ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 4 เทพแห่งเกมออนไลน์รักฉัน
ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก – ตอนที่ 4 เทพแห่งเกมออนไลน์รักฉัน
หลังจากมีซูหว่านเข้ามาร่วมวงด้วย ทีมกลุ่มเล็กๆ สามคนที่ต่อสู้อยู่กับบอสแต่เดิมก็ราบรื่นมากขึ้น ในตอนที่บอสปีศาจต้นไม้ถูกอัดจนเหลือเลือดเพียงขีดเล็กๆ ในหน้าต่างสนทนาของซูหว่านก็ปรากฏข้อความขึ้นว่า…
[อู๋เฟิงเชิญคุณเข้าร่วมทีม คุณจะเข้าร่วมหรือไม่]
อู๋เฟิงก็คือ ID ของนักรบคนนั้น เขายังไม่เคยพูดอะไรสักประโยคเลย เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่เขากลับสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด
นักรบคลั่งสงคราม อู๋เฟิง
ในหัวของซูหว่านมีข้อมูลของเขาแวบเข้ามา ในโครงเรื่องเดิม อู๋เฟิงเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับคนทั้งเซิร์ฟหัวเซี่ยในสงครามข้ามเซิร์ฟ เขาเป็นนักรบคลั่งสงครามที่มีสติปัญญาและการฝีมือร้ายกาจมาก เพียงแต่ในโครงเรื่องเดิม เขาเล่นเองคนเดียว ไม่เคยเข้าร่วมกิลด์กับใครมาก่อน และไม่เคยเข้าร่วมสตูดิโอไหน รวมถึงทีมเล็กๆ ด้วย
คนแบบนี้ น่าคบค้าสมาคม
ซูหว่านกดปุ่ม [ตกลง] หลังจากที่ซูหว่านเข้าร่วมทีม เลือดของบอสป่าตัวนั้นก็หมดลง ร่างกายอันใหญ่โตล้มไปกองอยู่กับพื้น ฝุ่นคลุ้งตลบไปทั่ว จากนั้นก็มีของรางวัลปรากฏขึ้นมาเต็มพื้นทันที นอกจากเหรียญเงินและพวกยาที่พบเจอได้ทั่วไปแล้ว ก็ยังมีไอเทมอีกสามชิ้น…
ชุดเกราะเกรดสีน้ำเงินของมือสังหารระดับ 15 อีกชิ้นคือโล่นักรบเกรดสีน้ำเงินระดับ 18 และชิ้นสุดท้ายคือถุงมือจอมเวท คาดไม่ถึงว่าจะเป็นของชั้นยอดระดับเกรดสีม่วง!
อุปกรณ์แบบนี้ถือว่าไม่เลวเลย ซูหว่านรู้สึกว่าพวกทีมเล็กๆ พวกนี้มีคุณสมบัติถือว่าใช้ได้เลย
“ว้าว! ของสีม่วง!”
ปิงหั่วสิงเจ่อที่อยู่ด้านข้างหยิบชุดสีม่วงขึ้นมาใส่ในกระเป๋าของตัวเองโดยไม่ได้คิดอะไร เนื่องจากระดับต่ำสุดของชุดเกรดสีม่วงคือ 20 ซึ่งตอนนี้เขาแค่ระดับ 15 จึงไม่สามารถใส่ได้อยู่แล้ว
ดูเหมือนว่าอู๋เฟิงจะคุ้นเคยกับท่าทีสบายๆ แบบนี้ของเขาแล้ว เขาหันตัวกลับไปหยิบโล่ของนักรบขึ้นมา จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองซูหว่านที่อยู่ด้านข้าง “หว่านเย่ว์ อุปกรณ์พวกนี้ไม่มีชิ้นไหนที่เธอสามารถใช้ได้เลย งั้นฉันเก็บหมดเลยนะ ฉันเอาเหรียญทองให้เธอแทนเป็นไง”
ในโลกของ ‘หลิงเสิน’ 1,000 เหรียญเงินเท่ากับ 1 เหรียญทอง เวลานี้เหรียญทองในเกมสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินในโลกความเป็นจริงได้ คือ 10 เหรียญทองเท่ากับ 1 หยวน
ต่อไปหากระบบเกมค่อยๆ พัฒนาอย่างสมบูรณ์ โลกทั้งใบของ ‘หลิงเสิน’ จะกลายเป็นโลกใบที่สองของมนุษย์จริงๆ เหรียญทองในที่นี่ไม่เพียงแต่มีมูลค่ามากกว่าสกุลเงินในโลกแห่งความเป็นจริง แม้แต่อสังหาริมทรัพย์และร้านค้าในโลกของ ‘หลิงเสิน’ ก็จะเป็นที่ต้องการและมีราคาแพงกว่าโลกแห่งความเป็นจริง
ซูหว่านเมื่อได้ยินคำพูดของอู๋เฟิงแค่ยิ้มเฉยๆ เธอดูออกว่าอู๋เฟิงก็เป็นผู้เล่นเหรินหมินปี้ ถ้าหากหลังจากนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ เขาคงเป็นอีกคนที่ไม่ลำบาก
“ฉันก็ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน นอกจากนี้ฉันก็ไม่ได้ออกแรงอะไรมากด้วย เราทุกคนมาเป็นเพื่อนกันเถอะ!”
