ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 19 ตัวแทนคนรัก (19)
ตอนที่ 19 ตัวแทนคนรัก (19)
พฤติกรรมทำอะไรตามใจฉันของซูรุ่ย สร้างความปวดหัวเป็นอย่างมากให้กับซูหว่านจริงๆ อันที่จริงการที่ซูหว่านเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ในเขตหัวเซี่ยนี้ ที่สำนักงานใหญ่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนไม่เห็นด้วย แต่กลับกัน คู่แข่งของเธอแต่ละคนแข็งแกร่งมาก สุดท้ายแล้วเธอก็สามารถเอาชนะมาได้ด้วยข้อได้เปรียบอันน้อยนิดของเธอ ทำให้เธอได้รับโอกาสนี้มา แต่ตอนนี้มีเรื่องข่าวลือของเธอกับฟังจื่อมู่และยังมีข่าวว่าเธอนำเรื่องส่วนตัวมาใช้ในที่ทำงาน บีบบังคับยกเลิกสัญญากับทางเฮ่าเย่ว์ได้กระจายออกไป ทำให้กลุ่มคนที่คอยกีดกันเธอที่สำนักงานใหญ่เริ่มปฏิบัติการใหม่อีกครั้ง
หลังออกมาจากร้านน้ำชาซูหว่านไม่รู้ตัวเลยว่าเซียวจิ่งมั่วได้ตามเธอออกมาด้วย ตอนนี้เธอยังไม่อยากกลับเข้าบริษัท แต่กลับนำรถยนต์ไปจอดไว้ที่ลานจอดรถกลางแจ้งแห่งหนึ่ง กระชับเสื้อคลุมตัวบางบนร่างแล้วค่อยๆ เดินทอดน่องปล่อยอารมณ์ไปตามถนนเพียงลำพัง เซียวจิ่งมั่วขับรถตามหลังซูหว่านอยู่ห่างๆ และอารมณ์ของเขาในตอนนี้ไม่ได้สงบเลยแม้แต่น้อย ในหัวสมองของเขาตอนนี้มีแต่คำพูดระหว่างซูหว่านและคุณปู่วนเวียนอยู่ ที่แท้เธอรักเขามาตลอด ที่แท้เธอไม่เคยคิดทอดทิ้งและหักหลังเขาเลย กลับกลายเป็นตัวเขาเองที่เกือบจะทำร้ายเธอและครอบครัวของเธอให้พังพินาศ
เซียวจิ่งมั่วรู้สึกผิดอยู่เต็มหัวใจ และยังมีความรู้สึกสั่นไหวและสูญเสียอย่างที่ไม่เคยเป็นมานาน
มีความรู้สึกบางอย่าง ที่ค่อยๆ ฟื้นกลับคืนมาอย่างไม่รู้ตัว เขามองลอดกระจกรถยนต์ออกไปด้านนอกเห็นแผ่นหลังของร่างบางที่ดูโดดเดี่ยวของซูหว่าน ทำให้ในหัวใจของเซียวจิ่งมั่วมีความรู้สึกอยากกระโจนเข้าไปโอบกอดเธอไว้ด้วยอ้อมแขนของตัวเอง อยากที่กอดเธอไว้อย่างทะนุถนอม อยากจะมองดูเธอให้เต็มสองตา
แล้วอยากจะถามเธอด้วยตัวของเขาเอง ว่าช่วงเวลาแปดปีที่ผ่านมานี้ เธอสบายดีจริงหรือเปล่า…
เดินทอดน่องมาเรื่อยๆ อย่างไม่ทันได้รู้ตัว ซูหว่านก็เดินมาถึงหน้าประตูสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ยืนมองดูสวนสาธารณะในความทรงจำของร่างเดิมอยู่นานก็มีภาพสวนเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ผุพังไปบ้างทับซ้อนขึ้นมา ซูหว่านเพียงแค่ส่ายหัวไปมาเบาๆ
ในช่วงเวลาที่เหน็ดเหนื่อยหรือเคร่งเครียดมากเกินไป เธอมักจะชอบออกมาเดินเล่นคนเดียวตามถนน ปลดปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปเรื่อยๆ
เดินออกมาไกลมากแล้ว ซูหว่านจึงได้หมุนตัวกลับตรงหน้าประตูสวนสาธารณะ เดินกลับไปตามทางเดิม และในตอนนั้นเอง ด้านหลังของซูหว่านจู่ๆ ก็มีเสียงดังกระหึ่มของรถยนต์ดังขึ้นมาจนแสบแก้วหู
“ซูหว่าน ระวัง!”
