ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 2 ระบบพลิกบทนางรอง (2)
ซอมบี้กับมนุษย์มีสิ่งที่ไม่เหมือนกัน พวกมันไม่ต้องการพักผ่อน กินเลือดเนื้อเป็นอาหาร แม้กระทั่งเวลาได้รับบาดเจ็บพวกมันก็ยังสามารถใช้ความแข็งแกร่งของตนฟื้นฟูร่างกายตัวเองได้ ค่อยๆ ฟื้นร่างกายทรุดโทรมของตัวเองช้าๆ
ซูหว่านร่อนเร่อยู่ในพื้นที่ที่ถูกยึดครองเมือง S มาสามวันแล้ว บาดแผลบนตัวก็หายไปหมดแล้ว อย่างน้อยตอนนี้…เธอก็ดูเหมือนซอมบี้ที่แข็งแรงปกติ
จากหลักการแล้วพวกซอมบี้ไม่ต้องการกินอาหารทุกวัน แต่จะไม่เติมสารอาหารเป็นเวลานานก็ไม่ได้ สำหรับซอมบี้แล้วสารอาหารที่ดีที่สุดจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเลือดเนื้อของมนุษย์
กินมนุษย์?
ซูหว่านไม่ทำแบบนั้นแน่นอน เธอไม่อยากขยะแขยงตัวเองจนตาย
ยุคโลกาวินาศเพิ่งจะเริ่มต้น คนธรรมดามากมายแม้แต่พวกมีพลังพิเศษก็ไม่รู้ว่าสมองของซอมบี้มีแกนผลึกอยู่ หยางจื่อซีคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ได้เปรียบอยู่มากโข ซูหว่านตัดสินใจเดินทางสายนี้ เธอใช้โอกาสที่ฟ้ามืดเดินก้าวช้าๆ เข้าไปในตัวเมือง เจอกับพวกซอมบี้ที่ถูกคนฆ่าตายตอนกลางวันใช้อุ้งเล็บอันแหลมคมทะลวงสมองพวกมันออกมา
แกนผลึกทุกอันจะมีขนาดไม่ต่างกันมาก เหมือนกับอัญมณี ซูหว่านลังเลเล็กน้อยก่อนจะอ้าปากใช้ฟันยาวกัดลงไปหลายคำ
กร้วม กร้วม เธอเคี้ยวแกนผลึกจนแหลกละเอียด ดูดซับเข้าไปแล้ว
เอาล่ะ ตอนนี้ดูเหมือนว่าฟันยาวกับเล็บแหลมคมพวกนี้จะไม่เลวซะทีเดียว
หลังจากดูดกลืนแกนผลึกเม็ดแรก ซูหว่านรู้สึกได้ถึงความร้อนวูบวาบเปี่ยมด้วยพลังขึ้นมาอย่างชัดเจนในร่างกายของตัวเอง ดวงตาของเธอสว่างวูบวาบ เร่งฝีเท้าสะสมแกนผลึกอย่างทนไม่ไหว เพราะรู้ว่าเมื่อฟ้าสว่างที่นี่จะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ซอมบี้ระดับล่างอย่างเธอตอนนี้ ถ้าถูกผู้มีพลังพิเศษเห็นเข้าเธอได้ตายไม่เหลือซากแน่ๆ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ซูหว่านเก็บรวบรวมแกนผลึกได้หนึ่งถุงเต็มๆ เธอนำถุงใส่แกนผลึกแบกเอาไว้กับตัว คำนวณแล้วแกนผลึกพวกนี้ไม่แค่พอให้เธอกินไปทั้งอาทิตย์ แต่น่าจะยังเลื่อนขั้นให้เธอจากระดับล่างสุดเป็นซอมบี้ระดับสองได้เลยทีเดียว ถ้าโชคดีไม่แน่ว่าอาจจะได้พลังพิเศษกลายพันธุ์อะไรสักอย่างก็ได้
ขณะที่ซูหว่านเตรียมจะหมุนตัวเดินออกไป เสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังมาจากทางด้านหลังของเธอ…
“เหวอ!”
ช่วงใกล้รุ่ง บนถนนเงียบสงัดยามเช้ามืด เด็กผู้ชายอายุแปดเก้าขวบคนหนึ่งกำลังอุดปากตัวเองอย่างสุดกำลัง ตาสองข้างเบิกโพลง มองซูหว่านอย่างตกใจกลัว
เอ๋
ซูหว่านหันตัวกลับไปช้าๆ เธอไม่คิดเลยว่าจะได้เจอมนุษย์ในเวลาและสถานที่แบบนี้ แถมยังเป็นเด็กอีก
เอาเถอะ ตอนนี้เธอรับรู้อย่างชัดเจนแล้วว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์แล้ว โอเคไหม
ซูหว่านก้าวไปหาเด็กชายทีละก้าว เด็กชายหวาดกลัวแทบขาดใจ สีหน้าซีดเผือดน่าจะเพราะกลัวถึงขีดสุด เด็กชายคนนั้นทันใดนั้นก็เปิดปากขึ้น “แก! ไปนะ! อย่าเข้ามานะ!”