เมื่อพูดจบ ซูหว่านก็ส่งคำขอเป็นเพื่อนไปให้พวกเขาทั้งสามคน รอให้ทุกคนกดยอมรับหมดแล้ว ซูหว่านก็ออกจากทีมอย่างไม่ลังเล
“ไอดอล!”
เวลานี้อู่เป่าเป้ยที่ดูเหมือนกำลังเหม่อลอยมาโดยตลอดในที่สุดสติก็ได้กลับมาแล้ว ตะโกนไปทางซูหว่าน “ไอดอล ทำไมคุณถึงอยู่ระดับ 15 อยู่ละคะ”
ที่จริงตอนที่ซูหว่านเพิ่งเข้ากลุ่ม อู่เป่าเป้ยก็มีอาการเหม่อลอยแล้ว เพราะว่าเธอเห็นระดับของซูหว่านในลิสต์รายชื่อเพื่อนร่วมทีม นี่ทำให้อู่เป่าเป้ยไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด…
ไอดอลในอุดมคติของเธอควรเป็นนักบวชอันดับหนึ่งในเซิร์ฟสิ! ไม่ระดับ 60 ก็ต้องระดับ 55 แล้วเถอะ!
ระดับ 15 นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
ฝีเท้าของซูหว่านยังคงเดินหน้าต่อไปไม่หยุด “ไม่มีอะไร ก็แค่ถูกศัตรูฆ่าแล้วระดับตกแค่นั้นเอง”
ซูหว่านพูดทิ้งประโยคเหล่านี้ไว้ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันหลังหลับมา
“ครั้งนี้ ผมติดหนี้คุณครั้งหนึ่ง”
อู๋เฟิงที่อยู่ในลิสต์รายชื่อเพื่อน ส่งข้อความมาอย่างไม่ได้ตั้งตัว ซูหว่านเหลือบมองแล้วก็ปิดกล่องข้อความ
เธอไม่ใช่คนที่ชอบทำเรื่องดีๆ สักเท่าไหร่ วันนี้ที่เธอช่วยพวกเขาเป็นเพราะเธออยากจะให้อู๋เฟิงเป็นหนี้บุญคุณเธอต่างหาก
ทั้งสามคนมองด้านหลังของซูหว่านที่เดินจากไป พวกเขาต่างก็ตกตะลึงไปสักพัก จู่ๆ ปิงหั่วสิงเจ่อก็ตะโกนออกมาว่า “โอ้! ผมนึกออกแล้ว! เมื่อวานผมยังพูดอยู่เลยว่ามีพี่ชายของเพื่อนร่วมชั้นผมคนหนึ่งอยู่กิลด์ซื่อเทียน ผมถามเขาสามารถช่วยแนะนำให้พวกเราเข้ากิลด์ได้ไหม แต่เหมือนผมได้ยินเขาพูดว่าช่วงนี้กิลด์ซื่อเทียนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อย่าบอกนะว่ามันเกี่ยวข้องกับซูเฉิงหว่านเย่ว์ พวกพี่รอก่อน ผมจะไปถามเขา!”
จากนั้นปิงหั่วสิงเจ่อก็เปิดหน้าโปรไฟล์ของคนหนึ่งในลิสต์รายชื่อเพื่อนขึ้นมา และเริ่มการสนทนา หลังจากนั้นไม่นานสีหน้าของปิงหั่วสิงเจ่อก็เปลี่ยนเป็นแปลกใจอย่างมาก “พี่อู๋ เสี่ยวอู๋ พี่ชายของเพื่อนร่วมชั้นผมบอกว่า ซูเฉิงหว่านเย่ว์ออกจากซื่อเทียนแล้ว และเมื่อไม่นานมานี้ ตี้ซื่อเทียนและตู๋หลังต่างก็ประกาศหมายจับไล่ฆ่าเธอ ทุกคนที่ได้รับหมายจับ ขอแค่สามารถฆ่าจนลดระดับของซูเฉิงหว่านเย่ว์ได้หนึ่งระดับ ก็จะได้เงินรางวัลตามหมายจับโดยอัตโนมัติ”
ตี้ซื่อเทียน ตู๋หลัง?