เซียวจิ่งมั่วที่นั่งอยู่ในรถเห็นรถยนต์คันหนึ่งกำลังเร่งความเร็วตรงเข้าไปจะชนร่างของซูหว่านเต็มสองตา ในตอนนั้นเขาอึ้ออึงไปหมด ยังไม่ทันได้รู้ตัวก็พุ่งลงจากรถแล้ววิ่งไปทางซูหว่านอย่างเต็มกำลัง ในตอนนี้เอง เขารู้สึกหวาดกลัวและโทษตัวเอง เขาโกรธตัวเองที่ไม่มีความกล้ามากพอที่จะไปยืนอยู่ตรงหน้าซูหว่าน แต่กลับทำได้เพียงแค่แอบตามดูอยู่ห่างๆ เท่านั้น เหมือนอย่างเช่นตอนนี้ ที่เขาอยากที่จะปกป้องเธอสุดชีวิต แต่กลับทำได้เพียงแค่วิ่งไปหาเธอสุดกำลังอย่างไร้ประโยชน์อย่างนี้
อุบัติเหตุมักจะเกิดขึ้นในชั่วพริบตา พอซูหว่านดึงสติของตัวเองกลับมาได้ ถึงค่อยรู้สึกว่าตัวเองถูกใครคนหนึ่งใช้แรงผลักร่างของเธอกระเด็นไปอีกฟากหนึ่งของถนน รถยนต์คันนั้นที่มีเจตนาลอบฆ่าเธอชนเข้ากับร่างสูงใหญ่จนกระเด็นไปไกล และตัวรถยนต์ที่สูญเสียการควบคุมก็ชนเข้ากับต้นไม้ริมทาง จึงทำให้รถหยุดลงได้ บนถนนที่ราบเรียบ กลับมีเลือดสีแดงค่อยๆ ไหลนองไปตามพื้นผิวถนน ซูหว่านเบิกตากว้าง มองดูผู้ชายที่นอนจมกองเลือดอยู่ ลมหายใจติดขัดไปชั่วขณะ
“ซู…”
“ฟังจื่อมู่!”
ปรายตาไปมองเห็นเซียวจิ่งมั่วกำลังวิ่งตรงมาอย่างกระวนกระวาย แต่สุดท้ายซูหว่านก็เรียกชื่อของฟังจื่อมู่ออกมา เสื้อโค้ตสีดำของฟังจื่อมู่ชุ่มไปด้วยเลือด เขานอนอยู่บนพื้นถนนเส้นผมดูยุ่งไปหมด แต่กลับหันมายิ้มให้กับซูหว่าน “ผม…ผมไม่เป็นไร”
“ค่ะ คุณจะต้องไม่เป็นอะไร”
ซูหว่านหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างสงบนิ่งรีบเร่งโทรหาตำรวจและรถพยาบาล น้ำเสียงของเธอเรียบนิ่งตามปกติ แต่สายตาพร่ามัวของซูรุ่ยกลับมองเห็นมือที่จับโทรศัพท์ของซูหว่านสั่นไม่หยุด…
รถพยาบาลมาถึงอย่างรวดเร็ว ซูหว่านกับเซียวจิ่งมั่วพาซูรุ่ยไปโรงพยาบาลพร้อมกัน และคนขับรถคันนั้นก็ถูกตำรวจคุมตัวกลับไปสอบสวนที่สถานีตำรวจ
ตอนที่นั่งรออยู่ตรงโถงทางเดินของโรงพยาบาล ในมือของซูหว่านยังคงกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่น เห็นว่าเธอนิ่งเงียบมากเกินไป เซียวจิ่งมั่วที่นั่งอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาตบไปบนไหล่ของซูหว่านเบาๆ “อย่ากังวลมากเกินไปเลยนะ เขาจะไม่เป็นอะไรแน่นอน”