เสียงใสบริสุทธิ์น้อยๆ กำลังหวาดกลัวอยู่ชัดๆ แต่กลับน่าฟังมากอย่างน่าอัศจรรย์ ราวกับทำให้ใจเต้นได้!
สายวิญญาณ!
ผู้มีพลังพิเศษสายวิญญาณกลายพันธุ์โดยกำเนิด!
ซูหว่านหยุดฝีเท้าลง คิดพิจารณาดูสักครู่
ในเวลานี้ สายตาของเยี่ยนอวี่น้อยเห็นฉากตรงหน้าเขาเป็นแบบนี้…
ซอมบี้สาวเนื้อตัวมอมแมม แบกถุงหน้าตาประหลาด เวลานี้เธอยืนอยู่ตรงหน้าเขา คอเอียง มือหนึ่งจับคางไว้ เล็บสีดำเขียวราวกับจะทิ่มหัวบวมซีดของเธอได้ทุกเวลา จากนั้นก็พ่นเลือดสีเขียวออกมา…
ฮือๆๆ แค่คิดก็กลัวจะตายอยู่แล้ว!
ทำยังไงดี จะต้องตายจริงๆ เหรอเนี่ย
เยี่ยนอวี่วัยเก้าขวบหวาดกลัวอย่างที่สุด นอกจากความกลัวก็เหลือเพียงความสิ้นหวังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ก็ใช่นะสิ เขาจะตายแล้ว พ่อตายแล้ว แม่ตายแล้ว พี่สาวก็ตายแล้ว ตอนนี้เขาก็กำลังจะตาย
ตายบนถนนที่ไม่มีใครรู้ ตายด้วยน้ำมือของซอมบี้สาว
เยี่ยนอวี่อยากจะวิ่งหนี แต่ตอนนี้เขาไม่มีแม้แรงจะขยับและความกล้าหาญเลยแม้แต่น้อย แล้วเขาจะวิ่งยังไงล่ะ
เหมือนกับว่าเมื่อก่อนพี่สาวเคยพูดเอาไว้ว่า เป็นลูกคนเล็กสุดของบ้าน เป็นเด็กผู้ชายคนเดียว แต่กลับเกิดมาอ่อนแอกว่าเด็กผู้หญิง
“แฮ่~ แฮ่~”
เสียงซอมบี้ที่อยู่ห่างกันเพียงแค่คืบ ทำให้เยี่ยนอวี่หลับตาทั้งสองข้างปี๋ แต่ความตายที่จินตนาการไว้กลับมาไม่ถึง เยี่ยนอวี่รู้สึกได้ถึงมือสองข้างที่แข็งทื่อถูกคนคลี่ออกอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้น สิ่งของสองเม็ดก็ตกลงมาบนมือเขา
นี่คือ…
เยี่ยนอวี่ลืมตาขึ้นด้วยความระมัดระวังอย่างสั่นกลัว เขาเห็นซอมบี้สาวตัวนั้นกลับไปที่เดิมของตัวเอง แถมยังใช้เล็บแหลมคมเขียนบนพื้นไว้ว่า ‘นี่ให้นาย ให้พลังวิญญาณของตัวเองดูดซับพวกมัน มีประโยชน์กับพลังพิเศษของนาย’
ซะ…ซอมบี้สาวตัวนี้มีสติปัญญาของตัวเองด้วยเหรอเนี่ย!
เยี่ยนอวี่นิ่งอึ้งมองแกนผลึกบนฝ่ามือของตัวเอง แล้วมองไปยังเงาร่างที่ลบข้อความบนพื้นออกอย่างรวดเร็วเดินจากไปอย่างช้าๆ
ขณะนั้นเอง เขาก็รู้สึกว่าเงานี้ไม่ได้น่าเกลียดน่ากลัวอย่างที่คิด
เห็นซูหว่านหายลับไปจากถนน เยี่ยนอวี่กำแกนผลึกในมือแน่น…
พลังวิญญาณ?