สองคนนั้นไม่ใช่คู่ปรับกันหรอกเหรอ
อู๋เฟิงคร่ำครวญอยู่สักพักหนึ่ง คิ้วของเขาก็เริ่มขมวดโดยไม่รู้ตัว เขาก็เคยเล่นเกมมาก่อน แต่ก็ไม่ได้เอาเป็นเอาตายขนาดนี้ สิ่งเดียวที่ทำให้เขาสนใจได้ในช่วงหลายปีมานี้คือ ‘หลิงเสิน’ ในความเป็นจริงด้วยนิสัยของอู๋เฟิงแล้ว เขาไม่ชอบการถูกผูกมัด หรือวางแผนจะเข้าร่วมกิลด์ใดๆ มาโดยตลอด แต่เพราะแค่น้องสาวของเขาชอบซูเฉิงหว่านเย่ว์ ครั้งนี้เขาเลยพาน้องสาวและลูกพี่ลูกน้องของเขาเข้ามาร่วมเล่นเกมด้วยกัน เดิมทีเขาวางแผนที่จะทำตามความต้องการของน้องสาวเขา แล้วเข้าร่วมกิลด์ซื่อเทียน คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ ซื่อเทียนก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ตามที่ปิงหั่วอธิบายให้ฟัง ทำให้อู่เป่าเป้ยรู้เรื่องซูเฉิงหว่านเย่ว์กับตี้ซื่อเทียน รวมถึงเรื่องของหุยโหมวอีเซี่ยวและตู๋หลังด้วย ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสี่นั้นช่างซับซ้อนจริงๆ
หลังจากที่พอเข้าใจสถานการณ์แล้ว อู่เป่าเป้ยก็ควงไม้เท้านักบวชในมือของเธอด้วยความขุ่นเคืองทันที “นี่มันรังแกคนอื่นมากเกินไปแล้ว! ไอ้พวกคนไม่ดี! ถึงกับกล้ามารังแกไอดอลของฉันแบบนี้ได้ยังไง! พี่ชาย พี่เก่งที่สุดเลย พี่จะต้องช่วยไอดอลของหนูเอาคืนให้ได้นะ!”
แก้แค้น?
แก้แค้นตี้ซื่อเทียนที่อยู่ระดับ 65 หรือตู๋หลังที่อยู่ระดับ 64 หรือว่าจะให้ไปแก้แค้นหุยโหมวอีเซี่ยวที่อยู่ระดับ 55 ล่ะ
ตอนนี้ดูเหมือนว่าอู่เป่าเป้ยจะลืมไปว่าพี่ชายของเธออยู่แค่ระดับ 15 เท่านั้น
“พวกเรารีบไปเก็บระดับกันเถอะ ที่เป็นหนี้บุญคุณเขาไว้ เดี๋ยวฉันจะคืน”
…
หลังจากที่ซูหว่านจากไปโดยไม่รู้ว่าทั้งสามคนได้กลายเป็นกองทัพให้กับเธอแล้วนั้น ตอนนี้ค่าประสบการณ์ของซูหว่านอยู่ที่ระดับ 15 มา 80% แล้ว เธอรอให้ตัวเองถึงระดับ 16 ก่อนถึงจะเข้าไปดูสถานการณ์ในเมืองหลงเฉิง
ในเวลานี้ ลมหนาวที่คุ้นเคยก็พัดเข้ามาจากทางด้านหลัง…
สกิลแทงข้างหลัง!
มีมือสังหาร!
ซูหว่านกำอาวุธแน่น แม้ว่าทั้งตัวเธอจะอยู่ในชุดเสื้อคลุมนักบวชตัวยาวก็ตาม เธอก็ยังคงเอี้ยวตัวหลบได้อย่างว่องไว อาวุธอันเย็นเยียบเฉียดผ่านชายเสื้อไปเล็กน้อย ถึงแม้มันจะโดนเพียงเล็กน้อย แต่ซูหว่านก็เสียเลือดไปแล้ว 999 หน่วย ตอนนั้นหลอดเลือดเธอถึงกับลดลงไปครึ่งหนึ่งภายในช่วงเวลาอันสั้นเลยทีเดียว
ซูหว่านใช้เวทรักษาระดับต้นให้ตัวเองอย่างรวดเร็ว และวินาทีหลังจากนั้น แสงสว่างเรืองรองก็อาบไปทั้งตัวของซูหว่าน…
เวทรักษาระดับสูง!