อันที่จริงแล้วถึงแม้ว่าซูรุ่ยจะเสียเลือดไปมาก แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงอะไร ฝีมือระดับซูรุ่ยแล้ว ในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ เขาสามารถหลบเลี่ยงจุดอันตรายได้ เพื่อให้ตัวได้ได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด แต่ทำไมเขากลับเสียเลือดมากขนาดนี้ หึหึ อันนี้นักรบซูขอไม่บอกละกัน…
จริงๆ แล้วซูหว่านรู้ดีว่าในโลกนี้ซูรุ่ยจะไม่ได้รับอันตรายอะไรถึงแก่ชีวิต แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่วางใจ เธอไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว จนกระทั่งคุณหมอย้ายซูรุ่ยเข้ามาในห้องผู้ป่วยพิเศษ ซูหว่านถึงรู้สึกวางใจลงมาได้อย่างแท้จริง
…………
ในห้องพักผู้ป่วยอบอวลไปด้วยกลิ่นเฉพาะของโรงพยาบาลที่ทำให้คนรู้สึกไม่ค่อยสบาย ซูรุ่ยนั่งพิงอยู่ตรงหัวเตียง แขนขวาของเขาต้องเข้าเฝือก ขาซ้ายก็ถูกพันด้วยผ้าปิดแผลเต็มไปหมด มองดูแล้วช่างดูน่าสงสารเหลือเกิน
“กินข้าวเถอะ”
ซูหว่านถือปิ่นโตเก็บอุณหภูมิอาหารวางไว้บนตู้ด้านข้าง พอเปิดฝากล่องอาหารออกมากลิ่นหอมของอาหารก็ลอยมาแตะจมูก
“ตอนนี้คุณต้องคุมอาหาร งั้นก็ทานน้ำซุปไปก่อนละกันนะ”
ระหว่างที่พูดไปมือของซูหว่านก็หยิบถ้วยที่เตรียมมาด้วยออกมา ค่อยๆ ตักน้ำซุปทีละช้อนใส่ลงไปในถ้วย
ตอนนี้เป็นเวลาสามวันแล้ว หลังจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ ซูรุ่ยไม่ได้ย้ายโรงพยาบาล พร้อมกันนั้นก็ยังปฏิเสธพยาบาลพิเศษที่ทางครอบครัวจัดหามาให้ด้วย ซูรุ่ยบอกว่า เพราะเขาเข้าไปช่วยซูหว่าน ถึงทำให้ได้รับบาดเจ็บแบบนี้ เพราะฉะนั้นซูหว่านจะต้องเป็นคนรับผิดชอบ
รับผิดชอบทุกอย่างในฐานะที่เขาเป็นผู้ป่วยและเป็นคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้ ซูหว่านจึงต้องยอมมาเป็นพยาบาลจำเป็นให้กับซูรุ่ย และเพราะว่างานของซูหว่านค่อนข้างจะยุ่ง เธอจึงมาดูแลเขาได้แค่ในช่วงพักกลางวันและช่วงมื้อเย็นเท่านั้น ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะรู้จักกันจริงๆ ไม่นานมากนัก แต่ซูรุ่ยก็ชอบความรู้สึกที่มีซูหว่านคอยดูแลเป็นอย่างมาก
พอเห็นว่าซูหว่านตักน้ำซุปเสร็จแล้ว ซูรุ่ยก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีด้วยการอ้าปากรอ การบาดเจ็บที่แขนมันช่างดีจริงๆ เพราะสามารถกลับมาสัมผัสกับการยกแขนใส่เสื้ออ้าปากกินข้าวอย่างตอนเด็กๆ ได้อีกครั้ง อีกอย่างการดื่มน้ำซุปที่ซูหว่านป้อนให้เองกับมือ มันทำให้รสชาติดียิ่งขึ้นกว่าเดิมมาก และแน่นอน ถ้าหากว่าน้ำซุปนี้เป็นฝีมือของซูหว่านเองไม่ได้ไปซื้อเขามาละก็ มันคงจะอร่อยที่สุดเลยละ
