอยู่หนึ่งขั้นอยู่ดี
เถ้าแก่เซียวอายุมากแล้ว เขาจึงตั้งความคาดหวังทั้งหมดไว้ที่เซียวจิ่งมั่ว ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เซียวจิ่งมั่วเองก็ไม่เคยทำให้ท่านต้องผิดหวัง สิ่งเดียวที่ทำให้ท่านไม่พอใจ ก็คงจะมีแค่เรื่องคู่ครอง
ดังนั้น เถ้าแก่เซียวจึงจัดการปรองดองกับตระกูลฟัง ฝั่งผู้นำตระกูลฟังก็ตอบรับอย่างดีเพราะคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าฟังจื่อมู่ดูออก คนอย่างน้องสาวเขาเนี่ยนะจะเข้าตาคนอย่างเซียวจิ่งมั่วได้ไง
คนอย่างฟังจื่อมู่ที่รู้จักฟังจื่อเวิ่นเป็นอย่างดี รู้ว่าสักวันฟังจื่อเวิ่นจะไปกระตุกหนวดเสือของเซียวจิ่งมั่วเข้า แล้วคนอย่างเซียวจิ่งมั่วถ้าลองไปกระตุกหนวดเสือของเขาเข้าละก็รับรองว่าเขาจัดการไม่มีเหลือแน่ เพราะฉะนั้น ฟังจื่อมู่จึงเริ่มปฏิบัติการรวบรวมเงินทุนและวางแผนสร้างสถานการณ์เข้าใกล้ลั่วชูชูไปด้วยก่อนที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น
ในเมื่อเถ้าแก่เซียวเลือกที่จะลงมือกับน้องสาวของเขา ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะเลือกเริ่มลงมือกับผู้หญิงของเซียวจิ่งมั่วก่อน
เรื่องราวบทบาทความรักในโลกนี้ เกิดจากฟังจื่อมู่ที่วางแผนเข้าใกล้ลั่วชูชูเพื่อทำให้เซียวจิ่งมั่วเสียใจ แต่ใครจะไปรู้ละ พอนานวันเข้า เขากลับหลงรักลั่วชูชูเข้าจริงๆ แล้วในตอนนั้นหลังจากที่เซียวจิ่งมั่วเลิกรากับลั่วชูชูไป เซียวจิ่งมั่วก็กลับไปคืนดีกับซูหว่าน ฟังจื่อมู่เลยใช้โอกาสนี้ในการเอาชนะใจของลั่วชูชูให้ได้
น่าเสียดาย ข้างกายของฟังจื่อมู่กลับมีคนที่ชอบสร้างแต่เรื่อง คอยหาเรื่องให้เขาปวดหัวไม่ว่างเว้นอย่างน้องสาวของเขาเอง
ฟังจื่อเวิ่นถูกโอวหยางจิ้งที่หลงรักฟังจื่อมู่คอยเป่าหู ถึงขนาดจ้างคนให้ขับรถไปชนลั่วชูชู สุดท้ายลั่วชูชูประสบอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาล และเป็นเพราะเรื่องนี้เอง ทำให้เซียวจิ่งมั่วรู้ใจตัวเอง สุดท้ายก็กลับมาคืนดีกับลั่วชูชูได้สำเร็จ
ต่อมาเซียวจิ่งมั่วสืบรู้มาว่าเบื้องหลังอุบัติเหตุในครั้งนั้น คนว่าจ้างคือฟังจื่อเวิ่น เขาก็รีบไปยกเลิกงานแต่งกับตระกูลฟัง และยังโจมตีธุรกิจของตระกูลฟังอย่างบ้าคลั่ง ฟังจื่อมู่เสียคนรักไป และยังมีปัญหาเรื่องงานอีก ในช่วงที่เขาเสียสติ เขาก็ได้ตัดสินใจทำเรื่องที่ผิดมหันต์ เขาไปตัดสายเบรกรถของเซียวจิ่งมั่ว สุดท้ายในเหตุการณ์นั้นกลับทำให้ซูหว่านต้องจบชีวิตลง
ซูรุ่ยกำลังเรียบเรียงลำดับเรื่องราวในสมอง จากนั้นเขาก็กดโทรออกอีกหนึ่งสาย สายนี้เขาโทรหาสำนักงานนักสืบเอกชนที่เขาใช้บริการอยู่เป็นประจำ
“ช่วงนี้ทางโอวหยางจิ้งเป็นยังไงบ้าง”
พอได้ยินว่าเขาถามเกี่ยวกับเรื่องของโอวหยางจิ้ง ทางปลายสายก็มีเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังลอดมา “คุณหนูโอวหยางช่วงนี้ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชน ผมสอบถามกับพยาบาลพิเศษแล้ว เธอน่าจะกลับบ้านได้ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ครับ”
ตั้งแต่คืนนั้นที่ถูกซูหว่านปล่อยทิ้งไว้ที่สุสานบนเขาร้าง โอวหยางจิ้งก็ตกใจกลัวสุดขีด ทำให้ต้องพักรักษาตัว เพราะฉะนั้นช่วงนี้คลื่นลมเลยค่อนข้างสงบ แต่ถ้าเธอออกมาจากโรงพยาบาลเมื่อไร ตอนนั้นแหละ หายนะมาเยือนแน่
อันที่จริง ซูรุ่ยกำลังวางแผนการล้มล้างตระกูลโอวหยางอยู่ แต่เนื่องจากเรื่องนี้เป็นความลับสุดยอด จึงทำให้การดำเนินการเป็นไปอย่างช้าๆ
“ถ้าเธอออกมาจากโรงพยาบาลแล้วจับตาดูเธอไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ถ้าเธอมีพฤติกรรมอะไรที่แปลกไปให้รีบรายงานฉันด่วน”
หลังจากมอบหมายงานให้นักสืบเอกชนเรียบร้อยแล้ว ซูรุ่ยก็เก็บโทรศัพท์มือถือ เงยหน้าขึ้นมาก็เจอกับสายตาที่คอยแอบมองตนเองจากกระจกหลังของฟังจื่อเวิ่น
ซูรุ่นถอนหายใจ แล้วปรับท่านั่งพิงเบาะรถให้สบายที่สุด แล้วเขาก็ค่อยๆ หลับตาลง
เห็นท่าทางของซูรุ่ยที่ไม่อยากจะพูดอะไรกับตัวเอง ฟังจื่อเวิ่นก็ลอบเบะปาก ทำสีหน้าไม่พอใจ หลังจากที่คิดว่าซูรุ่ยจะไม่สนใจตัวเองแล้ว ก็ตั้งใจขับรถต่อไป แต่ทันใดนั้นคนที่กำลังพักสายตาอยู่ อยู่ๆ ก็เปิดปากพูดขึ้นมา “โอวหยางจิ้งไม่ใช่คนดีอะไร อยู่ให้ห่างเขาไว้หน่อย ถ้าเขาล่อลวงให้เธอไปทำเรื่องอะไร ก็อย่าไปหลงกลเขาเด็ดขาด!”
“ทราบแล้วค่ะพี่ชาย”
ฟังจื่อเวิ่นพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ในใจกลับกำลังคิดอยู่ว่าโอวหยางจิ้งไปทำเรื่องอะไรให้พี่ชายของเธอไม่พอใจกันแน่ เห็นที วันหลังถ้าเจอผู้หญิงคนนี้ คงต้องเดินอ้อมไปให้ไกลแล้วละ…