ผู้หญิงสวมเสื้อคลุมของนักบวชสีขาวบริสุทธิ์ค่อยๆ เดินออกมาจากหลังต้นไม้ที่อยู่ด้านข้าง เธอสวมเสื้อคลุมที่ดูสง่างามสูงศักดิ์ สะบัดพลิ้วแม้ไร้ลม
หนิงเหมิงปู้ซวน นักบวชระดับ 60
ซูหว่านจำนักบวชหญิงที่อยู่ตรงหน้าได้ ชุดนักบวชที่เธอสวมอยู่ตรงหน้านั้นมีชื่อว่าแสงแห่งศรัทธา ทั้งเซิร์ฟมีแค่ชุดเดียว ครั้งหนึ่งซูหว่านเคยพาคนของซื่อเทียนลงดันเจี้ยนตามหาสามวันสามคืนจนได้มา แต่น่าเสียดาย หลังจากที่เธอถูกตี้ซื่อเทียนและตู๋หลังไล่ฆ่า เสื้อคลุมผืนนี้จึงหลุดมือไป คิดไม่ถึงว่ามันจะปรากฏบนตัวของหนิงเหมิงปู้ซวนในตอนนี้
“ไม่เจอกันนานเลยนะ”
หนิงเหมิงปู้ซวนเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้สวยเท่าไหร่นัก บนร่างกายของเธอมีความเย็นชาและห่างเหินชนิดหนึ่ง ในตอนนี้น้ำเสียงของเธอก็เย็นชาเช่นกัน บนใบหน้าที่ธรรมดาก็ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมาสักเท่าใด
“จื้อจุน ภรรยาของนายมีแต่ทำหน้าซังกะตาย นายนายคิดว่ายังไง”
ซูหว่านแค่ส่งยิ้มให้หนิงเหมิงปู้ซวนน้อยๆ จากนั้นเธอก็หันตัวกลับไป มองไปทางมือสังหารที่โผล่ออกมาข้างหลังตัวเอง
จื้อจุนอู๋ซั่ง มือสังหารอันดับหนึ่งในเซิร์ฟหัวเซี่ย 4
ตอนนี้เขาสวมชุดมือสังหารสีมืดระดับสูงสุด อาวุธลับที่เพิ่งโจมตีซูหว่านเมื่อครู่ก็คืออาวุธที่ใช้สำหรับลอบสังหารของจื้อจุนอู๋ซั่ง ชื่อว่า ลมหายใจแห่งรัตติกาล
เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของซูหว่าน จื้อจุนอู๋ซั่งก็แค่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ไม่ได้เห็นเธอมาสักพักแล้ว เธอมีอารมณ์ขันแล้วนี่ ดูเหมือนว่าตั้งแต่เลิกกับไอ้เจ้าตี้ซื่อเทียน ทำให้ไอคิวเธอเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย”
ซูหว่านไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพียงแค่จ้องไปยังใบหน้าเรียบนิ่งของจื้อจุนอู๋ซั่งเท่านั้น
จื้อจุนอู๋ซั่งเลิกคิ้วใส่ซูหว่าน แล้วส่งคำเชิญเข้าร่วมทีมให้กับเธอ รอจนซูหว่านเข้าร่วมทีมแล้ว ถึงเพิ่งเห็นว่ามีอีกสองคนในทีม…
เหิงเตาลี่หม่า นักรบระดับ 62
หลิงตู้หรานเซา จอมเวทระดับ 63
ในตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในแผนที่เดียวกัน รูปโปรไฟล์ของพวกเขาทั้งสองคนเป็นสีเทา แต่สามารถสนทนากับพวกเขาได้บนหน้าต่างสนทนาของทีม…
เหิงเตาลี่หม่า : [ยินดีต้อนรับเข้าร่วมทีมจวี้เฟิง]
หลิงตู้หรานเซา : [เทพธิดาหว่านเย่ว์ ปกป้องผมหน่อย!]
หนิงเหมิงปู้ซวน : [เงียบ!]
หลิงตู้หรานเซา : [แง พี่สะใภ้ดุจัง ผมกลัวจังเลย! เทพธิดาหว่านเย่ว์ปลอบใจผมหน่อย!]
ซูเฉิงหว่านเย่ว์ : […]