หลังจากที่ถูกป้อนน้ำซุปจนหมดถ้วย ซูรุ่ยยังไม่ยอมหยุด เอียงคอมองดูซูหว่านที่เดินไปเดินมาอยู่ในห้องพักผู้ป่วย ในชั่วขณะหนึ่งเขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก เขาจึงมีความคิดที่อยากจะได้มากกว่านั้น
“ซูหว่าน ผมไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันแล้ว รู้สึกเหนียวตัวไปหมดเลย”
“อืม”
ซูหว่านที่กำลังยืนหันหลังจัดดอกไม้ใส่แจกันอยู่ในห้องพักผู้ป่วยได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ทำให้ชะงักไปนิดหนึ่ง เธอหันมาปรายตามองไปที่แขนและขาที่ได้รับบาดเจ็บของซูรุ่ย “คุณอยากอาบน้ำ ตอนนี้คุณยังอาบน้ำไม่ได้หรอก ถ้าแผลโดนน้ำจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ ถ้าคุณทนไม่ไหวจริงๆ ก็ทำได้แค่เช็ดตัวแล้วละ”
“เช็ดตัว…ก็ได้นี่”
ซูรุ่ยพูดเหมือนไม่ค่อยพอใจเท่าไร น้ำเสียงอ่อนลง
เสแสร้งแกล้งทำต่อไปเถอะ!
ซูหว่านหันมายิ้มบางๆ “ก็ได้ ฉันรู้แล้ว รอฉันกลับมาตอนเย็นละกัน ตอนนี้งานที่บริษัทค่อนข้างยุ่ง ฉันไปก่อนละนะ”
พอได้ยินซูหว่านพูดถึงเรื่องบริษัท ซูรุ่ยก็อดที่จะถามต่อไม่ได้ “เรื่องคราวก่อนจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว”
เรื่องคราวก่อนที่ว่าก็ต้องเป็นเรื่องยกเลิกสัญญาที่ดังไปทั่วอยู่แล้ว
“ค่ะ จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว”
ซูหว่านตอบรับ เรื่องนั้นสุดท้ายแล้วเซียวจิ่งมั่วเป็นคนออกหน้าจัดการเองทั้งหมด อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกติดค้างเรื่องของสัญญา เซียวจิ่งมั่วจึงจัดการได้อย่างลงตัวและสวยงาม ทางสำนักงานใหญ่ก็ไม่เอาเรื่องเธอในเรื่องนี้อีก
แต่ช่วงนี้เซียวจิ่งมั่วก็คอยตรวจสอบเรื่องรถคันนั้นอยู่ตลอด เขารู้สึกว่ามีคนพยายามทำร้ายซูหว่าน เขาจึงอยากจะช่วยซูหว่านสืบหาคนบงการเรื่องนี้ให้ได้
จริงๆ แล้ว ซูหว่านไม่ต้องไปสืบหาก็รู้ว่าคนบงการคือใคร ในบทละครเดิม เพราะว่าฟังจื่อมู่ชอบลั่วชูชู โอวหยางจิ้งจึงพยายามหว่านล้อมให้ฟังจื่อเวิ่นจ้างคนมาสร้างเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์
แต่ตอนนี้ พอเห็นว่าฟังจื่อมู่และซูหว่านสนิทสนมกัน แค้นเก่าแค้นใหม่มารวมกัน คนที่จะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ ก็มีแค่คุณหนูขี้อิจฉาอย่างโอวหยางจิ้งคนเดียวแล้วละ