พลังวิญญาณคืออะไร
ตัวฉัน มีพลังเหนือมนุษย์อย่างที่เธอบอกจริงๆ เหรอ
…………
ห่างออกไปไกลโพ้น เมือง B ศูนย์วิจัยลี่ว์เยี่ย สถานวิจัยใต้ดิน
พนักงานศูนย์วิจัยสวมเสื้อกาวน์สีขาวกลุ่มหนึ่งกำลังยุ่งเป็นพัลวันอยู่ในห้องทดลอง ในห้องทดลองทั้งสี่ด้านวางเรียงรายไปด้วยครอบแก้วมากมาย ภายในเครื่องแก้วเหล่านั้นใส่ของเหลวสีเขียวข้นอยู่เต็ม บ้างยังมีร่างซอมบี้แช่เอาไว้และยังมีอวัยวะต่างๆ ของมนุษย์
ที่นี่ก็คือสถานวิจัยไวรัสซอมบี้
ในขณะที่โลกาวินาศปรากฏซอมบี้ขั้นแรกขึ้นมา ก็คือผลงานล้มเหลวจากการทดลองของผู้นำสูงสุดของศูนย์วิจัยแห่งนี้ ‘ดอกเตอร์แอล’ นี่แหละ!
ดอกเตอร์แอล มีชื่อเดิมว่าหลิงจิ่ง เขาเกิดมาในครอบครัวชีววิทยา ตั้งแต่เล็กเขาก็ถูกมองเป็นอัจฉริยะในสายตาคนอื่น แต่อัจฉริยะกับคนบ้ามักจะมีเพียงเส้นบางๆ กั้น
ใช่แล้ว อันที่จริงดอกเตอร์แอลคือคนบ้าเต็มรูปแบบ ไม่นึกเลยว่าเขาจะแอบวิจัยไวรัสซอมบี้มาตลอด แถมยังเอาไวรัสนี้ปล่อยแพร่ไปทั่วโลกอีก เขาพยายามเปลี่ยนแปลงยีนของมนุษย์ผ่านไวรัสพวกนี้ นับแต่นี้จะเข้าสู่การพัฒนาครั้งยิ่งใหญ่เป็นประวัติการณ์ของสายพันธ์มนุษย์!
จากไวรัสนำไปสู่จุดจบของโลก ถึงเวลานี้ก็ได้ผ่านมาสองเดือนแล้ว
เพราะไวรัสที่แพร่ออกมาแท้จริงแล้วคือผลงานล้มเหลวของดอกเตอร์แอล ที่ผลลัพธ์ไปไม่ถึงที่คาดไว้แต่แรก ทำให้เขาโมโหมาก ดังนั้นสองเดือนมานี้ดอกเตอร์แอลจึงขังตัวเองอยู่แต่ในห้องทดลองใหญ่ที่อยู่ส่วนลึกที่สุดของศูนย์วิจัย ไม่เคยออกไปแม้แต่ก้าวเดียว เหล่านักทดลองลูกน้องของเขารู้ซึ้งถึงอารมณ์ร้ายของดอกเตอร์ดี ต่อให้ฟ้าจะถล่มลงมาก็ไม่มีใครกล้าไปรบกวนการทดลองของเขา
แต่วันนี้ ประตูห้องทดลองจู่ๆ ก็เปิดออก เงาร่างสูงปรากฏออกมาต่อหน้าผู้คน…
รูปร่างสูงใหญ่ ขาตรงยาว ชุดกาวน์สีขาวสะอาดเอี่ยมอ่อง
ซูรุ่ยยืนอยู่หน้าประตูห้องทดลองเงียบๆ ดวงตาสุกสกาวคู่หนึ่งที่แววตาเต็มไปด้วยอันตรายและความเยือกเย็น
“ดอกเตอร์!”
ทุกคนต่างรีบวางงานทดลองในมือลง มองดูชายผู้เป็นยอดอัจฉริยะแต่ก็เย็นชาเหมือนน้ำแข็งผู้นี้ด้วยแววตาเป็นประกาย
ซูรุ่ยเพิ่งจะได้รับความทรงจำเสร็จ เวลานี้สีหน้าของเขาเยือกเย็นจนทำคนตกใจ
เขารู้ว่าซูหว่านตายไปแล้ว
ไม่สิ น่าจะเป็นหยางจื่อซีคาดว่า ‘ซูหว่านร่างเดิม’ ตายแล้ว
เสี่ยวหว่านของเขาจะตายได้ยังไง
“ฉันจะไปเมือง S หน่อย”
ทิ้งประโยคนี้ไว้อย่างเยือกเย็น ซูรุ่ยก็หันจากไปอย่างเร็วไว
เขาจะต้องไปหาซูหว่านที่นั่นให้เจอจงได้
ไม่ว่าจะกลายเป็นซอมบี้ก็ดี หรือจะเป็นผีก็แล้วแต่
ขอแค่เธอยังอยู่บนโลกใบนี้ จะอยู่ในรูปแบบอะไรก็แล้วแต่ เขาก็สามารถหาเธอจนเจอได้…